บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 486 เห็นเจ้าใหญ่ตกลงมา
ไทเฮาพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว พูดขึ้นอย่างโมโหอีกว่า “เจ้ายังอึ้งอยู่ทำไม? ยังไม่รีบไปที่จวนอ๋องฉู่ ไปพูดกับพระชายารัชทายาทให้เข้าใจ? ความเข้าใจผิดนี้ยังไงก็จะต้องอธิบายให้ชัดเจน”
แม่นมหูพูดขึ้นว่า “ไทเฮาท่านอย่าโมโห เรื่องนี้ยังไงพระชายารัชทายาทก็รู้ดีแก่ใจ และคนภายนอกต่างก็รู้ว่าเสียนเฟยเหนียงเหนียงแอบอ้างคำสั่ง พระชายารัชทายาทก็น่าจะรู้”
ไทเฮาพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ใครๆก็รู้ว่านางแอบอ้างคำสั่ง ข้าก็ยังไม่เคยลงโทษนาง เบื้องหลังไม่รู้ว่าคนมากแค่ไหนหาว่าข้าปกป้องคนในครอบครัว”
แม่นมหูพูดขึ้นว่า “ไทเฮาท่านวางใจ ไม่มีใครกล้าว่าท่านหรอก”
ไทเฮาฟังคำพูดพวกนี้ที่ไปๆมาๆก็เหมือนเดิม ในใจก็ยิ่งหงุดหงิด พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช้ให้เจ้าไปจวนอ๋องฉู่ เจ้าก็ไปสิ”
แม่นมหูรับคำสั่งว่า “เพคะ”
ส่วนทางด้านไทเฮา สั่งให้แม่นมหูมาอธิบายเรื่องคำสั่งที่ผ่านมา หยวนชิงหลิงค่อนข้างงง
เพราะเรื่องนี้ก็ผ่านไปนานขนาดนั้นแล้ว และก็ไม่จำเป็นต้องอธิบาย ตอนนั้นเสียนเฟยบ้าคลั่งอย่างมาก ไม่มีคำสั่งหรอก ยังไงก็เป็นเรื่องเท็จ
ดังนั้น นางจึงให้แม่นมหูกลับไปทูลไทเฮาว่า นางสำนึกในบุญคุณ ไม่มีทางสงสัยไทเฮาแน่นอน และขอคำนับท่านยายทวดแทนเด็กทั้งสองคน
เมื่อพูดอธิบายกันเช่นนี้แล้ว ต่างก็ดีใจอย่างมาก
ทางด้านไทเฮาให้ของประทานมาอีก หยวนชิงหลิงให้หยู่เหวินเห้าเข้าวังไปถวายขอบพระคุณ
แต่เพราะเรื่องนี้ถูกพูดขึ้นมาใหม่ ทำให้สภาพจิตใจของหยวนชิงหลิงค่อนข้างแย่
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น คำพูดทุกประโยคที่เสียนเฟยเคยพูด เหมือนดั่งงูพิษฝังอยู่ในหัวสมองของนาง ปีนป่ายออกมากัดกินนางเป็นบางครั้ง
นางไม่ได้หมดสติ นางรู้ว่าเสียนเฟยไม่เพียงแค่จะรักษาผู้ใหญ่หรือผู้น้อยเท่านั้น นางต้องการให้ตนเองตาย
นางกับเสียนเฟย ไม่เคยเป็นอริต่อกัน แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่นางต้องการที่จะฆ่านาง
และนางก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กับเจ้าห้า นางคิดว่า ควรที่จะพูดกับเขา
ดังนั้น ตอนค่ำหลังจากที่หยู่เหวินเห้ากลับมาจากกั๋วจื่อเจียน นางสั่งคนจัดเตรียมอาหารไว้ แล้วก็ทานกับเขาในห้อง
“วันนี้ ไทเฮาให้แม่นมหูมาหา” หยวนชิงหลิงรอเขาทานจนพอสมควรแล้ว ก็เริ่มพูดขึ้นว่า “อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่ข้าคลอด เรื่องที่ท่านแม่แอบอ้างคำสั่งเท็จ”
หยู่เหวินเห้าค่อนข้างแปลกประหลาดใจ วางตะเกียบลง พร้อมพูดขึ้นว่า“เสด็จย่าเพิ่งรู้เรื่องนี้หรือ”
“แม่นมหูพูดว่าก่อนหน้านี้ปิดบังนางมาตลอด”
หยู่เหวินเห้ามองดูนาง เดินอ้อมโต๊ะไปหานาง จับมือของนางไว้ พร้อมพูดขึ้นด้วยแววตาอ่อนโยนว่า “ลำบากเจ้าแล้ว”
หยวนชิงหลิงส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “นางจะฆ่าข้า เจ้ารู้ไหม?”
แววตาหยู่เหวินเห้าแฝงไปด้วยความเจ็บปวด พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ารู้ แต่ตอนนี้ถ้าไม่สามารถที่จะทำอะไรนางได้ ยังไงนางก็เป็นท่านแม่ของข้า”
“ทำไมนางถึงได้เกลียดข้าขนาดนั้น? จะต้องฆ่าข้าให้ได้หรือ?”หยวนชิงหลิงคิดไม่ออก นางไม่ได้ต้องการให้เจ้าห้าไปทำอะไร เพียงแค่ต้องการให้เขาเข้าใจและยอมรับความจริงนี้
หยู่เหวินเห้ายักไหล่พร้อมพูดขึ้นว่า “เพราะข้ารักเจ้ามาก นางคิดว่าเจ้าจะทำลายอนาคตของข้า”
หยวนชิงหลิงอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นเช่นนี้จริงหรือ?”
“นางพูดกับข้าเช่นนี้” หยู่เหวินเห้ามองดูนาง ยื่นมือไปหยิกแก้มนางหนึ่งที พร้อมพูดปลอบขึ้นว่า “เจ้าอย่าเป็นกังวล นางทำร้ายเจ้าไม่ได้ ต่อให้มีความคิดนี้ แต่นางก็ไม่มีความสามารถ ทางด้านตระกูลซู ไม่ถึงขั้นจะช่วยนางทำร้ายเจ้า นอกจากนี้แล้ว นางก็ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว”
“ข้าไม่เป็นห่วง เพียงแต่กลัวเจ้าตกที่นั่งลำบาก” หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นขนมเปี๊ยะสอดไส้ยากจริง”(คนจีนชอบใช้ขนมเปี๊ยะสอดไส้มาเปรียบเทียบกับสามี ต้องจัดการความขัดแย้งระหวางแม่กับเมีย)
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “มีอะไรยากตรงไหน? ข้าฟังเหตุผลไม่เห็นแก่ญาติ นางฆ่าเจ้า เป็นความผิดของนาง หากแลกกัน หากเจ้าจะฆ่านาง นั่นก็คือความผิดของเจ้า ข้าต้องช่วยนางแน่ เหตุผลก็มีเพียงเท่านี้”
หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าช่างมีความชอบธรรมจริงๆ”
“แน่นอน” หยู่เหวินเห้าขยับเข้ามาใกล้ จุมพิตบนแก้มของนางหนึ่งทีพร้อมพูดขึ้นว่า “ไปดูลูกล่ะ”
ลูกๆก็อยู่ที่ตำหนักเซี่ยวเยว่ เดิมเลี้ยงอยู่ภายในห้องหยวนชิงหลิง แต่แม่นมให้นมไม่สะดวก จึงต้องทำความสะอาดห้องด้านข้างและก็ทำเป็นห้องเลี้ยงเด็ก
ทั้งสองคนเพิ่งเข้าไป ก็เห็นแม่นมกำลังปลอบซาลาเปาอย่างกับจับปูใส่กระด้ง แต่ซาลาเปาก็ไม่ร้องไห้
“ทำไมหรือ?” หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้วตามขึ้นว่า “เคยสั่งไว้แล้วไม่ใช่หรือ หากไม่ร้องไห้พยายามไม่ต้องอุ้ม?”
แม่นมเห็นองค์ชายรัชทายาทสองสามีภรรยาเข้ามา ก็รีบคุกเข่าลงพร้อมพูดขึ้นว่า “ขอองค์ชายรัชทายาทโปรดอภัย บ่าวดูแลไม่ดี ทำให้เจ้าใหญ่ตกลงมา”
“ตกลงมา?”หยวนชิงหลิงเข้าไป มองดูซาลาเปาแว๊บหนึ่ง เห็นเขายิ้มปากกว้าง เหมือนยายแก่ที่ไม่มีฟัน ยิ้มอยู่อย่างจริงใจ
“จะตกลงมาได้อย่างไร?”หยู่เหวินเห้ามองดูเตียงทารกนั่น ซึ่งเป็นการทำตามภาพวาดของหยวนชิงหลิงที่ให้ก่อนหน้านี้ ปิดล้อมทั้งสามด้าน สูงประมาณสามนิ้ว ส่วนอีกด้านหนึ่ง ก็ทำราวกันตกสั้นๆไว้แล้ว ต่อให้ลูกสามารถพลิกตัวได้ก็ไม่สามารถตกลงมา
ยิ่งไปกว่านั้น ลูกยังพลิกตัวไม่เป็นเลย
“เป็นความจริง เจ้าใหญ่ตกลงมา พวกบ่าวต่างก็เห็น” แม่นมอีกสองคนพูดขึ้น
ทั้งสองสามีภรรยามองตากัน ต่างก็ค่อนข้างไม่อยากเชื่อ จึงถามขึ้นว่า “พวกเจ้าเห็นเขาตกลงมากับตาตัวเองหรือ?”
แม่นมส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “บ่าวไม่เห็น ตอนที่เห็น เจ้าใหญ่ก็อยู่บนพื้นแล้ว”
หยู่เหวินเห้ารับซาลาเปามาตรวจดูว่าบาดเจ็บตรงไหนไหม ห่อตัวไว้เป็นอย่างดี และมีผ้าห่มนุ่มๆอยู่ข้างใต้ จึงไม่เป็นอะไรมาก
หยู่เหวินเห้ากวาดสายตามองดูแม่นมอย่างเยือกเย็น ถึงแม่นมจะมีท่าทีค่อนข้างหวาดกลัว แต่ก็ไม่ใช่การหวาดกลัวอย่างตื่นตระหนก
หลังจากทั้งสองคนออกไปแล้ว ก็สั่งให้แม่นมสี่เฝ้าดูแม่นมไว้ให้ดีหน่อย หากเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ก็รีบไล่ออกไป
หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิง ต่างก็คิดว่าแม่นมไม่ระวังจึงทำให้ลูกตกลงมา จากนั้นก็อ้างว่าลูกตกลงมาจากเตียงด้วยตนเอง
เพื่อความปลอดภัย หยู่เหวินเห้าให้ทังหยาง หาแม่นมมาเลี้ยงไว้ในจวนหลายๆคน เก็บไว้เพื่อใช้สำรอง
มือไม้สะเพร่าเลินเล่อขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อถือ
เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว
แต่เช้าวันรุ่งขึ้น แม่นมสี่วิ่งมาบอกหยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้าอย่างตื่นตระหนกว่า นางเห็นซาลาเปาตกลงมาจากเตียงกับตาตนเอง
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร? เขาพลิกตัวได้แล้วหรือ? ต่อให้สามารถพลิกตัวได้ แล้วจะตกลงมาได้อย่างไร?”
แม่นมสี่ตกใจจนมือไม้อ่อน พร้อมพูดขึ้นว่า “มือเล็กๆของเขาจับราวกั้นไว้ ร่างกายเคลื่อนตัวช้าๆและเคลื่อนตัวไป โผล่หัวแล้วคลานออกมา จากนั้นก็ตกลงมาแล้ว โอ้พระเจ้า นี่เป็นไปได้อย่างไร? นี่เป็นไปไม่ได้”
ทั้งสองสามีภรรยามองหน้ากัน ต่างก็ไม่อยากเชื่อ
แต่ถ้าหากแม่นมพูดเท็จ แม่นมสี่คงไม่พูดเท็จหรอก?
ทั้งสองไปถึงห้องด้านข้าง แม่นมกำลังเปลี่ยนผ้าอ้อมให้กับซาลาเปาพอดี ซาลาเปาทำปากกลมมน มือเต้นไปมา ฉี่รดเต็มหน้าแม่นม
หยวนชิงหลิงเดินเข้าไป ตบลงบนก้นของเขาหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นว่า “ซน”
ซาลาเปาสงบลงในทันใด พร้อมมองดูหยวนชิงหลิงอย่างแปลกใจ
หยวนชิงหลิงตรวจดูกระดูกข้อมือของเขา กลับพบว่าข้อนิ้วของเขาใหญ่กว่าทารกทั่วไปเล็กน้อย และเมื่อวางนิ้วลงบนฝ่ามือของเขา เขาจะใช้แรงกำไว้แน่น มีแรงค่อนข้างไม่น้อย
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ทารกอายุเพียง 20 กว่าวันคนหนึ่ง จะรู้จักใช้มือปีนป่ายราวแล้วก็ตกลงมาได้อย่างไรล่ะ?
“พวกเจ้าต่างก็เห็นกันหรือ?”หยู่เหวินเห้าถามแม่นมคนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์
ครั้งนี้ที่เหลืออีกสามคนต่างก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น พร้อมพูดขึ้นว่า “เรียนองค์ชายรัชทายาท พวกบ่าวต่างก็เห็นกับตาว่าเจ้าใหญ่ตกลงมาเอง”