บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 471 การมาถึงของจวิ้นจู่จิ้งเหอ
หยวนชิงหลิงคิดผิด จู่ๆ ฮูหยินใหญ่รีบร้อนจากไป แม้จะไม่อยากให้นางหวงรบกวนเวลาพักผ่อนหรือพูดพวกเรื่องซุบซิบนินทา แต่สิ่งที่สำคัญก็คือนางข่มกลั้นโทสะไว้ไม่ไหวแล้ว ต้องรีบระบายออกมาจึงจะรู้สึกดีขึ้น
หยวนชิงผิงรั้งรออยู่กับหยวนชิงหลิง มองเงาหลังที่ร้อนรนของท่านย่า ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “ครั้งนี้ท่านแม่ต้องถูกท่านย่าด่าทออย่างรุนแรงเป็นแน่”
หยวนชิงหลิงมองนาง เห็นนางคล้ายซึมเศร้าลงหลายส่วน จึงเอ่ยถามขึ้น “เป็นอันใดไป ว่าที่เจ้าสาวคนใหม่ เหตุใดเจ้าดูไม่ดีใจ?”
หยวนชิงผิงมองนาง พร้อมดวงตาแดงก่ำขึ้นเล็กน้อย “เมื่อครู่หมันเอ๋อบอกกับข้าว่า ท่านผ่าท้องนำเด็กออกมา”
หยวนชิงหลิงยิ้ม คิดว่านางคงกังวลว่าต่อไปตนคลอดบุตรต้องใช้วิธีนี้ จึงเอ่ยว่า “เจ้ากับข้าไม่เหมือนกัน ครั้งนี้ข้าตั้งครรภ์แฝดสาม และร่างกายข้าอ่อนแอ คลอดเองไม่ได้จึงต้องใช้วิธีนี้ เจ้าวางใจได้ ตอนเจ้าแต่งงานคลอดบุตร พี่จะอยู่ข้างกายเจ้าแน่นอน”
หยวนชิงผิงสูดจมูก “ข้าไม่ได้ห่วงตนเอง แค่คิดว่าท่านคลอดได้อันตรายยิ่งนัก หากเป็นอะไรไปจะทำเช่นไร? ข้าทำใจไม่ได้หากท่านตาย”
คำพูดนี้ ทำให้หยวนชิงหลิงประทับใจ
เด็กคนนี้ ปากร้าย แต่ใจอ่อนโยนราวกับปุยฝ้าย
เมื่อกุมมือหยวนชิงผิง จึงเอ่ยเบาๆ ขึ้นว่า “ข้าไม่เป็นอะไรหรอก ข้าห่วงแหนชีวิตอย่างมาก เพราะข้ามีคนที่ห่วงใยในใจ”
ถูกต้อง เพราะมีคนที่ห่วงใย ดังนั้นจึงต้องรักชีวิตตนเองให้มากขึ้น
และเพราะมีคนที่ห่วงใย บางครั้งจึงไม่คำนึงแม้กระทั่งชีวิตตนเอง
ทั้งหมดนี้ ต้องดูว่าสิ่งที่ท่านปกป้องคือสิ่งใด
หยวนชิงผิงคล้ายเข้าใจและไม่เข้าใจ
ผ่านไปหลายวัน บาดแผลของหยวนชิงหลิงดีขึ้นอย่างมาก แต่ยังคงยังต้องอยู่ไฟเช่นเดิม ออกไปข้างนอกไม่ได้ นางทำได้เพียงแค่เดินไม่กี่ก้าวอยู่ภายในห้อง ฮูหยินเจ้าพระยาเจียงหนิงเห็นนางอาการดีขึ้น ทรงกลับไปสนามม้า หยวนชิงหลิงจึงซาบซึ้งใจต่อนางอย่างมาก
ฮูหยินเจ้าพระยาเจียงหนิงกุมมือนาง ก่อนเอ่ยกำชับ “ก่อนข้ามาเป่ยถัง เฉินจิ้งถิงบอกว่าอ๋องฉู่ โอ๊ะ ตอนนี้ควรเรียกว่ารัชทายาท จิ้งถิงบอกว่ารัชทายาทคือสหายที่ดีที่สุดของเขา หากมีเรื่องอันใดทูลขอให้รัชทายาทช่วยเหลือได้ ทำให้จิ้นถิงให้ความสำคัญเช่นนี้ได้ แสดงว่ารัชทายาทเป็นคนดีมากทีเดียว และจากที่ข้าไปมาหาสู่กับพระชายามาหลายวัน พระชายาเป็นคนตรงไปตรงมา ข้าจึงคิดว่าพระชายาคือสหาย ดังนั้นคำว่าขอบคุณไม่ต้องเอ่ยพูดอีก สหายกันเพียงมองตาก็รู้ใจ ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา”
หยวนชิงหลิงซาบซึ้ง “เพคะ ขอบคุณอย่างยิ่งเพคะ วันหน้าข้าต้องไปเยี่ยมเยียนฮูหยินที่แคว้นต้าโจวแน่เพคะ”
“ข้าจะรอพวกเจ้า!” ฮูหยินเจ้าพระยาเจียงหยิงกล่าวยิ้มๆ
เมื่อส่งฮูหยินเจ้าพระยาเจียงหยิงหลับไป หยวนชิงหลิงเพิ่งดื่มซุปเสร็จ ได้ยินหมันเอ๋อเอ่ยว่าจวิ้นจู่จิ้งเหอมาถึงแล้ว
หยวนชิงหลิงจึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “รีบเชิญไปที่ห้องด้านข้าง”
แม่นมสี่เข้ามาช่วยนางเปลี่ยนชุด วันนี้พระชายารัชทายาททรงให้นมด้วยพระองค์เอง เจ้าสามกินอย่างซุกซน จึงทำให้เสื้อผ้าล้วนสกปรก ดูไม่เหมาะสมเมื่อออกไปพบแขก
หยวนชิงหลิงหลังเปลี่ยนชุดนำแม่นมสี่ออกไป อะซี่ที่กำลังทักทายอยู่กับจวิ้นจู่จิ้งเหอ เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงมาถึง อะซี่จึงเอ่ยขึ้น “จวิ้นจู่ทรงมีน้ำใจ ตัดชุดให้พวกเด็ก ๆ ทุกคน”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า ก่อนมองชุดสีอ่อนหลายตัวที่อะซี่ถืออยู่ในมือเหล่านั้น อย่างชื่นชอบ
จวิ้นจู่จิ้งเหอลุกขึ้น ก่อนย่อกายให้กับนาง “คารวะพระชายา”
หยวนชิงหลิงจึงมองที่นาง เห็นนางผอมลงเล็กน้อยกว่ายามที่ไปจากเมืองหลวง แต่สีหน้าและอารมณ์ยังไม่เลว สวมเสื้อคลุมสีเทา บนศีรษะลำคอใบหู ล้วนไร้เครื่องประดับ ใช้เพียงปิ่นไม้เกล้าผมขึ้นอย่างเรียบง่าย
หยวนชิงหลิงทุกครั้งที่เห็นนาง ล้วนนึกถึงคนผู้หนึ่ง
นั่นคือเจ้าหญิงไท่ผินที่รับบทโดยเฉินหง
ดวงตาของนางงดงาม แต่มักเศร้าสร้อย ยามยิ้มดูสดใส ยามเศร้าโศกแลน่าสงสาร ในอดีตใบหน้ายังองบอิ่มเล็กน้อย ตอนนี้คางล้วนเรียวขึ้น การยืนเงียบอยู่กับที่เช่นนั้น ทำให้หยวนชิงหลิงรู้สึกว่านางได้กลายเป็นเซียนไปแล้วจริง ๆ
“จวิ้นจู่ ไม่พบหน้ากันเสียนาน ท่านไม่จำเป็นต้องมากพิธีกับข้าเช่นนี้หรอกเพคะ?” หยวนชิงหลิงยื่นมือไปประคองนาง
การเป็นสตรีที่เพิ่งคลอดบุตร ตามจริงนางคือคนที่อ่อนแอที่สุด แต่เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของจวิ้นจู่จิ้งเหอ ต่างทำให้ผู้คนอดเกิดความสงสารในใจไม่ได้
จวิ้นจู่จิ้งเหอจูงมือนางนั่งลง ก่อนกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ดูเจ้าสีหน้าไม่เลว ข้าก็วางใจแล้ว”
“ท่านมาเพื่อข้าโดยเฉพาะหรือ?” หยวนชิงหลิงซาบซึ้งในใจอย่างมาก คนที่ปลีกวิเวกไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกเช่นนาง ยอมลงจากเขา ถือเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อจริง ๆ
“การคลอดบุตร ถือเป็นเรื่องสำคัญในชีวติ ข้าย่อมต้องมายินดีกับเจ้า” จวิ้นจู่จิ้งเหอกล่าว
หมันเอ๋อออกไปยกน้ำชาเข้ามา จวิ้นจู่จิ้งเหอจึงเอ่ยขอบคุณอย่างอ่อนโยน
หมันเอ๋อตะลึงงัน ก่อนพลันเขินอาย “จวิ้นจูไม่ต้องเกรงใจ”
หยวนชิงหลิงเห็นนางวางตัวปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนโยนเป็นพิเศษ คิดว่าจิตใจคงสงบลงมากแล้ว ทำให้ภายในใจปล่อยวางลง
“ท่านสบายดีหรือไม่?” หยวนชิงหลิงมองนางพร้อมเอ่ยถาม
“สบายดี”
“การนอนหลับเป็นเช่นไรบ้าง?”
จวิ้นจู่จิ้งเหอชะงัก ก่อนยิ้มแห้ง “ไม่ดีเลย ภายในฝันมักเห็นถึงเรื่องราวในอดีต”
“วันเวลาคือหมอที่ดีที่สุด ในไม่ช้าล้วนผ่านพ้นไป” หยวนชิงหลิงเอ่ยปลอบโยน
“ข้ารู้” แววตานางเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น
นางดื่มชาอึกหนึ่ง แล้วค่อย ๆ วางลง ราวตรึกตรองชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า “ได้ยินว่าเจ้ามีผงอู๋โยว มอบให้ข้าสักเล็กน้อยได้หรือไม่?”
“ผงอู๋โยว? ท่านต้องการนำไปทำอันใด?” หยวนชิงหลิงก้มลงมองที่หน้าท้องของนางทันที นางสวมเสื้อผ้าหลวมโพรก จึงมองไม่ออกว่าหน้าท้องราบเรียบหรือไม่
นางยิ้มออกมา “อย่าเข้าใจผิด คนที่ใช้ไม่ใช่ข้า”
หยวนชิงหลิงร้องขึ้นคำหนึ่ง พร้อมรู้สึกแปลกในใจ
สำนักนางชีหมิงเยว่ที่นางอาศัยอยู่ล้วนมีแต่แม่ชี เหตุใดจำเป็นต้องใช้ผงอู๋โยว?
จวิ้นจู่จิ้งเหอจึงเอ่ยว่า “กู้จือใกล้คลอดแล้ว”
หยวนชิงหลิงเกือบล้มคะมำ “กู้จือ?”
จวิ้นจู่จิ้งเหอพยักหน้าเล็กน้อย “ถูกต้อง นางน่าจะคลอดก่อนกำหนด”
“ท่านอยู่กับนางหรือ นางอยู่ที่ใด นางอันตรายอย่างยิ่งท่านรู้หรือไม่?” หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างเคร่งเครียด
จวิ้นจู่จิ้งเหอมองนาง ก่อนเอ่ยเบา ๆ ว่า “ไม่หรอก นางทำร้ายข้าไม่ได้ ดวงตาสองข้างของนางบอด หากไม่ได้ข้าดูแล นางคงตายไปนานแล้ว”
“นางไม่ใช่คนที่เชื่อใจได้” หยวนชิงหลิงเอ่ยพร้อมขมวดคิ้ว
จวิ้นจู่จิ้งเหอมองที่นาง “เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนใจอ่อนหรือ?”
หยวนชิงหลิงคาดเดาความคิดภายในใจของนางไม่ออก รู้เพียงตอนนี้นางทำเรื่องที่อันตรายยิ่งนัก
จวิ้นจู่จิ้งเหอถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ข้าไม่ได้สงสารกู้จือแม้สักนิดเดียว วันแรกที่ข้าไปถึงสำนักนางชีหมิงเยว่ ข่มตาหลับไม่ได้ ไม่รู้ในใจข้าคิดสิ่งใด กลางดึกข้าจึงเดินขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ จนถึงบริเวณที่สูงมากๆ ข้าไม่รู้ตนเองอยู่ที่ใด ท้องฟ้าไม่ถือว่ามืดมน ยังพอมีแสงจันทร์ รอบด้านเงียบสงัด หูกลับได้ยินเสียงคนเร่งรัดให้จบชีวิต ข้าจึงคิดเดินไปบนยอดเขาสูง แล้วกระโดดลงมา เช่นนั้น ข้าสามารถหลุดพ้นจากทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ได้แล้ว”
หยวนชิงหลิงได้ยินคำพูดนี้ ปวดใจอย่างมาก
ตอนแรกนางจากไปอย่างสิ้นหวัง ขณะนั้นความจริงทุกคนต่างรู้ดี ในใจของจวิ้นจู่จิ้งเหอสิ้นหวังเพียงใด
ความเด็ดเดี่ยว ความกล้าหาญในการเผชิญหน้ากับโลกใบนี้ทั้งหมดของนาง ล้วนมาจากความปรารถนาภายในก้นบึ้งหัวใจของนาง
นางเคยกล่าวว่า นางอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่อยากยอมแพ้ง่าย ๆ