บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 517 ข้าวเหนียวไข้ขึ้น
หลังจากจบว่าการราชสำนัก หยู่เหวินเห้าไม่เต็มใจยอมรับ ไปหาฮ่องเต้หมิงหยวนที่ห้องทรงพระอักษร
โดยปกติแล้วฮ่องเต้หมิงหยวนจบการว่าการราชสำนักแล้วจึงจะเสวยอาหารเช้า ด้านในห้องทรงพระอักษรจัดข้าวต้มและหมั่นโถวไว้ หลังจากที่เขากินข้าวต้มไปหนึ่งถ้วยแล้ว กล่าวเบาๆ “เจ้าเป็นเพราะความสัมพันธ์ไมตรีกับแม่ทัพใหญ่เฉินแห่งแคว้นต้าโจวใช่หรือไม่ ถึงได้ออกแรงใช้วาทศิลป์เพียงนี้?”
หยู่เหวินเห้าก็ไม่ได้กินอาหารเช้า เวลานี้ก็หิวเป็นอย่างมากแล้ว เห็นเขาหยุดลงหลังจากกินข้าวต้มแล้ว จึงคิดว่าไม่ต้องการหมั่นโถวแล้ว เดินขึ้นหน้าเอื้อมมือไปหยิบหมั่นโถว “ไม่ใช่ หม่อมฉัน…….”
ฮ่องเต้หมิงหยวนถือตะเกียบชี้เขา “วางลง!”
หยู่เหวินเห้าล้วนเปิดปากแล้ว เห็นแววตาในดวงตาของเสด็จพ่อ วิจารณ์อยู่ในใจประโยคหนึ่งว่าขี้เหนียว เอาหมั่นโถววางกลับไป
ฮ่องเต้หมิงหยวนหยิบหมั่นโถวขึ้นมาเช็ดนิดหน่อย ปอกช้าๆแล้วกิน ปล่อยหยู่เหวินเห้าให้อยู่ด้านข้าง
หยู่เหวินเห้ากล่าวด้วยความน้อยใจ “ลูกก็หิวแล้ว วันนี้ตื่นเช้า แม่นมบอกว่าข้าวเหนียวตัวร้อนเล็กน้อย ลูกไปดูครู่หนึ่ง ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า”
ได้ยินว่าข้าวเหนียวตัวร้อน ฮ่องเต้หมิงหยวนรีบเงยหน้าทันที “เกิดอะไรขึ้นล่ะ? ทำถึงตัวร้อน?”
“ไม่รู้พ่ะย่ะค่ะ” หยู่เหวินเห้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ยินแม่นมบอกว่าที่หน้าผากร้อนเล็กน้อย อยากเรียกหมอหลวงเฉาเข้าไปดู เขาก็ไปดูก่อนแล้ว คลำหน้าผากของข้าวเหนียวแล้ว มีความร้อนเล็กน้อยจริงๆ
ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ยินคำพูดเช่นนี้ โกรธจนโยนหมั่นโถวทิ้งไป หยู่เหวินเห้ากระโดดขึ้นมาด้วยจิตใต้สำนึก อ้าปากงับหมั่นโถวไว้ แล้วเอามือหนึ่งมาหยิบไว้ กินขึ้นมา
พึ่งใบบุญของลูกชาย ได้กินอาหารเช้าแล้ว
ฮ่องเต้หมิงหยวนอึดอัดใจ “กินกินกิน รู้จักแต่กิน ทำไมข้าวเหนียวตัวร้อนไม่รู้หรือ? เพราะเป็นหวัดหรือว่าแม่นมกินของทำให้ร้อนในแล้ว? เจ้าถามก็ไม่ถาม อะไรก็ไม่รู้ยังมีหน้าไปว่าการราชสำนักอีก?”
“นี่ไม่ใช่เพราะการว่าราชสำนักมีเรื่องเร่งรีบหรือพ่ะย่ะค่ะ? ข้าวเหนียวไม่ได้เป็นอะไร มีหมอหลวงเฉากับยายหยวนน่ะพ่ะย่ะค่ะ” ระหว่างที่พูดจาหยู่เหวินเห้าก็จัดการหมั่นโถวไปหนึ่งลูกแล้ว หมั่นโถวในวังนี่ก็ไม่ดี ปล่อยให้เย็นแล้ว แห้งแหง็กแต่ส่วนใหญ่กลับติดหนึบบนเพดานปาก พูดจาไม่สบายเป็นอย่างมาก “เสด็จพ่อประทานน้ำให้แก้วหนึ่งสิพ่ะย่ะค่ะ?”
“ไม่มีน้ำ” ฮ่องเต้หมิงหยวนรับสั่งมู่หรูกงกง “ออกจากวังรอบหนึ่ง ดูหน่อยว่าพระราชนัดดาเป็นอย่างไร บอกให้หมอหลวงเฉาดูแลดีๆ”
มู่หรูกงกงกำลังมองดูอยู่ด้านข้างอย่างมีความสุข รู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพ่อลูกดีขึ้นมาก ได้ยินฮ่องเต้ออกคำสั่ง จึงรับคำสั่งและจากไป
“พูด เป็นเพราะความสัมพันธ์ไมตรีจิตหรือว่ามีการไตร่ตรองแล้วจริงๆ?” ฮ่องเต้หมิงหยวนถาม
หยู่เหวินเห้ากล่าว “เสด็จพ่อ เรื่องสำคัญของประเทศนี้จะสามารถเป็นเพราะไมตรีจิตได้ที่ไหนกันพ่ะย่ะค่ะ? ตอนนี้เป่ยโม่กับเซียนเปยได้ตกลงเป็นพันธมิตรเป็นการส่วนตัวตั้งนานแล้ว และเคยเปิดฉากโจมตีทำสงครามกับแคว้นต้าโจวมาก่อน หากไม่ใช่เพราะการเมืองภายในของเซียนเปยเกิดปัญหา ตอนนี้เกรงว่าก็บัญชาการกองทัพลงมาตั้งนานแล้ว แคว้นต้าโจวและเป่ยถังของเราอยู่ติดกัน หากแคว้นต้าโจวถูกยึด เป่ยถังของพวกเราจะสามารถหลบหนีพ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ? แต่ว่า นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ลูกกังวลมากที่สุด”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูเขา “เจ้ายังมีอะไรอย่างอื่นที่เป็นกังวลหรือ?”
หยู่เหวินเห้าขึ้นหน้าก้าวหนึ่ง กล่าวอย่างจริงจัง “เสด็จพ่อ ตอนนี้แคว้นต้าโจวมีรถศึกและอาวุธทหารรูปแบบใหม่ๆ อีกทั้งปีก่อนได้รับทหารมากกว่าหนึ่งแสนคน แข็งแกร่งเป็นที่สุดแล้ว เป่ยโม่และเซียนเปยจะละทิ้งแคว้นต้าโจวและโจมตีเป่ยถังหรือไม่น่ะสิพ่ะย่ะค่ะ? ดังนั้นการเป็นพันธมิตรเป็นเรื่องเร่งรีบที่สุด ไม่สามารถรีรอได้แม้แต่นาทีเดียวพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ยินดังนั้น สีหน้าจริงจัง ครุ่นคิดเล็กน้อย ดวงตาที่เย็นยะเยือกกวาดตามองหยู่เหวินเห้าแล้วกล่าว “ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล ที่โสวฝู่ฉู่พูดก็ไม่ผิด เจ้ามองการณ์ไกลจริงๆ เป่ยโม่กับเซียนเปยไม่แน่ว่าจะไม่เป็นเหมือนที่เจ้าพูดเช่นนั้นลงมือกับเป่ยถังของพวกเราก่อน”
หยู่เหวินเห้าดีใจทันที “เสด็จพ่อ ท่านเช่นนี้คือตกลงแล้วใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูเขาเบาๆแวบหนึ่ง “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ข้าไม่สามารถตกลงได้ทันที เจ้าพยายามไปปลุกระดมความสนับสนุนต่อเถอะ ข้าจะต้องตกลงเพราะจำใจทำได้เพียงเท่านี้”
หยู่เหวินเห้าไม่เข้าใจ “นี่เป็นเพราะเหตุใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย ยกให้เขาออกหน้าหารือกับขุนนางเน่ย์เก๋อสักครู่ เรื่องนี้ก็สามารถทำเป็นรูปธรรมได้แล้ว ทำไมยังต้องให้เขาไปพยายามทำให้ได้รับความเห็นด้วยอีกล่ะ?
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูเขาด้วยอารมณ์ที่แฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ยังเด็กเกินไปสินะ “ไปเถอะ”
หยู่เหวินเห้าออกมาคิดแล้วคิดอีก ตระหนักขึ้นมาได้ทันที คงเป็นไม้เด็ดของเสด็จพ่อ ตัวเองไม่แสดงท่าที สังเกตวิธีการกระทำและวิธีการคิดของเหล่าขุนนางเงียบๆ ทันทีที่เขาแสดงท่าที เพราะท่าทีของเขาจะทำให้ผู้คนมากมายเกิดความลำเอียง เขาไม่พูด ก็สามารถรับรู้ความคิดที่แท้จริงของทุกคนได้ ดูว่าใครยืนอยู่ข้างตี๋เว่ยหมิงทางนี้
แต่ว่า ฮ่องเต้หมิงหยวนหลังจากที่เขาจากไปแล้ว กลับคิดแล้วกล่าว เรื่องนี้มีประโยชน์มากมายแต่ก็มีข้อเสียอยู่เล็กน้อย เพื่อเลี่ยงไม่ให้ขุนนางที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการรวบรวมจดบันทึกข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์จดบันทึกมั่วซั่วในภายหลังต้องการให้เขาแบกรับความผิด แน่นอนว่าค่อนข้างเหมาะสมที่จะต้องแสร้งทำท่าทางบีบบังคับให้ทำเรื่องที่ความสามารถไม่ถึง
เขากินหมั่นโถวไปพลาง จิตใจก็เป็นห่วงเจ้าข้าวเหนียวน้อย
วันนี้ข้าวเหนียวไข้ขึ้นเล็กน้อยจริงๆ ความเป็นจริงไม่เพียงข้าวเหนียว ทารกทั้งสามล้วนมีอาการไอเล็กน้อย
เพียงแค่สุขภาพร่างกายของเจ้าข้าวเหนียวน้อยค่อนข้างแย่ ก็คือมีไข้เล็กน้อยแล้ว
เด็กยังเล็ก หมอหลวงเฉาออกใบสั่งยาลดไข้แก้ไอให้ทารกกิน ก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไรแล้ว
ไอก็เพราะวันนี้เริ่มเข้าฤดูร้อนแล้ว เช้าและค่ำเหน็บหนาว กลางวันอากาศร้อน เพิ่มและลดเสื้อผ้าไม่รอบคอบถึงทำให้เกิดอาการขึ้นชั่วขณะ ดังนั้น สองวันนี้แม่นมสี่เฝ้าดูอย่างจดจ่อ เลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก
มู่หรูกงกงรายงานฮ่องเต้หมิงหยวน ทูลว่าเด็กๆได้รับความหนาวเย็นมีอาการไอ ทารกทั้งสามล้วนไม่สบายแล้ว
ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่พอพระทัยเป็นอย่างมาก ประจวบกับไทเฮาทางนั้นก็รับทราบแล้ว จึงได้ถ่ายทอดพระราชโองการแก่ย่วนพ่านให้ออกจากพระราชวังเข้าจวนไปตรวจ
หลังจากย่วนพ่านไปตรวจแล้ว หมอหลวงมือหนึ่งด้านกุมารเวชผู้หนึ่งก็มาแล้ว ความจริงเดิมทีเด็กๆก็ไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร แค่ขณะที่ย่วนพ่านกลับไป ได้ยินว่าไอ อีกทั้งหลังจากที่ข้าวเหนียวไข้ลดลงแล้วก็ตัวร้อนขึ้นมาอีก ไทเฮาไม่วางพระทัย ดังนั้นก็ส่งคนออกมาอย่างต่อเนื่องอีก
นึกไม่ถึงว่าฮ่องเต้หมิงหยวนทางนั้นก็ไม่วางพระทัย ก็ถ่ายทอดให้คนออกจากพระราชวังไปดู
หยวนชิงหลิงรู้ว่าหากไม่อุ้มเด็กๆเข้าวังไปให้ไทเฮาและฮ่องเต้ดู พวกเขาคงจะไม่วางพระทัย
จึงเรียกแม่นมมาอุ้มเด็กๆ สวีอีเตรียมรถม้า พาทารกทั้งสามเข้าวังไปแล้ว
ไทเฮาคิดถึงพวกเด็กๆจริงๆ แต่ว่า เด็กๆยังป่วยอยู่ หยวนชิงหลิงกลับพาพวกเขาเข้าวัง ไทเฮาก็ไม่พอพระทัย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่อุ้มเจ้าข้าวเหนียวน้อย หน้าผากของเจ้าข้าวเหนียวน้อยยังร้อนอยู่ จิตใจของไทเฮาก็เป็นห่วงขึ้นมา กล่าวโทษหยวนชิงหลิง “ไม่เคยพบเจอที่บอกว่าเพิ่งจะครบเดือนก็ป่วย ในจวนคนมากมายก็ดูแลเด็กสามคนให้ดีไม่ได้? ข้าก็เรียกให้พวกเจ้าไปอยู่ที่ตำหนักบูรพาตงกง มีปัญหาอะไรจะได้ดูแลให้ดี ก็ไม่ยอมให้ได้ ในพระราชวังนี้เป็นถ้ำเสือถ้ำหมาป่าหรือ? ที่จะกลืนพวกเจ้าได้?”
แม่นมหูเตือนอยู่ด้านข้าง “ไทเฮาเพคะ เพราะเจ้าอาวาสบอกว่าพระราชนัดดาต้องอยู่ที่จวนอ๋องฉู่นะเพคะ ไม่ใช่พระชายารัชทายาทไม่เต็มใจเข้าวังมานะเพคะ”
หยวนชิงหลิงชำเลืองมองแม่นมหูด้วยความซาบซึ้งแวบหนึ่ง เป็นการพบกับหายนะโดยบังเอิญจริงๆเชียว
สีหน้าความขุ่นเคืองของไทเฮาสลายไป แต่กลับเอ่ยขึ้นมาอีก “ไม่เช่นนั้นก็เอาแบบนี้เถอะ ระยะนี้เจ้าห้างานยุ่งวุ่นวายมาก เจ้าก็ต้องรับแขกที่มาจากแคว้นต้าโจว เด็กๆก็อยู่ในวังก่อน ข้าดูแลไว้ ในวังคนมากมาย มีปัญหาอะไรจะได้ดูแลดีๆ”
หยวนชิงหลิงสองจิตสองใจครู่หนึ่ง “นี่……เพียงแค่เกรงว่าจะรบกวนท่านเพคะเสด็จย่า”
“มีทางไหนอีก?” ไทเฮาอุ้มเจ้าข้าวเหนียวน้องแกว่งไกวเบาๆ ดวงตาจับจ้องใบหน้าที่หลับสนิทของเจ้าข้าวเหนียวน้อยอยู่ตลอด ก็ราวกับว่าอดไม่ได้ที่ก้มลงไปกัดด้วยความตื่นเต้นคำหนึ่ง ปากกล่าวคำตำหนิ แต่ดวงตาอ่อนโยนจนแทบจะเป็นน้ำออกมาแล้ว “ใครใช้ให้พวกเจ้าดูแลไม่เป็น? ถือโอกาสที่ข้ายังสามารถขยับตัวได้ ลำบากนิดหน่อยช่วยพวกเจ้าเลี้ยงดู”