บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 467 อาบน้ำให้ทารกหลังจากคลอดได้สามวัน
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 467 อาบน้ำให้ทารกหลังจากคลอดได้สามวัน
แต่ว่า เหมาะสมไม่เหมาะสม ชื่อเล่นก็ได้ส่งไปแล้ว ก็กำหนดเช่นนี้แล้ว
คนในจวน กระตือรือร้นจัดเตรียมเรื่องอาบน้ำให้ทารกหลังจากคลอดสามวันในวันถัดไป
อาบน้ำให้ทารกหลังจากคลอดสามวันเป็นประเพณีที่เป็นสิริมงคล เรื่องนี้ฮองเฮาได้จัดเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว พระญาติเชื้อพระวงศ์ไม่ว่าจะว่างหรือไม่ว่าง ก็จำเป็นต้องไป
หยวนชิงหลิงที่รู้ขนบธรรมเนียมประเพณีของท้องถิ่นเพียงผิวเผินก็รู้ประเพณีอาบน้ำให้ทารกหลังจากได้คลอดสามวัน ที่เรียกว่าอาบน้ำให้ทารกหลังจากคลอดได้สามวัน ก็คือหลังจากเด็กถือกำเนิดได้เป็นวันที่สาม รวบรวมญาติพี่น้องเพื่อนฝูงมาดูการอาบน้ำ ว่ากันว่าเป็นการชำระสิ่งไม่เป็นมงคลที่พามาจากชาติก่อน ชาตินี้ก็จะมีความสงบสุขปลอดภัยเป็นสิริมงคล อีกทั้งมีความหมายว่าเป็นชำระร่างกายเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากเรื่องหนึ่ง
จวนเจ้าพระยาจิ้งทางนั้นก็จะมีคนมา ร่วมงานประเพณีอาบน้ำให้ทารกหลังจากคลอดสามวัน
เช้าตรู่วันถัดมา อ๋องชินลุ่ยและพระชายาก็มาแล้ว และบอกหยู่เหวินเห้า ชื่อเล่นของทารก ได้เขียนลงในด้านข้างของแผนภูมิหยกแล้ว รอเพียงแค่ชื่อจริงกำหนดออกมา ก็สามารถเพิ่มเข้าไปได้
หยวนชิงหลิงยังนอนอยู่บนเตียง พระชายาอ๋องชินลุ่ยเข้าไปเยี่ยมนาง
หลังจากเข้าไปแล้ว จึงกล่าวคำยินดีและชื่นชม: “เจ้าชั่งยอดเยี่ยมนัก เจ้าเพิ่มลูกชายสามคนให้กับราชวงศ์ ข้าไปดูแล้ว ทั้งสามเหมือนกันทุกอย่าง หน้าผากอิ่มเอิบ ลักษณะมีบุญวาสนา
หยวนชิงหลิงอมยิ้มแล้วกล่าว: “ดูตอนนี้น่าเกลียดเป็นอย่างมากเชียว สมพรปากของท่าน หวังว่าพวกเขาทั้งหมดจะมีบุญวาสนา สามารถสงบสุขปลอดภัยทั้งชีวิตเพคะ”
“แน่นอน!” พระชายาอ๋องชินลุ่ยตบหลังมือของนางเบาๆ คิดแล้ว กลับหัวเราะขึ้นมา “ได้ยินว่าชื่อเล่นของพวกเขา คือเจ้าตั้งขึ้น แปลกก็แปลกไปหน่อย แต่กลับเสนาะคล่องปาก”
หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วกล่าว: “ข้าเข้าใจวิชาการรักษาเล็กน้อย ดังนั้น จึงอยากใช้ชื่อยาสมุนไพรตั้งเป็นชื่อเล่นของพวกเขา หวังว่าอนาคตของพวกเข้าล้วนสามารถเป็นคนที่มีประโยชน์ได้”
พระชายาอ๋องชินลุ่ยงงงันครู่หนึ่ง “นี่คือชื่อยาหรือ? นี่ไม่ใช่…….ขนมหวานหรือ?”
“ขนมหวาน?” หยวนชิงหลิงงงงัน “นี่หนันซิง เหริ่นตง คงชิน ล้วนเป็นชื่อยานะเพคะ”
พระชายาอ๋องชินลุ่ยมองดูนางด้วยความแปลกใจ “ไม่ใช่…….ซาลาเปา ทังหยวน ข้าวเหนียวหรือ?”
หยวนชิงหลิงงงงันแล้ว “ทำถึงเป็นซาลาเปาทังหยวนข้าวเหนียว?”
“ใช่นะ ข้าเคยดูแล้ว เสด็จอาของเจ้ายังบอกว่า นี่เห็นพระชายาฉู่เป็นคนที่พิเศษ คิดไม่ถึงว่าตั้งชื่อเล่นลูกก็พิเศษเช่นนี้ ยังบอกว่าคนโตชื่อซาลาเปา คนรองคือทังหยวน คนเล็กคือข้าวเหนียม ฟังแบบนี้ ก็แยกใหญ่เล็กได้แล้ว”
หยวนชิงหลิงเห็นว่านางไม่ได้พูดเล่น บนใบหน้าแข็งทื่อขึ้นช้าๆ “สวรรค์!”
“ทำไมหรือ?” พระชายาอ๋องชินลุ่ยเห็นสีหน้าของนางเปลี่ยนเล็กน้อย จึงรีบถาม
หยวนชิงหลิงยิ้ม กัดฟันกล่าวด้วยความโกรธ: “ไม่ เพียงแค่รู้สึกอย่างกะทันหันว่า ตาห้าของบ้านเราธาตุทั้งห้าน่าจะขาดการโดนตี”
พระชายาอ๋องชินลุ่ยงงแล้ว “เจ้าห้าห้าธาตุขาดการโดนตีหรือ? เคยได้ยินแต่ขาดทองไม้น้ำไฟดิน ไม่เคยได้ยินขาดการโดนตีมาก่อนนี่”
นางเห็นหยวนชิงหลิงยิ้มจนดุมากขึ้นเรื่อยๆ ขนลุกในใจเล็กน้อย คิดว่าพระชายาฉู่นี่น่าจะเป็นเพราะหลังจากที่ให้กำเนิดบุตรแล้ว กินโดนของเย็นลมหนาวเข้าจนเจ็บป่วยแล้ว?
นางจึงไม่ได้นั่งนาน ยืนขึ้นมาแล้วกล่าว: “เจ้าพักผ่อนให้ดีๆ ข้าออกไปดูเจ้าพวกซาลาเปาก่อน”
“เสด็จน้าเดินทางดีๆเพคะ!” หยวนชิงหลิงพยายามอมยิ้มส่ง
หลังจากพระชายาอ๋องชินลุ่ยออกไปแล้ว หยวนชิงหลิงเก็บรอยยิ้มบนหน้าทันที กล่าวด้วยเสียงต่ำ: “หมันเอ๋อ เชิญท่านอ๋องเข้ามา”
หมันเอ๋ออ๋อเสียงหนึ่ง หมุนตัวแล้วออกไป
หยู่เหวินเห้ากำลังสนทนากับอ๋องชินลุ่ย ได้ยินว่าหมันเอ๋อมาเรียก จึงออกมาแล้ว
เขาถาม: “พระชายาบอกว่ามีเรื่องอะไรหรือ?”
หมันเอ๋อส่ายศีรษะ กล่าว: “ไม่ได้พูดเจ้าค่ะ แค่สีหน้าค่อนข้างไม่น่าดู”
“โกรธแล้ว?” หยู่เหวินเห้าสาวเท้าก้าวใหญ่ “ใครยั่วยุนางแล้ว? ชั่งกล้าหาญมาก”
หมันเอ๋อกล่าว: “บางทีอาจจะเป็นท่านท่านอ๋อง พระชายาคือมุ่งเข้าหาท่านเจ้าค่ะ”
หยู่เหวินเห้างงงันทันที เขา? วันนี้เขาไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา?
เข้าตำหนักเซี่ยวเยว่แล้ว แม่นมสี่ทังหยางสวีอีและคนอื่นๆยังกำลังจัดเตรียมเรื่องอาบน้ำให้ทารกหลังจากคลอดสามวันของอีกครู่อยู่ เขาพุ่งตรงกลับไปในห้องแล้ว
“หยวน ทำไมหรือ?” หยู่เหวินเห้าเปิดม่านเข้าไป เห็นหยวนชิงหลิงหน้าเขียวหมดแล้ว รีบถามอย่างรีบร้อน
“ชื่อเล่นของลูกคืออะไร?” หยวนชิงหลิงมองดูเขาแล้วถาม
หยู่เหวินเห้ายิ้มแล้วกล่าว: “เจ้าตั้งเอง เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ?”
“คืออะไร? ที่ท่านส่งเข้าไปในวังคืออะไร?” หยวนชิงหลิงมองดูใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเขา ไม่อยากยิ้มเลยสักนิด
“ก็คือกระดาษแผ่นนั้นที่เขียนไง ซาลาเปา ทังหยวน ข้าวเหนียวไง” หยู่เหวินเห้านั่งลงข้างกายนาง กล่าว
หยวนชิงหลิงห้อยมือลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรง เพ่งมองเขา “ไม่ใช่ข้าตั้ง”
“ห๊ะ?” หยู่เหวินเห้างงงันทันที “เจ้าไม่ได้บอกว่าอยู่บนโต๊ะในห้องหนังสือหรอกหรือ? ข้าก็หยิบจากบนโต๊ะ ที่เขียนไว้ก็คือสามอันนี้นี่ เจ้าบอกว่าไม่ใช่สามอันนี้ เช่นนั้นที่เจ้าตั้งคืออะไรล่ะ?”
หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยความโมโห: “ที่ข้าเขียนคือคงชิน หนันซิง เหริ่นตง ซาลาเปาหมั่นโถวอะไรนี่ของท่าน เห็นที่ไหนกันแน่?”
ใบหน้าของหยู่เหวินเห้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง “เจ้าตั้งชื่อได้ไพเราะขนาดนี้? แต่ข้าเห็นก็คือแผ่นนั้นจริงๆ ข้าเห็นอักษรที่เจ้าเขียนน่าเกลียด ข้ายังเขียนใหม่อีกแผ่นหนึ่ง เจ้าไม่เชื่อข้าไปหยิบมาให้เจ้า”
“ท่านไปหยิบมา!” หยวนชิงหลิงเห็นท่าทางการพูดจาอย่างมีหลักฐานของเขา ไม่เหมือนกำลังโกหก เป็นไปได้ว่าความคิดความรู้สึกของตัวเองเสียดุลจำผิดไปแล้ว?
ซาลาเปาหมั่นโถวสามอย่างอะไรนี่ เป็นนางตั้งจริงๆหรือ?
หยู่เหวินเห้าลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป ตะโกนไปทางด้านนอกเสียงหนึ่ง “สวีอี เจ้าไปห้องหนังสือหยิบกระดาษบนโต๊ะแผ่นนั้นมา”
“ได้เลยขอรับ!” สวีอีตอบรับอยู่ด้านนอก
หยู่เหวินเห้ากลับมานั่งข้างกายหยวนชิงหลิง กล่าวด้วยความแน่ใจ: “ข้าไม่ได้โกหกเจ้าจริงๆ เขียนไว้สามอย่างนี้จริงๆ”
จิตใจของหยวนชิงหลิงห่อเหี่ยว เรื่องการตั้งชื่อลูก ความจริงนางอยากทำเอง แต่ในยุคสมัยนี้ไม่ใช่ตาของนางที่จะตัดสินได้ ดังนั้นนางจึงตั้งชื่อเล่น ก็นับว่าเป็นการปลอบใจตัวเองอย่างหนึ่ง
สามชื่อนี้ นางตัดสินใจออกมาหลังจากคิดอยู่เป็นเวลานานมาก เพราะด้านหลังชื่อ สามารถใส่ชื่อได้ ดังนั้น นางตั้งสามชื่อนี้ ก็เพราะหวังว่าท้ายที่สุดจะกลายเป็นชื่อของพวกเขา
นางรู้ว่าหยู่เหวินเห้าคิดชื่อดีๆออกมาไม่ได้ แต่การดำเนินการก็ต้องถามเขาหน่อย เมื่อเขาพูดว่าตัวเองตั้งไม่เป็น นางจึงหยิบเอาที่ตัวเองตั้งไว้ดีแล้วออกมา
ความคิดความปรารถนาเอ๊ย สุดท้ายมอบให้กับขนมหวาน
สวีอีเอาหยิบเอากระดาษเข้ามาด้วยความดีใจ กล่าวผ่านม่านที่กั้นไว้: “ท่านอ๋องขอรับ หยิบมาแล้วขอรับ”
หมันเอ๋อเดินออกไปรับ จากนั้นส่งไปให้หยู่เหวินเห้า
เมื่อหยู่เหวินเห้าดู อึ้งแล้ว ด้านบนเขียนอักษรด้วยลายมือที่สวยงามจริงๆ “คงชิน หนันซิง เหริ่นตง” สามชื่อ
“นี่ไม่ใช่แผ่นนั้นที่ข้าเห็น สวีอี สวีอี” เขาส่งเสียงดังลั่นขึ้นมา เปิดม่านถามเขา “เจ้าไปเอากระดาษแผ่นนี้มาจากที่ไหน?”
สวีอียังเดินไปได้ไม่ไกล ได้ยินท่านอ๋องถาม ก็เดินกลับมาแล้วกล่าว: “ก็ในห้องหนังสือไงขอรับ”
“ห้องหนังสือไหน?” หยู่เหวินเห้ากลัดกลุ้มเล็กน้อย
“ก็ห้องหนังสือใหญ่ไงขอรับ ที่หอเวหวินซวนนั่นขอรับ” เมื่อสวีอีกล่าว
หอเวหวินซวนอันนั้นคือห้องหนังสือใหญ่ สวีอีทังหยางคนอื่นๆล้วนสามารถเข้าไปได้ หยู่เหวินเห้ายังมีห้องหนังสือเล็กอีกหนึ่งห้อง แต่ส่วนใหญ่จัดวางหนังสือและเอกสารที่สำคัญ ไม่อนุญาตให้คนเข้าไป
หยู่เหวินเห้าร้อนใจแล้ว “แต่เมื่อวานที่ข้าเห็นไม่ใช่แผ่นนี้ เมื่อวานที่ข้าเห็นจริงๆเขียนไว้ว่าซาลาเปา ทังหยวนและข้าวเหนียว”
สีหน้าของสวีอีเปลี่ยนไป แววตาเปล่งประกายเล็กน้อย “อ๋อ เช่นนั้นไม่รู้ ข้าน้อยเห็นแค่แผ่นนี้ขอรับ”
“เป็นไปได้อย่างไร? เจ้าไม่เห็นแผ่นอื่นหรือ?” หยู่เหวินเห้าถาม
สวีอีท่าทางซื่อตรงและจริงใจ “ไม่เห็นจริงๆขอรับ”
แม่นมสี่เดินเข้ามา ถามสวีอี “บนรายการที่เจ้าให้พ่อครัวเมื่อวาน ได้เขียนไข่ไก่สีแดงหรือไม่?”
สวีอีหมุนตัว พยายามกะพริบตา “จำไม่ได้แล้วว่าเขียนหรือไม่ได้เขียน พวกเราออกไปพูดกัน”
แม่นมสี่กล่าวด้วยความโมโห: “เรื่องเมื่อวานทำไมถึงจำไม่ได้แล้ว? ตอนนี้พ่อครัวทำเพียงแค่ซาลาเปา ทังหยวนและข้าวเหนียว ยังขาดไข่ไก่สีแดงและเหล้าขิง บอกให้เจ้าทำเรื่องนิดหน่อยเจ้าก็ทำได้ไม่คล่องแคล่ว ครั้งหน้าไม่ต้องการให้เจ้าช่วยแล้ว”
แม่นมสี่พูดจบ ก็ไปห้องครัวด้วยความรีบร้อน การอาบน้ำให้ทารกหลังจากคลอดสามวันนี้จำเป็นต้องมีไข่ไก่สีแดง อีกครู่แขกมอบของขวัญให้ โยนเหรียญในอ่างอาบน้ำของทารกเพื่อความเป็นมงคล จำเป็นต้องให้ไข่ไก่สีแดงคืน