บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 498 ข้าวเหนียวเล่า
เสียนเฟยได้สูญเสียสติปัญญาไปทั้งหมด นางรู้ตัวดีว่าแม้นางจะสลบไปจริงๆในตอนนี้ก็ตาม ก็คงไม่มีใครสนใจนาง
ฮ่องเต้รังเกียจนาง แม้แต่ท่านน้าก็ไม่ช่วยเหลือนาง ที่น่าแค้นใจที่สุดคือแม้แต่เจ้าห้าก็ไม่ได้ช่วยนางพูดขอร้องเลยแม้แต่คำเดียว
แผนการที่เตรียมการไว้เกือบครึ่งชีวิต เกือบจะสำเร็จอยู่แล้ว ขาดอีกนิดเดียวเท่านั้น เสียนเฟยจะรู้สึกพอใจได้อย่างไร
นางค่อยๆลุกขึ้นมา พูดเสียงเย็นว่า “ข้าพูดจาผิดไป หลังจากนี้ย่อมต้องไปหาไทเฮาเพื่อขออภัย แต่วันนี้เป็นวันฉลองครบรอบเดือนของหลานข้า ของขวัญที่ข้าเตรียมไว้ให้กับหลานๆยังไม่ได้มอบให้เลย ข้าไม่สามารถคุกเข่าอยู่ที่นี่ได้ ”
พูดจบ นางก็กัดฟันเดินออกไปข้างนอก
แม่นมหูรู้จักนิสัยใจคอของนางดี จึงไม่กล้าขัดขวางเอาไว้ ได้แต่ส่ายหน้าพูดว่า “ท่านหญิงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลย ตอนนี้ทั้งไทเฮาและฮ่องเต้ต่างก็ยังทรงกริ้วกันอยู่ ท่านก็คุกเข่าสักประเดี๋ยว หลังจากนี้ไทเฮาเองก็สามารถหาข้ออ้างเพื่ออภัยให้กับท่านได้ ”
เสียนเฟยไม่ฟังที่นางพูด เดินออกไปข้างนอกทันที
แต่นางออกไปแล้ว ก็เข้าไปยังตำหนักฉินคุนไม่ได้
ตำหนักฉินคุนเป็นที่พำนักของไท่ซ่างหวง ไม่ได้รับอนุญาตจากไท่ซ่างหวง ใครจะกล้าปล่อยนางเข้าไป นางจึงเฝ้ารออยู่ข้างนอก รอจนกระทั่งให้ทุกคนอวยพรเหล่าของว่างเสร็จแล้วอุ้มออกมาข้างนอก นางจึงเดินเข้าไป เอาสร้อยที่มีจี้รูปกุญแจสีทองสามเส้นไปห้อยไว้ที่คอของเหล่าของว่างแต่ละคน
บนตัวของเหล่าของว่าง ได้มีจี้รูปกุญแจอายุยืนรูปแบบต่างๆห้อยไว้เต็มไปหมดแล้ว จี้สมดังปรารถนา ลำพังแค่หมวกประดับที่ทำจากเงินและทองก็มีหลายใบแล้ว ไม่สามารถสวมลงไปได้อีก วางไว้บนตัวของเหล่าของว่างครู่เดียวก็ถูกแม่นมสี่เก็บไปจนหมด
ฮู่เฟยมอบปลอกคอทองคำให้ สลักอักษรไว้แปดคำที่มีความหมายว่าอยู่ดีมีสุขสมดังปรารถนาทุกประการ อายุมั่นขวัญยืน
จี้รูปกุญแจทองคำของเสียนเฟย วางไว้บนปลอกคอทองคำของฮู่เฟยมอบให้พอดี เห็นแล้วก็ดูขี้งกเป็นพิเศษ
เสียนเฟยยิ่งรู้สึกโมโหมาก แต่ครั้งนี้ไม่กล้าสร้างเรื่องอีกแล้ว เพราะว่าถ้าหากวันนี้ยังหาเรื่องวุ่นวายต่อไปไม่จบ ก็ไม่มีพื้นที่ให้กลับมายืนได้อีกแล้ว
ตอนที่เหล่าขันส่งพวกของว่างออกจากวัง ได้จุดประทัดขึ้น ในบรรยากาศที่กระดาษแดงปลิวว่อนอยู่เต็มอากาศ ขบวนคนก็จากไปอย่างเอิกเกริก ตรงไปยังจวนเจ้าพระยาจิ้ง
ครบเดือนกลับบ้านมารดาก็มีพิธีการที่ค่อนข้างจะสำคัญมาก
ตอนนี้ฮูหยินใหญ่ไม่สะดวก ในจวนมีฮูหยินรองขึ้นมารับหน้าที่ดูแลจวนเป็นการชั่วคราว เตรียมงานเลี้ยงเส้นแป้งต้มเอาไว้ต้อนรับญาติพี่น้องและเพื่อนผอง ฉะนั้นพอกลับไปถึงจวนเจ้าพระยาจิ้ง ทั้งจวนเจ้าพระยาจิ้งก็คึกคักกว่าปกติมาก
วันนี้เจ้าพระยาจิ้งรู้สึกไม่สบาย บอกว่ามีอาการไอและตัวร้อนตั้งแต่เมื่อคืน ด้วยเหตุนี้ งานกลับบ้านมารดาเมื่อครบเดือนวันนี้ เขาจึงอยู่ด้วยนานไม่ได้ รออยู่เพียงครู่เดียวมอบของขวัญให้กับเด็กๆแล้ว จุดประทัดเสร็จก็กลับไปพักผ่อนต่อ
ฮูหยินใหญ่ที่นั่งรถเข็นถูกเข็นออกมา ตอนที่หยวนชิงหลิงมองเห็นนาง ขอบตาของนางก็แดงก่ำ ได้แต่สั่นเทาไม่สามารถพูดอย่างราบรื่นได้ จึงเลือกที่จะไม่พูดซะดีกว่า ได้แต่พยักหน้าแสดงความยินดีกับหยวนชิงหลิงเท่านั้น
หยวนชิงหลิงรู้สึกเป็นห่วงนางตลอดเวลาที่อยู่เดือน ตอนนี้เพิ่งจะได้พบหน้า ย่อมต้องเดินเข้าไปถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ และยังจะทำการตรวจให้นางด้วย ที่นี่คนเยอะเกินไป นางเข็นฮูหยินใหญ่กลับไปยังลานบ้านด้านใน
ฮูหยินใหญ่นั้นไม่ยอม ความหมายคืออาการของโรคเป็นหนักแล้ว แต่ไม่สามารถพูดออกมาได้ แม้จะไม่ยินยอมพร้อมใจแค่ไหนก็ได้แต่ให้หยวนชิงหลิงเข็นนางไปตามใจชอบ
ส่วนคนที่เหลือ ก็ได้ส่งเหล่าของว่างไปนอนอยู่บนเตียงที่ได้จัดเตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว ว่ากันตามธรรมเนียมแล้ว นี่เรียกว่าย้ายบ้าน เมื่ออยู่เดือนจนครบแล้ว ก็ย้ายบ้าน ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปไม่ว่าจะไปที่ใดก็สงบสุขและโชคดีตลอดไป
แทนบูชากระถางธูปถูกวางเอาไว้ด้านนอก หลังจากที่ฮูหยินรองนำคนในจวนกราบไหว้ฟ้าดินและบรรพบุรุษเสร็จแล้ว ก็เข้าไปในห้อง ภายใต้การช่วยเหลือของแม่นมสี่และแม่นม ทาน้ำสีแดงไปบนใบหน้าของเด็กๆ แต้มผงสีแดงหนึ่งจุดไว้บนหน้าผาก ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เด็กๆต่างก็หลุดพ้นจากสิ่งที่ไม่ดีที่ตามมาจากการมาเกิด ผงสีแดงสยบความชั่วร้าย และสามารถปกป้องคุ้มครองให้สงบสุขเป็นสิริมงคล
ญาติพี่น้องทางจวนเจ้าพระยาจิ้งมีไม่น้อย เครื่องประดับที่ทำจากเงินและทองรูปแบบต่างๆถูกวางไว้บนตัวเด็กๆ ฮูหยินรอง นางหวง นางหลวน ยังมีฮูหยินคนอื่นๆที่ทยอยกันเข้ามากล่าวอวยพรทีละคน ชั่วขณะหนึ่ง แม่นมสี่ก็เบียดตัวแทรกเข้าไปไม่ได้ ได้แต่ยืนดูอยู่ข้างนอก
เจ้าพระยาจิ้งก็เข้าไปแล้ว เป็นถึงท่านตาของเด็กๆ ของขวัญที่เขามอบให้กับเด็กๆนั้นไม่ได้ดูอับจนข้นแค้นเลยสักนิดเดียว เป็นคทาหยูอี้ที่ทำจากทองคำและหยก แต่ว่า เจ้าพระยาจิ้งเสียงดังเกินไป ทำให้ข้าวเหนียวร้องไห้ขึ้นมา เขาจึงอุ้มขึ้นมาเดินกล่อมไปหนึ่งรอบ ที่สุดก็ถูกเขากล่อมได้สำเร็จ
เส้นแป้งต้มทำเสร็จแล้ว วันนี้คนที่มาจากจวนอ๋องฉู่ ล้วนได้รับประทานเส้นแป้งต้ม
แต่ว่า แม่นมสี่นั้นเป็นคนระมัดระวัง ให้คนผลัดเปลี่ยนกันไปกิน นางไปก่อน แม่นมสามคนให้อยู่เป็นเพื่อนเหล่าฮูหยินเหล่านั้นที่เข้ามาดูพวกเด็กๆ รอให้นางกับอะซี่และหมันเอ๋อกินเสร็จแล้ว ค่อยมาผลัดเปลี่ยนคน
แม่นมสี่กำชับแล้วกำชับอีก ไม่สามารถให้เหล่าของว่างพ้นไปจากสายตาของพวกนางได้
แต่ว่า ข้างนอกมีกู้ซือกับสวีอีอยู่ ถึงแม้จะมีคนอุ้มเด็กไป ก็ออกจากลานบ้านไปไม่ได้อยู่ดี
อย่างนี้เอง หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันไปกินเส้นแป้งต้ม หยู่เหวินเห้าเองก็ช่วยอีกฝั่งเก็บโต๊ะบูชากระถางธูปกลับไปไว้ในห้องบูชา เขาจุดธูปด้วยตนเอง นับว่าเป็นทำตามขั้นตอนพิธีการจนเสร็จสิ้นแล้ว
อีกฝั่งหนึ่ง หลังจากที่หยวนชิงหลิงทำการตรวจร่างกายให้กับฮูหยินใหญ่ก็รู้ผลแล้ว นางให้ยา แม้ว่าอาการของฮูหยินใหญ่จะหนักมาก แต่ยังดีที่ตอนนี้ทุกอย่างทรงตัวแล้ว ไม่มีเค้าลางของการจะเกิดลมพิษเป็นครั้งที่สอง รออีกไม่กี่วันนางจะทำกายภาพบำบัดให้ก็จะดีขึ้น
เช่นนี้เอง ทำตามประเพณีจนหมดแล้ว แม่นมก็อุ้มเหล่าของว่าง ออกจากจวนเจ้าพระยาจิ้ง
คนกลุ่มหนึ่งขึ้นรถม้าไป เด็กๆผ่านช่วงเวลาครึกครื้นนี้ไป ต่างก็นอนหลับกันหมด ใบหน้าของแต่ละคนนั้นถูกทาจนทั้งแดงทั้งเหลือง มองหน้าตาแต่ละคนไม่ออกแล้ว แต่ก็น่าสนุกมาก
ตอนที่หยู่เหวินเห้าขึ้นขี่ม้า แม่ทัพหลอแห่งองครักษ์ลับผีก็ปรากฏตัวขึ้น
“รัชทายาท เจ้าพระยาจิ้งอุ้มเด็กคนหนึ่งออกไปจากหลังประตู ข้าน้อยได้สั่งให้องครักษ์ลับผีตามเขาไปแล้ว”แม่ทัพหลอพูด
หยู่เหวินเห้าพยักหน้า แววตาเย็นชาลง“อืม ดี ตามเขาไปอย่างลับๆ ดูสิว่าเขาติดต่อกับใคร จำไว้ ถ้าหากเกิดเหตุอันตราย ไม่ต้องสนเรื่องอื่นช่วยเด็กให้ได้ก่อน”
แม่ทัพหลอประสานมือทั้งสองข้างขึ้น “พ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท ”
หยู่เหวินเห้าควบม้าไล่ตามรถม้า ค่อยๆเดินทางกลับจวน
พอกลับถึงจวน ก็มีแขกเหรื่อเริ่มทยอยกันมาแล้ว
แม่นมอุ้มเหล่าของว่างกลับไปยังตำหนักเซี่ยวเยว่ ล้างทำความสะอาดผงสีแดงและน้ำสีแดงที่อยู่บนใบหน้า พอล้างเสร็จ แม่นมของข้าวเหนียวก็กรีดร้องขึ้นอย่างตกใจสุดขีด
แม่นมสี่ที่อยู่ข้างนอก ได้ยินเสียงร้อง นึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็รีบวิ่งเข้าไป
“ร้องตะโกนอะไรกันเกิดอะไรขึ้น”แม่นมสี่ดุเสียงเข้ม “ข้างนอกยังมีแขกเหรื่อรออยู่นะ”
แม่นมตกใจจนเหมือนคนวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว ชี้ไปที่ข้าวเหนียว เปล่งเสียงไม่ออกเลยสักนิด มีแต่สายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
แม่นมสี่มองไปอย่างสงสัย เห็นเพียงข้าวเหนียวตรงนั้นยังคงเป็นข้าวเหนียว กลับเป็นใบหน้าเด็กอ่อนคนหนึ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน รูปร่างพอๆกับข้าวเหนียว แต่ว่าไม่ใช่ข้าวเหนียวแน่นอน
“สวรรค์ ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ พวกเจ้าคอยดูอยู่มิใช่หรือ”แม่นมสี่พูด
“ข้าน้อยอุ้มอยู่ตลอดเวลา ”ที่สุดแม่นมก็ได้สติคืนมาหลังจากตกใจ วิญญาณเข้าร่างแล้ว รีบพูดอธิบายทันที
หยวนชิงหลิงอยู่ห้องข้างๆ ได้ยินเสียงกรีดร้องก็พาอะซี่กับหมันเอ๋อเข้ามา
เห็นฉากนี้เข้า สีหน้าของหยวนชิงหลิงของซีดขาวลงทันที รีบพูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “เร็ว ไปตามรัชทายาทมา”
หยู่เหวินเห้าก็เข้ามาแล้ว ดึงมือของนางเอาไว้ พูดเสียงขรึมว่า “ยายหยวน อย่าร้อนใจไป ลูกไม่เป็นไร พ่อเจ้าอุ้มไปแล้ว องครักษ์ลับผีกำลังตามไป สักพักก็คงจะกลับมา ”
หยวนชิงหลิงได้ยินดังนี้ พลิกฝ่ามือไปกุมข้อมือของเขาเอาไว้ ถลิงตาแดงก่ำอย่างโมโห “เจ้าพระยาจิ้ง ทำไมเขาจึงอุ้มข้าวเหนียวไปได้ เขาอุ้มไปไหน ”
หยู่เหวินเห้าสีหน้านิ่งขรึมลง เรียกให้แม่นมสี่พาแม่นมทั้งสามคนออกไปก่อน จากนั้นก็ปิดประตูและพูดว่า “ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด เป็นพี่สี่ที่ให้อุ้มออกไป ”