บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 513 พยายามกลายเป็นคนที่เจ้าชอบ
หลังจากที่อ๋องฉีดื่มไปแล้วสองถ้วยใหญ่ อันที่จริงก็มึนหัวตลอดทั้งคืน
หยวนหย่งอี้ประคองเขาขึ้นรถม้า กล่าวว่า “ท่านนั่งดีๆ ข้าขี่ม้า” พวกเขาออกจากบ้าน โดยส่วนใหญ่เป็นเช่นนี้ นางชอบขี่ม้า ไม่ชอบถูกขังในพื้นที่แคบๆในรถม้า
ขณะที่นางเปิดม่าน อ๋องฉีดึงข้อมือของนางอย่างฉับพลัน “รอเดี๋ยว”
หยวนหย่งอี้หันกลับ “ทำไมหรือ?”
นางหันหลังให้แสง มองเห็นใบหน้าไม่ชัด มีเพียงแสงในดวงตาเปล่งประกาย เขารวบรวมความกล้า แล้วระบายออกมาในทันที “ไม่ เพียงแค่รู้สึกวิงเวียนนิดหน่อย”
หยวนหย่งอี้หลุดหัวเราะ “ใครให้ท่านดื่มเยอะขนาดนั้น? มาปุ๊บก็ดื่มให้คนอื่นเขาสามถ้วย หากว่าข้าไม่ช่วยท่านดื่มหนึ่งถ้วย คืนนี้ท่านก็ถูกหามกลับไปแล้วเพคะ”
“ทำไมเจ้าต้องช่วยข้าดื่ม?” อ๋องฉีจับจ้องนางแล้วถาม
หยวนหย่งอี้ผายมือออก “ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถมองดูท่านเมาจนล้มไปได้ เห็นได้ชัดว่าท่านไม่ใช่คู่ต่อกรของแม่ทัพใหญ่เฉิน”
อ๋องฉีโกรธเคือง “ทำไมเจ้ามักจะดูถูกข้าอยู่เสมอ?”
หยวนหย่งอี้ตกตะลึง “มีหรือ? ข้าไปดูถูกท่านเมื่อไหร่?”
“เจ้าไม่มีหรือ?” อ๋องฉีถามกลับ
หยวนหย่งอี้กล่าว “แน่นอนว่าไม่มีเพคะ ข้าจะดูถูกท่านได้อย่างไร? ทำไมท่านถึงมีความคิดเช่นนี้?”
อ๋องฉีตบที่ว่างข้างๆ “เจ้านั่งลง คืนนี้ข้าอยากคุยกับเจ้า”
หยวนหย่งอี้ดื่มเหล้าแล้ว เหมือนโกรกลมแล้วระบายความเมาออกมา กล่าวว่า “กลับจวนค่อยว่ากัน ข้าอึดอัดอยู่น่ะเพคะ”
พูดจบ นางก็กระโดดลงรถม้าอยากจะไปขี่ม้า
อ๋องฉีเห็นว่าตัวเองเชื้อเชิญด้วยความจริงใจครั้งหนึ่ง นางก็ไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย ในใจเดือดดาลเป็นอย่างมาก กล่าวอย่างโกรธเคือง “ไม่พูดก็ไม่พูด ใครง้อกัน”
รถม้ากำลังดำเนิน จากม่านที่ยกขึ้นมามองออกไปทางด้านนอก เห็นจากท่าทางการขี่ม้าของนาง ท่าทางการขี่ม้าของนางห้าวหาญเป็นอย่างมาก อ๋องฉีมองพลาง จิตใจเต้นสั่นไหว โกรธก็ไม่สนใจแล้ว เพียงแค่แอบมองเงาด้านหลังของนางเงียบๆ
เพียงแค่คิดว่าสุดท้ายแล้วนางก็ต้องจากไป ในใจก็อดทอดถอนใจเบาๆไม่ได้
กลับถึงในจวน หยวนหย่งอี้ลงจากม้า ต้องการเข้ามาประคองเขา
ชำเลืองมองมือที่ยื่นออกมาของนาง อ๋องฉีมองนางเงียบๆ “เจ้าอ้วน เจ้ารู้สึกว่าข้าอ่อนแอจนถึงขั้นต้องให้เจ้าประคองลงจากม้าหรือ?”
หยวนหย่งอี้มองดูเขา ขมวดคิ้ว “ทำไมคืนนี้ท่านหาเรื่องเพียงอย่างเดียว? ท่านดื่มจนเมาแล้ว ข้าประคองท่านสักหน่อยแล้วยังไง?”
“ข้าไม่ต้องให้เจ้าประคอง” อ๋องฉีกระโดดลงมาจากรถม้าเอง ยืนอย่างมั่นคง กล่าวด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย “แม้ว่าวิทยายุทธของข้าจะไม่เท่าเจ้า แต่ก็ไม่ใช่คนที่มือไม้ไร้เรี่ยวแรง”
หยวนหย่งอี้ไล่ตามไป “ท่านเป็นอะไร? ข้าไปยั่วโมโหท่านแล้วหรือ?”
อ๋องฉีหยุดลงอย่างกะทันหัน หันกลับมามองดูนางทันที “เจ้าคิดว่าไงล่ะ?”
หยวนหย่งอี้มองดูใบหน้าที่เคร่งขรึมจริงจังของเขา สำรวจการกระทำในคืนนี้ทันที ดูเหมือนว่านางก็ไม่ได้ไปยั่วโมโหเขานี่
“ท่านโกรธอะไรกันแน่? ทำไมถึงเหมือนกับพวกผู้หญิงเช่นนี้?”
อ๋องฉีโกรธจนหัวเราะอย่างเย็นชา “ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วที่เจ้าว่าข้าเช่นนี้ ในสายตาของเจ้า ข้าอ่อนแอเหมือนกับพวกผู้หญิงใช่หรือไม่ ไม่คู่ควรให้เจ้าชอบ?”
หยวนหย่งอี้มองดูเขาด้วยความประหลาดใจ ชอบ?
อ๋องฉีก็รู้ว่าตัวเองพลั้งปาก แต่ว่า พูดออกไปแล้ว จิตใจของเขากลับสงบขึ้นมาก จึงมองดูนางเช่นนั้น
หยวนหย่งอี้จ้องมองเขาครู่หนึ่ง ทนรับสายตาที่เร่าร้อนนั่นไม่ไหว วิ่งเหาะเข้าไปแล้ว
อ๋องฉีเศร้าหมองมาก
เมื่อต้องการจะพูดสิ่งเหล่านี้ นางก็หนี นางไม่ได้ชอบเขาแม้แต่น้อยจริงๆ
ใช่สิ เขามีความน่าเลื่อมใสมีความสามารถอะไร? คนเลอะเลือน วิทยายุทธไม่ดี นอกจากมีฐานะเป็นลูกของฮ่องเต้ เขาไม่ได้ดีกว่าคนอื่นแม้แต่ครึ่งหนึ่งจริงๆ
คิดถึงตรงนี้ อดไม่ได้ที่จะหมดอาลัยตายอยากเป็นอย่างมาก เดินโซซัดโซเซเข้าไป
หยวนหย่งอี้สาวเท้ากลับเข้าห้องอย่างรวดเร็ว อะฉ่ายสาวใช้ที่ติดตามมาด้วยตอนแต่งงานเห็นใบหน้าแดงก่ำไปหมด กล่าวถาม “คุณหนู ท่านเป็นอะไรหรือเจ้าคะ? ดื่มเยอะหรือเจ้าคะ?”
หยวนหย่งอี้หายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง “ดื่มเยอะแล้ว เอาน้ำให้ข้า ข้าต้องการล้างหน้า”
“ได้เจ้าค่ะ!” อะฉ่ายหมุนตัวออกไป
หยวนหย่งอี้นั่งตรงด้านหน้าโต๊ะแต่งหน้า มองดูใบหน้าที่เต็มไปด้วยความปลื้มปริ่มใจของตัวเอง ในใจก็เต้นแรงอยู่ตลอด
นางถอนหายใจเบาๆ ยื่นมือลูบคลำใบหน้า รู้ว่าไม่สามารถพอ
ใจเต้นเป็นความรู้สึกแค่ชั่วพริบตา ที่นางต้องการไม่ใช่ความรู้สึกชนิดนี้
หากบอกว่าขณะที่แต่งงานกับเขา ยังสับสนไร้เดียงสา คิดว่าเรื่องนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ก็สามารถเหาะเหินพุ่งไปสุดขอบฟ้าใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองต้องการได้ ตอนนี้เผชิญเรื่องมากมายพร้อมกับเขา สภาพจิตใจของนางก็ค่อยๆเปลี่ยนแล้ว
ไม่ใช่ว่านางอยู่ต่อไม่ได้ แต่ว่า ที่นางต้องการคือความรักที่มีหลักประกันมั่นคงและจริงใจ
ฉู่หมิงชุ่ยทิ้งปัญหาที่ยิ่งใหญ่มากปัญหาหนึ่งให้พวกเขา
โดยตลอดมาคนผู้นี้ไม่เคยจากไปจากก้นบึ้งในจิตใจของเขา พวกเขาก็ไม่สามารถเป็นไปได้
นางยอมรับว่าหัวใจของตัวเองหวั่นไหวต่อเขา
แต่นางก็มีเหตุผลมาก หวั่นไหวไม่ได้หมายความว่าจะฝากฝังตลอดชีวิต นั่นคือเรื่องของทั้งชีวิต
นางใฝ่ฝันจะได้ความรักของท่านพี่หยวนและรัชทายาท ในใจของพวกเขามีเพียงฝ่ายตรงข้าม ใส่ผู้ใดลงไปไม่ได้
นางหวังว่าความรักและการแต่งงานของตัวเองก็จะเป็นเช่นนี้ แม้ว่าก้นบึ้งในจิตใจของเขาจะเหลือที่ไว้เพื่อฉู่หมิงชุ่ยอย่างเงียบๆ ก็ไม่ได้
ความรักของนางไม่ประนีประนอม ไม่ถูๆไถๆ
ประตูถูกผลักออก พร้อมกับสายลมยามค่ำคืนเป็นเงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่ง อ๋องฉีสาวเท้าก้าวใหญ่เดินเข้ามา
เขาโดนลมเย็นพัดอยู่ด้านนอกครู่หนึ่ง ดูถูกตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในใจไม่มีทางที่จะสงบลงมาได้โดยตลอด เขาต้องการคำตอบ
เขาเดินมาถึงข้างกายของหยวนหย่งอี้ ร่างกายที่สูงใหญ่ครอบคลุมลงมา ดวงตาหม่นหมองไม่ชัดเจน “หยวนหย่งอี้ พวกเราคุยกัน”
น้อยมากที่เขาจะเรียกชื่อของนาง นี่หมายความว่าเขาจริงจังมาก
หยวนหย่งอี้พยักหน้าเล็กน้อย และไม่เงยหน้ามองเขา เพียงแค่กล่าวเสียงเบาๆ “ท่านนั่ง”
เขาเคลื่อนเก้าอี้มาตัวหนึ่ง แล้วนั่งข้างกายของนาง พลังกดดันคน “เจ้าเงยหน้ามองข้า”
หยวนหย่งอี้ถูฝ่ามือสองข้างของที่วางอยู่บนหัวเข่า เงยหน้ามองดูเขาช้าๆ “ท่านต้องการพูดอะไร?”
เขากล่าว “เจ้าให้คำพูดแน่นอนกับข้าประโยคหนึ่ง เจ้ายังจะจากไปหรือไม่?”
หยวนหย่งอี้หลบเลี่ยงดวงตาที่สุกสกาวของเขา “ทำไมเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมากะทันหัน? ช่วงนี้ข้าก็ไม่มีว่างไปคิด”
“หากข้าบอกเจ้าว่าอย่าจากไป อยู่ข้างกายข้า เจ้ายินยอมหรือไม่?” อ๋องฉีถามอีก
ใจของหยวนหย่งอี้เต้นแรงสองสามรอบ “ทำไม?”
เขาเงียบครู่หนึ่ง “ไม่ทำไม ก็คือไม่เต็มใจให้เจ้าจากไป”
หยวนหย่งอี้กล่าวเบาๆ “ให้คนผู้หนึ่งอยู่ มักจะต้องมีเหตุผลเสมอ”
เสียงของอ๋องฉีมีความร้อนใจเล็กน้อย “ยังต้องการเหตุผลอะไรอีก? เจ้าเป็นชายารองของข้า ข้าไม่หย่ากับเจ้า เจ้าก็จากไปไม่ได้”
ในตาของหยวนหย่งอี้มีความงงงันวาบผ่าน มองดูเขา ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อย เผยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา “อ๋อ เป็นเช่นนี้หรือ”
อ๋องฉีเห็นนางเกิดความเย็นชาขึ้นอย่างฉับพลัน ในใจกลัดกลุ้มมาก ความจริงเขาไม่ได้มีความหมายเช่นนี้
มีประโยคหนึ่ง ไม่กล้าพูดออกมา กลัวถูกเหยียบย่ำ กลัวถูกเมินเฉย กลัวถูกนางหัวเราะเยาะเย้ย
“ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็จากไปไม่ได้” เขาเสริมประโยคหนึ่งเบาๆ
หยวนหย่งอี้กล่าวเบาๆ “ได้ รอท่านหย่ากับข้าเมื่อไหร่ ข้าค่อยไป”
เขาเงยหน้าทันที เห็นความรู้สึกเย็นชาในตาของนาง โพล่งออกไป “ไม่ ชั่วชีวิตก็ไม่มีทาง นอกจากข้าตาย”
นางมองดูเขา มือบิดเสื้อผ้าไว้ “ใช่หรือ?”
อ๋องฉีค่อยๆเอื้อมมือมากุมมือของที่วางอยู่บนเข่า จับเบาๆ มือของนางเย็น เริ่มขัดขืนเล็กน้อย ช้าๆ ก็อ่อนลงอยู่ในอุ้งมือของเขา
“ข้ารู้ว่าเจ้ารังเกียจที่ข้าไร้ความสามารถ แต่เริ่มจากวันนี้ไป ข้าจะขยันฝึกวิทยายุทธ พยายามกลายเป็นคนผู้นั้นที่เจ้าชอบ” เขาเสียงเบาแต่กลับประกาศอย่างมั่นใจ
หยวนหย่งอี้มองดูเขา ในตาค่อยๆกลั่นเป็นความปีติยินดี ก้มหน้าลง ปิดบังทุกอย่างไว้ และไม่พูดจา