บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 474 เจ้าอย่าพูดมั่ว
กู้จือคล้ายรู้ว่าหยวนชิงหลิงเข้ามา จึงจัดระเบียบชุดที่สวมไม่พอดีกายนั้นครู่หนึ่ง “พระชายาฉู่?”
เมื่อได้ยินคำเรียกขานนี้ หยวนชิงหลิงรู้ว่าข่าวสารของนางขาดหาย
หยวนชิงหลิงนั่ลงสั่งให้คนข้างกายซ้ายขวาออกไป หมันเอ๋อจูงตอเป่าเข้ามา ตอเป่าจึงหมอบอยู่ด้านหน้าหยวนชิงหลิง ใบหูตั้งชัน จ้องมองกู้จืออย่างไม่เป็นมิตร
เมื่อประตูปิดลง กู้จือดูไม่สบายใจบางส่วนอย่างเห็นได้ชัด “ท่านคิดทำสิ่งใด?” “แค่มีเรื่องถามเจ้า ไม่ต้องกังวล” หยวนชิงหลิงมองนาง “นั่งลงเถอะ”
สองมือกู้จือยกกลับไปลูบด้านหลังครู่หนึ่ง เมื่อลูบถึงเก้าอี้ นั่งลงอย่างช้า ๆ
นางนั่งเหยียดตัวตรง ราวเช่นนี้ดูหยิ่งยโสขึ้นเล็กน้อย นางพยายามรักษาศักดิ์ศรีครั้งสุดท้ายของตน
“บิดาของเด็กในครรภ์เจ้า คือผู้ใด?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม
กู้จือคล้ายรู้ว่านางจะถามเรื่องนี้ จึงเอ่ยว่า “เจ้าพระยาจิ้ง”
“กู้จือ อย่ามาไม้นี้ พูดความจริงจะดีกว่า” หยวนชิงหลิงแสดงออกว่าไม่เชื่อ
กู้จือแบมือ “นี่คือความจริง หากพระชายาฉู่ทรงไม่เชื่อ ข้าไม่มีสิ่งใดต้องพูดอีก”
“เจ้าบอกว่าคือบุตรของบิดาข้า เช่นนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด สถานที่ใด บิดาข้าได้เสียกับเจ้า?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม
กู้จือยิ้มเยาะ “ความจริงเหตุใดพระชายาฉู่จึงต้องถามข้า ไปถามเจ้าพระยาจิ้งเถิด เชื่อว่าเขาคงไม่กล้าไม่ยอมรับ”
“ข้าย่อมต้องสอบถามเขา” หยวนชิงหลิงเห็นนางมีสีหน้าขุ่นเคืองเล็กน้อย “เมื่อเจ้าเอ่ยกับจวิ้นจู่จิ้งเหอได้ ย่อมเอ่ยกับข้าได้เช่นกัน เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกอ๋องเว่ยจริงหรือ?”
กู้จือยังเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “เรื่องราวมาถึงขนาดนี้แล้ว ข้ายังมีสิ่งใดไม่กล้าพูดกัน สภาพเป็นเช่นนี้แล้ว ชีวิตอาจรักษาไว้ไม่ได้ ยังมีความจริงใดที่ไม่กล้าพูดอีก เด็กคนนี้หากเป็นของอ๋องเว่ย ข้าย่อมคิดหาวิธีรักษาไว้ แต่เขาไม่ใช่ ได้ยินคนข้างนอกพูดกันว่า พระชายาฉู่ใจจดีมีเมตตา หากเป็นเช่นนี้จริง เหตุต้องมอบยาทำแท้งให้ข้า เป็นไปได้ว่าคงคิดว่าเด็กในครรภ์ข้าไม่ใช่น้องชายหรือน้องสาวท่านจริง ๆ สินะ ไม่สะอิดสะเอียนใจหรือ?”
หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “ไม่พูดไร้สาระ มีเงื่อนไขข้อเดียว ทำบอกเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นแก่ข้า รอเจ้าคลอดเสร็จ สั่งคนพาเจ้ากลับหนานเจียง ตอนนี้เจ้าจะทำแท้งไม่ได้ อายุครรภ์หลายเดือนแล้ว ทำไม่ได้”
กู้จือคล้ายไม่เชื่อ “ท่านจะสั่งคนส่งข้ากลับหนานเจียง?”
“ใช่ แต่ข้าต้องการฟังความจริงทั้งหมด” หยวนชิงหลิงกล่าว
กู้จือใช้สีหน้าสงสัยจ้องหยวนชิงหลิง “ข้าเชื่อใจท่านได้หรือไม่?”
“เจ้าพิจารณาเอง แต่ข้าพูดคำไหนคำนั้น”
กู้จือหายใจเร็วขึ้นเล็กน้อย บนใบหน้าก็เปี่ยมด้วยความหวัง “ข้าไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงเชื่อท่าน หากข้าพูดทั้งหมดออกมาแล้ว ท่านไม่ส่งข้ากลับหนานเจียง แม้ข้าเป็นผีจะไม่ปล่อยท่านไปแน่”
“ตกลง!” หยวนชิงหลิงมองที่นาง “เจ้าเล่ามา”
มือสองข้างของกู้จือกุมที่แขนเก้าอี้ ศีรษะเชิดขึ้นเล็กน้อย เผยสีหน้าเยือกเย็นออกมาสองส่วน “เด็กคือบุตรของเจ้าพระยาจิ้งจริงอย่างไม่ต้องสงสัย เรื่องนี้ข้าไม่จำเป็นต้องโกหก ส่วนเรื่องราวทั้งหมดนี้ คือแผนการของอ๋องอานจริง ข้ามีจุดอ่อนอยู่ในมือของอ๋องอาน ข้าจึงต้องเพียงฟังทำตามคำสั่งเขา ภาพมายาของข้าใช้กับอ๋องเว่ยได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะในใจเขาสงสัยในตัวพระชายาเว่ยอย่างหนัก นี่จึงทำให้ข้าไม่ต้องออกแรง สามารถควบคุมเขาได้ น่าเสียดาย ข้าควบคุมเขาให้ทำตามความคิดภายในจิตใจ รวมทั้งเพิ่มความสงสัยที่เขามีต่อพระชายาเว่ยขึ้น ทำให้เชื่อว่าบุตรของพระชายาเว่ยเป็นของอันชิงหยาง ความจริงอันชิงหยางไม่เคยพบกับพระชายาเว่ย สิ่งที่เขาเห็นทั้งหมด ล้วนเป็นภาพลวงตาที่ข้ารังสรรค์ออกมา ทว่าข้าสามารถควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้ แต่ไร้หนทางควบคุมความรักที่เขามีต่อข้า ดังนั้นสิ่งที่ข้าพูดกับพระชายาเว่ยเหล่านั้น ล้วนคือความจริง อ๋องเว่ยไม่เคยแตะต้องข้าจริง ๆ ทั้งหมดนี้สร้างขึ้นจากภาพลวงตาของดอกลำโพง เขาเองก็ไม่รู้ตัว ข้าทำตามคำสั่งของอ๋องอาน ต้องพยายามใช้วิธีการทุกอย่างให้พระชายาเว่ยโกรธแค้น หวังให้นาอาละวาดอย่างหนัก จนทุกคนทราบทั่วกัน แต่นางกลับไม่พูดสักประโยค ข้าจึงทำได้เพียงให้นางจมอยู่กับความเจ็บปวดอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ปลิดชีพหลายครั้ง แต่นางดวงแข็งนัก หลายครั้งยังไม่ตาย นางตกบันไดครั้งนั้นเป็นฝีมือข้าจริง ความจริงตอนนั้น ข้าไม่อยากฟังคำสั่งของอ๋องอานแล้ว เพียงคิดไล่นางออกไปดี ๆ และอยู่กับท่านอ๋อง สตรีโง่เขลาจริง ๆ บางครั้งลุ่มหลงอยู่ในจินตนาการที่ตนสร้างขึ้นมา ข้ารักเขา คิดว่าเขาดีกับข้าล้วนมาจากใจจริง แต่ลืมว่านี่คือผลลัพธ์ที่ตนวางแผนไว้ บางครั้งลืมว่าเพียงเขาได้สติขึ้นมา จะเกลียดชังข้าเช่นไร”
หยวนชิงหลิงฟังเรื่องพวกนี้อย่างกระวนกระวาย เรื่องพวกนี้สะอิดสะเอียน เสียดแทงใจ นางจึงเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “เรื่องพวกนี้ข้ารู้อยู่แล้ว ข้าเพียงอยากรู้ เด็กคนนี้เหตุใดจึงเป็นของบิดาข้า”
กู้จือยิ้มเย็น “ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หรือข้าไม่ได้อุ้มท้องบุตรของอ๋องเว่ย แต่ข้าอุ้มท้องบุตรของอ๋องเว่ยไม่ได้ จึงทำได้เพียงออกไปค้นหา ปกติอ๋องอานเป็นคนชอบฉวยโอกาส ตอนนั้นพรสวรรค์ของเจ้าเป็นที่ประจักษ์ เขาจึงต้องเตรียมการกำจัดพวกเจ้า รวมทั้งตอนนั้นเจ้าพระยาจิ้งเพื่อเรื่องการประเมิน กังวลอย่างมาก ไปทุกที่เพื่อผูกสัมพันธ์ และไปที่ทางฝั่งอ๋องอานนั้นด้วย อ๋องอานไม่ตอบตกลงช่วยเหลือเขา แต่กลับให้เขาอยู่เป็นเพื่อนข้าหลายคืน บิดาเจ้ารับปากอย่างยินดี และเวลานั้น ข้าจึงตั้งครรภ์”
หยวนชิงหลิงแทบไม่เชื่อ กระทำนี้ของหยวนปาหลงถือเป็นสิ่งใด ทุ่มเทแรงกายแรงใจ?
หากคือความจริง หยวนชิงหลิงอยากผ่าสมองเขาดูจริง ๆ ดูว่าข้างในคือหญ้าใช่หรือไม่
“อ๋องอานสุดท้ายก็ไม่ได้ช่วยเหลือเขา” กู้จือหัวเราะเยาะขึ้น “บิดาของเจ้าผู้นั้น โง่เง่าเหมือนหมูจริง ๆ หากวันใด พระชายาฉู่อย่างเจ้าตาย เป็นเพราะถูกเขาทำร้ายจนตาย”
หยวนชิงหลิงอยากอาเจียนเล็กน้อย ไม่ต้องการเห็นใบหน้าเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของเขาอีก และคำพูดของนางไม่จำเป็นต้องเชื่อ
นางจึงเอ่ยว่า “ระยะนี้เจ้าพักอยู่ที่นี่สักสองวันเถิด หลังสองวันผ่านไปสั่งให้คนส่งเจ้ากลับไป”
เอ่ยจบ นางลุกขึ้นดึงประตูเปิดออกไป
หลังออกไป รีบเรียกตัวสวีอีมาทันที “ไปเชิญบิดาข้ามา บอกว่าข้ามีเรื่องคอขาดบาดตายคุยกับเขา”
สวีอีน้อมรับคำสั่งแล้วจากไป
เจ้าพระยาจิ้งถูกเชิญมา หยวนชิงหลิงไม่ได้ไปพบเขาก่อน แต่เรียกให้คนพาเขาไปที่ห้องด้านข้าง เพื่อพบกู้จือ ก่อนจะสั่งให้คนแอบฟังว่าพวกเขาคุยสิ่งใดกัน
สวีอีพาเจ้าพระยาจิ้งมาถึงห้องด้านข้างเอ่ยว่า “เจ้าพระยาโปรดขอสักครู่ พระชายากำลังมาพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าพระยาจิ้งนั่งลง เห็นในห้องยังมีคนอยู่อีกหนึ่งคน และทั่วกายของคนผู้นั้นสกปรก ราวกับขอทานคนหนึ่ง และดวงตาทั้งสองข้างถูกควักออกไป น่าหวาดกลัวยิ่งนัก เขาระแวงในใจ จวนแห่งนี้เหตุใดมีคนเช่นนี้อยู่ด้วย?
“เจ้าพระยา ที่ผ่านมาสบายดีหรือไม่เจ้าคะ?”
เจ้าพระยาจิ้งเงยหน้ามองอย่างรวดเร็ว สีหน้าดูตกตะลึงบางส่วน “จะ…เจ้าคือผู้ใด?”
เสียงนี้คุ้นหูเล็กน้อย แต่เขาจำไม่ได้ว่าเคยพบขอทานไร้ดวงตาผู้นี้
“เจ้าพระยา จำข้าไม่ได้หรือ?” กู้จือเอ่ยประชดประชัน
เจ้าพระยาจิ้งสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง ก่อนกระโดดตัวขึ้น คิดหาทางออกไปทันที แต่ประตูใหญ่กลับปิดลง
“เจ้าพระยา กลัวสิ่งใด?” กู้จือหัวเราะอย่างเยือกเย็น ราวปีศาจกับทางเจ้าพระยาจิ้ง
เจ้าพระยาจิ้งตื่นตระหนกในใจ ก่อนคำรามเสียงต่ำอย่างโมโห “เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่?”
กู้จือจึงเอ่ยว่า “พระชายาฉู่เรียกข้ามา นางอยากรู้ว่าบิดาของเด็กในท้องข้าคือผู้ใด”
เจ้าพระยาจิ้งมองหน้าท้องนางอย่างไม่เชื่อสายตา น้ำเสียงลนลานสั่นเทา “จะ…เจ้าท้อง? เจ้าอย่ามาพูดเหลวไหล บิดาของเด็กคนนี้ไม่ใช่ข้า”