บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 477 ต้องส่งเจ้าพระยาจิ้งจากไป
เวลานี้หยวนชิงหลิงไม่ได้โกรธเคืองหรือผิดหวัง ความจริงในตระกูล นอกจากท่านย่า ไม่มีผู้อาวุโสคนใดน่าเชื่อถือ
กระทั่งนางหวงมารดาของร่างเดิมมาในวันนั้น ไม่ได้เอ่ยคำพูดที่ห่วงใย กลับกันพยายามเอาแต่พูดเรื่องแย่งความโปรดปรานกับนางโจว
ไม่คำนึงถึงบุตรสาวของตนว่าเจ็บปวดปางตายกว่าจะคลอดบุตรสามคนออกมาโดยสิ้นเชิง
แม่สามีจิตใจโหดร้าย มารดาไม่ใส่ใจ หากไม่ได้แม่นมสี่มาถามไถ่ห่วงใยหน้าเตียงทุกวัน นางคงเสียสติไปแล้วจริง ๆ
แม่นมสี่ได้ยินประโยคนี้ ก็เอ่ยอย่างเอ็นดูนาง “ไม่ต้องสนใจเรื่องเหล่านั้นเพคะ สนใจเพียงการอยู่ไฟของท่านเถิด เรื่องหนักใจพวกนี้ล้วนไม่ดี ทำลายสุขภาพของท่าน รีบนอนเถอะเพคะ”
หยวนชิงหลิงอืมรับคำ ก่อนหลับตาลง
แม้ในใจจะสับสน แต่เหนื่อยล้ามากจริง ไม่นานหลับใหลไป
นางหลับไปกว่าหนึ่งชั่วยาม เมื่อตื่นเห็นเจ้าห้านั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างกาย
เขามีสมาธิอย่างยิ่ง พลิกกระดาษหน้าแล้วหน้าเล่า หยวนชิงหลิงจึงไม่ขยับตัว มองดูเขาอยู่เช่นนั้น
หนังสือที่เขาอ่านมีเพียงประเภทเดียว นั่นคือหนังสือการทหาร
นอกจากหนังสือการทหาร หนังสือใดล้วนไม่มีทางกระตุ้นความสนใจให้เขานั่งเงียบอ่านได้ถึงสามนาที
นี่คือแบบฉบับของนักรบ
เขาพลิกหนังสือพร้อมเอ่ยอย่างเนิบช้า “แม่นางผู้นี้ แอบดูข้าอยู่นานแล้ว มีแผนการอันใดกันแน่?”
หยวนชิงหลิงหัวเราะออกมา ขยับกายไปด้านข้างครู่หนึ่ง ก่อนนำผ้าห่มรองไว้ที่ใต้ศีรษะ “หูมีตางอกขึ้นมาหรือ เหตุใดมองเห็นว่าข้าตื่นแล้ว?”
“ลมหายใจไม่เหมือนกัน ข้าล้วนฟังออก” เขาวางหนังสือ ก่อนเอนกายลงจุมพิตครู่หนึ่ง “หิวแล้วกระมัง ลุกมาทานข้าวเถิด”
เขายื่นมือประคองนางลุกขึ้น “ยังเจ็บแผลหรือไม่?”
“ไม่หิว และไม่เจ็บ เจ้านั่งลง ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า” หยวนชิงหลิงคลอเคลียอยู่ข้างกายเขาพร้อมกุมมือเขา สิบนิ้วประสานกันแน่น
“เรื่องกู้จือและบิดาของเจ้า?” หยู่เหวินเห้าจัดระเบียบเส้นผมของนาง ก่อนเอ่ยเสียงเบา “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง ประเดี๋ยวข้าจะให้คนส่งกู้จือกลับไป เจ้าอย่าหนักใจกับเรื่องนี้อีกเลย”
หยวนชิงหลิงจึงเอ่ยว่า “หาแค่คนเดียว จัดการได้ง่าย เจ้ารู้จักฮูหยินซ่างหรือไม่?”
“รู้ ภรรยาของแม่ทัพสุ้นอี้ เสด็จพ่อแต่งตั้งนางเป็นฮูหยินซ่าง มีคุณธรรมสูงส่ง” หยู่เหวินเห้าเอียงศีรษะคิดชั่วขณะ “นางคล้ายจะเป็นคนในครอบครัวเสด็จป้า ทำไมหรือ ท่านพ่อล่วงเกินนางหรือ วางใจ ฮูหยินซ่างอ่อนโยนมีเมตตา ไม่คิดแค้นเขาหรอก”
หยวนชิงหลิงยิ้มขื่น “ล่วงเกินยังจัดการได้ อย่างมากให้คนตบสักยกให้หายโมโหไม่เป็นไรแล้ว เขาและฮูหยินซ่างมีสัมพันธ์กัน”
หยู่เหวินเห้าพลันไม่ได้สติ “มีความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์อันใดกันหรือ?”
หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ความสัมพันธ์อันใด ก็ความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงระหว่างบุรุษสตรีนะสิ”
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า “จะเป็นไปได้เช่นไร ฮูหยินซ่างเป็นหญิงพรหมจรรย์ แม้ท่านพ่อจะมีความคิดนี้ ฮูหยินซางก็คงไม่ยินยอม ไม่อาจทำลายชื่อเสียงของบุตรธิดาตน”
“ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ มันเกิดขึ้นแล้ว” หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างจนใจ
หยู่เหวินเห้าอ้าปากกว้าง “สวรรค์!”
เมื่อครู่เขาตกใจอย่างมาก ไม่ใช่เขาแทบไม่เห็น แต่ฮูหยินซ่างคือหญิงพรหมจรรย์ ผู้ใดไร้สมองไปทำให้หญิงพรหมจรรย์ขุ่นเคืองใจ นี่คือเรื่องที่ในสถานเริงรมย์ จ่ายเงินสามารถคลี่คลายได้ เหตุใดต้องนำศีรษะไปอยู่ในอันตรายด้วย?
ท่านพ่อตาเขาเสียสติไปแล้วหรือ?
“ไม่แค่ฮูหยินซ่าง ยังมีฮูหยินใหญ่ของเหล่าขุนนางน้อยใหญ่กว่าสิบคน ล้วนลักลอบมีความสัมพันธ์กับเขา” หยวนชิงหลิงมองเขาแวบหนึ่ง กลัวคนใสซื่อเช่นเขาจะไม่เข้าใจความหมายของมัน จึงเอ่ยอธิบายอีกครั้ง “เป็นชู้กัน”
หยู่เหวินเห้ารับไม่ได้เล็กน้อย “ไม่ใช่กระมัง เจ้าหยวน บิดาเจ้าเสียสติแล้วหรือ เหตุใดต้องทำเช่นนี้ เขาชมชอบการสวมเขาเป็นพิเศษหรือ?”
หยวนชิงหลิงแบมือ “เจ้าว่าควรทำเช่นไร?”
หยู่เหวินเห้าเบิกตากว้าง “จะทำเช่นไรได้ ส่งเขาจากไป เรื่องนี้หากแดงขึ้นมา จวนเจ้าพระยาจิ้งไม่ย่อยยับหรือ คำพูดสามารถพ่นออกมากุมความเป็นตายของเขาไว้ได้”
“ข้าเองคิดเช่นนี้ คิดหาวิธี ให้เขาไสหัวไป” หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างโมโห
หยู่เหวินเห้าตกตะลึงรุนแรง นึกถึงเรื่องกู้จือขึ้นมา จึงเอ่ยถามว่า “เขายอมรับว่าลูกในครรภ์กู้จือเป็นของเขา?”
“ไม่ยอมรับ แต่จากที่คาดเดาเป็นเขาแน่ เขาบอกรอหลังเด็กคลอดออกมารัดคอให้ตาย” หยวนชิงหลิงเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าข่มขื่น
หยู่เหวินเห้าร้องไห้หัวเราะไม่ออก “อนาคตไกล เป็นคนมีจิตใจโหดเหี้ยม เมื่อทำเรื่องใหญ่”
“จิตใจโหดเหี้ยม? เขาไม่ใช่จริง ๆ หรอก แค่ชอบรังแกผู้อ่อนแอ”
หยู่เหวินเห้าไม่กล้าโต้เถียง “อย่างน้อย คนกล้าหาญเช่นข้า ก็ไม่กล้าลักลอบเป็นชู้กับฮูหยินของขุนมามากขนาดนั้น ท่านพ่อตากล้าหาญชาญชัยยิ่งนัก”
“เฮ้อ อย่าพูดอีกเลย ปวดศีรษะนัก ต้องคิดหาวิธี รีบให้เขาออกจากเมืองหลวง แกล้งตายก็ดี ป่วยจนต้องหาหมู่บ้านรักษาตัวก็ดี หากไม่ได้จริง ๆ ทำให้เขาหมดหายใจพอแล้ว”
หยู่เหวินเห้ามองนาง เลื่อมใสบิดาบุตรสาวคู่นี้ยิ่งนัก คนหนึ่งจะฆ่าบุตรที่ยังไม่ได้ลืมตาดูโลกของตน อีกคนจะฆ่าบิดาที่กระทำเรื่องฉาวโฉ่ผู้นั้น
หยู่เหวินเห้าเอ่ยว่า “เรื่องกู้จือ เป็นแผนของเจ้าสี่ แสดงว่าเจ้าสี่จับจ้องเขามานานแล้ว ดังนั้นเรื่องเขากับคนอื่นเหล่านั้น เจ้าสี่อาจยังไม่รับรู้ เจ้าพูดถูก ต้องรีบส่งเขาไป หลังคนจากไป แม้เรื่องเหล่านี้จะถูกคนเปิดโปง หาคนไม่เจอแล้ว คนตายไม่สามารถให้การได้ ต้องเสียสละเท่านั้น”
ข้าก็คิดเช่นนี้” หยวนชิงหลิงกล่าว
หยู่เหวินเห้าจึงปลอบโยน “เจ้าวางใจ ข้าจะคนจัดการเขาจากไป”
เขาออกไปเรียกตัวทังหยาง ให้ทังหยางเสาะหาสถานที่ที่เหมาะเสพสุขช่วงบั้นปลายชีวิต จากนั้นส่งเจ้าพระยาจิ้งไป
ทังหยางถามถึงสถานการณ์ หลังได้ฟังเรื่องพวกนั้น ตกตะลึงไปนานจนพูดไม่ออก
“อย่ามัวตะลึง รีบไปจัดการเรื่องนี้เถอะ” หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างจนใจ
ทังหยางเอ่ยเลื่อมใสเจ้าพระยาจิ้งอย่างที่สุด “ฝ่าบาท เรื่องนี้หากแผ่ออกไป เรื่องราวต้องหนักหนาขึ้น ส่งตัวไปถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ไม่ควรอยู่ละแวกนี้ ทางที่ดีต้องส่งไปที่ห่างไกล ส่งไปหนานเจียงเป็นเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ?”
หยู่เหวินเห้าจึงเอ่ยว่า “ก็ดี เพราะเรื่องเขาและกู้จือนั้น ถือว่าเป็นบุตรเขยแห่งหนานเจียง”
เพียงต่อไปอย่าได้ปรากฏขึ้นเป็นพอ เกรงว่าส่งไปปลายขอบฟ้าได้ทั้งสิ้น
ทังหยางน้อมรับคำสั่ง ไปทางนี้เพื่อเตรียมการ
เขาไปเอ่ยถามเรื่องราวที่หนานเจียงกับหมันเอ๋อครู่หนึ่ง บอกว่ามีสหายผู้หนึ่งจะไปพักที่หนานเจียงระยะหนึ่ง หมันเอ๋อแนะนำสถานที่ให้เขา และแนะนำคนให้หลายคน เอ่ยว่าหลังกลับไปให้คนเหล่านี้ จัดการเรื่อง “สหาย” ของทังหยางอย่างดีที่สุด
ทังหยางจึงไปพบเจ้าพระยาจิ้ง
เดิมทีเขาคิดว่ากระทำผิดเรื่องพวกนี้ จนรอจากเมืองหลวงไปแทบไม่ไหว กลับไม่รู้ว่าเมื่อเขาได้ฟังทังหยางต้องการส่งเขาไปหนานเจียง พลันปฏิเสธทันที บอกว่าเขาจะอยู่ในเมืองหลวง ไม่ไปที่ใดทั้งนั้น
และเมื่อเขารู้ว่าทังหยางทราบเรื่องเขาและเหล่าฮูหยิน โมโหอย่างหนัก จนแทบไปคิดบัญชีกับหยวนชิงหลิง
ทังหยางที่อารมณ์ดีล้วนอดที่จะด่าทอไม่ได้ “เจ้าพระยา หากท่านไม่ไป จะทำให้รัชทายาทยุ่งยากหรือไม่ บนโลกนี้หน้าต่างมีหูประตูมีตา ฮูหยินเหล่านั้นไม่พูด แล้วพวกสาวใช้ของพวกนางจะไม่พูดหรือ เพียงเรื่องถูกคนเปิดเผย ท่านจะให้รัชทายาทและพระชายาจัดการเช่นไร?”