บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 526 ส่งยาให้ถึงที่
ตอนที่มาถึงจวนจูกั๋วกง ก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว
คนเฝ้าประตูเข้าไปรายงานเพราะรู้ถึงสถานะของหยวนชิงหลิง แต่ว่า พาหมอหลวงเฉาไปด้วย ก็ถูกต้อนรับอย่างยินดีไม่มากก็น้อย
หลังจากเข้าไปในจวนจูกั๋วกงแล้ว ในจวนจูกั๋วกงเต็มไปด้วยบรรยากาศเงียบสงัดหนักอึ้ง เวลาบ่าวรับใช้ที่เดินไปมาต่างก็เขย่งเท้าทำเสียงให้เบาที่สุด
หยวนชิงหลิงกับหมอหลวงเฉาถูกเชิญไปที่โถงหลัก ในห้องโถงหลักมีคนตระกูลจูนั่งอยู่เต็มไปหมด ตี๋เว่ยหมิงกับฮูหยินก็อยู่ด้วย พอเห็นหยวนชิงหลิง ทั้งสองคนกับคนอื่นๆก็ลุกขึ้นมาคำนับ
หยวนชิงหลิงพูดคำว่าตามสบายเบาๆหนึ่งประโยค เห็นคนที่นั่งอยู่ต่างก็ใช้สายตาที่ค่อนข้างแปลกประหลาดมองมาที่นาง คงจะสงสัยว่านางมาทำอะไร
ขณะเดียวกันตี๋เว่ยหมิงก็ถามขึ้นว่า “พระชายารัชทายาททรงมีน้ำพระทัยมาก ยังต้องลำบากให้ท่านมาเยี่ยมเยียนด้วยตนเอง นี่เป็นความคิดของรัชทายาทกระมัง รัชทายาทช่างมีน้ำใจจริงๆ ”
คำพูดของตี๋เว่ยหมิง แฝงแววประชดประชัน หมายถึงว่าหยวนชิงหลิงนั้นได้รับคำสั่งจากรัชทายาทเพื่อมาทำการแสดง
ฉะนั้น พอคำพูดนี้ของเขาพูดออกไป คนที่นิ่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ของตระกูลจู ต่างก็เผยให้เห็นสีหน้าที่ดูจะเข้าใจมากขึ้น
ก็ไม่น่าแปลก ตอนนี้รัชทายาทเพิ่งได้รับการแต่งตั้ง ตำแหน่งยังไม่มั่นคง และเพิ่งจะมีความเห็นเรื่องการเมืองการปกครอง ดึงคนสนับสนุนไปทั่วทุกที่ และเคยถูกกั๋วกงคัดค้าน ย่อมต้องมาเยี่ยมเยียนเพื่อเอาใจเป็นธรรมดา
ฉะนั้น แววตาที่พวกเขามองหยวนชิงหลิงนั้น มีแววยโสโอหังอยู่หลายส่วน ราวกับว่าหยวนชิงหลิงนั้นมีเรื่องที่ต้องมาขอร้อง
หยวนชิงหลิงมองความคิดเช่นนี้ของพวกเขาออก ไม่ประหลาดใจ อำนาจของเป่ยถังดูผิวเผินแล้วเหมือนจะถูกรวบรวมอยู่ที่ฮ่องเต้เพียงคนเดียว แต่ว่าสถานการณ์แท้จริงแล้วกลับไม่ใช่เช่นนั้น
เป่ยถังมีเน่ย์เก๋อ หัวหน้าของเน่ย์เก๋อก็คือโสวฝู่ เน่ย์เก๋อไม่ได้มีไว้ประดับบารมี แต่เป็นแผนกที่สามารถถ่วงดุลอำนาจของฮ่องเต้ได้ เรื่องใหญ่หลวงของประเทศส่วนมาก ล้วนเป็นการปรึกษาหารือกันภายในเน่ย์เก๋อก่อนจะถวายฎีกาขึ้นไป แน่นอนว่าเน่ย์เก๋อนั้นไม่สามารถทำโดยพลการได้ แต่ฮ่องเต้ก็ทำไม่ได้เช่นกัน
นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ส่งผลให้ในบางครั้งฮ่องเต้จะทำอะไร ก็ต้องดูสีหน้าของเหล่าขุนนางใหญ่อยู่หลายส่วน ส่วนรัชทายาทนั้นไม่มีเกียรติในตำแหน่งด้วยซ้ำไป
จูกั๋วกงเป็นขุนนางอาวุโสของเป่ยถัง ตอนนี้ยังคงรับหน้าที่ในกรมทหาร มีความดีความชอบมีอำนาจอย่างแท้จริงและมีอำนาจทางทหารด้วย นี่คือต้นไม้ใหญ่ที่มีรากหยั่งลึกไกลสิบลี้มั่นคงอย่างแท้จริง ฉะนั้นคนในตระกูลจึงมีสิทธิ์ที่จะดูถูกรัชทายาทที่เพิ่งรับตำแหน่งใหม่
หลายรัชสมัยก็เป็นเช่นนี้ ขุนนางอาวุโสผู้มั่นคง รัชทายาทที่เปลี่ยนผัน ตำแหน่งอาวุโสนั้นยากจะสั่นคลอน แต่รัชทายาทนั้นมีการแทนที่เสมอ
หยวนชิงหลิงตอบกลับคำพูดนี้ของตี๋เว่ยหมิงหรือไม่ นางไม่ตอบ เพียงแค่ยิ้มบางๆแสดงถึงมารยาท
กลับเป็นหมอหลวงเฉาที่พูดขึ้นว่า “พระชายารัชทายาทได้ยินว่าโรคขัดเบาของฮูหยินกั๋วกงกำเริบ เจ็บปวดยากจะทานทน จึงได้มามอบยาระงับปวดเป็นการเฉพาะ”
ตี๋เว่ยหมิงพูดเสียงเรียบเฉยว่า “ขอบพระทัยพระชายารัชทายาท พระชายารัชทายาทมีความตั้งใจจริงๆ ถึงมาด้วยตนเอง มีตำรับยาก็ให้บ่าวรับใช้ส่งมาก็ได้”
คำพูดนี้ก็ยังเป็นการประชด
ครั้งนี้หยวนชิงหลิงตอบกลับคำพูดของเขา พูดว่า “ยาระงับปวดนี้ไม่ได้เป็นตำรับยา เป็นยาที่มีการกลั่นมาเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากข้าไม่มาเอง เพื่อดูอาการของฮูหยินกั๋วกง เกรงว่าจะให้ยาในอัตราส่วนที่ไม่เหมาะสม ไม่ต้องพูดถึงเรื่องตั้งใจหรือไม่ ฮูหยินกั๋วกงทำเรื่องดีๆไว้มากมายทำให้คนอย่างข้ารู้สึกเคารพนับถือ นางเป็นคนดี คนดีไม่สมควรต้องได้รับความทุกข์ แม่ทัพใหญ่ก็ไม่จำเป็นต้องพูดขอบคุณอยู่ตลอดเวลา ข้าไม่ได้มาเยี่ยมท่านเสียหน่อย”
ตี๋เว่ยหมิงถูกเสียดสีเบาๆ สีหน้าเย็นชาอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ยังคงเป็นขุนนางผู้มีชื่อเสียงมานาน ไหนเลยจะกล้าหักหน้าหยวนชิงหลิงซึ่งๆหน้า
จูโห้วเต๋อผู้ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของตระกูลจูได้ยินว่ามียาระงับปวด ก็รีบเดินเข้าไปประสานมือขึ้นมา “พระยาชารัชทายาท กระหม่อมจูโห้วเต๋อ เป็นบุตรคนโตของตระกูลจู ขอบพระทัยพระชายารัชทายาทที่มาเยี่ยมแม่ข้า ท่านมียาระงับปวดจริงหรือ ฤทธิ์ของยาดีหรือไม่”
จูโห้วเต๋ออายุประมาณห้าสิบกว่าแล้ว รูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ เหมาะสมกับชื่อเขาดี
หยวนชิงหลิงมองเขา พยักหน้าพูดว่า “ฤทธิ์ยารักษาน่ะมี แต่ข้าต้องตรวจดูอาการของฮูหยินก่อน ”
จูโห้วเต๋อเอ่ยอย่างลำบากใจว่า “นี่ ในเมื่อท่านเอายามาถึงนี่แล้ว ไม่สู้มอบยาให้กับกระหม่อม สอนกระหม่อมว่าใช้อย่างไรก็พอ ตอนนี้ท่านแม่นอนป่วยอยู่บนเตียง เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส น่าอนาถใจยิ่งนัก ไม่สะดวกที่จะรับแขก”
“แต่ถ้าหากไม่ได้พบฮูหยิน ข้าจะคำนวณปริมาณยาได้อย่างไร”หยวนชิงหลิงถาม
มีหญิงคนหนึ่งที่สวมเสื้อผ้าไหมลุกขึ้นมา ดูแล้วอายุน่าจะราวๆห้าสิบต้นๆ หน้าตาคล้ายกันกับฮูหยินของตี๋เว่ยหมิงมาก น่าจะเป็นพี่น้องกับฮูหยิน
นางเดินเข้ามาย่อตัวคำนับหยวนชิงหลิง “นางจูคำนับพระชายารัชทายาท ก่อนอื่นต้องขอบพระทัยในความเป็นห่วงเป็นใยที่พระชายารัชทายาทมีต่อตระกูลจู เคยได้ยินมาว่าท่านนั้นมีความรู้วิชาแพทย์เป็นอย่างดี ท่านสามารถมาได้ถือว่าเป็นบุญวาสนาของท่านแม่ แต่ว่าตอนนี้ท่านพ่อกำลังเฝ้านางอยู่ ไม่ให้ใครเข้าไปทั้งนั้น เกรงว่าถ้าหากไปรายงานแล้ว เกิดเขาอารมณ์เสียขึ้นมา กลับเป็นการล่วงเกินพระชายารัชทายาทเสียเปล่า ถ้าหากท่านจริงใจละก็ ไม่สู้มอบยาเอาไว้ ถ้าหากได้ผลจริง หม่อมฉันจะไปขอบพระทัยด้วยตนเองเพคะ”
หยวนชิงหลิงได้ยินนางเรียกตัวเองว่านางจู คิดว่าคงจะเป็นลูกสาวของจูกั๋วกง จากนั้นก็มองคนอื่นๆ คาดว่าคงเป็นรุ่นลูกรุ่นหลานทั้งหมด พวกเขาต่างก็เฝ้าอยู่ที่นี่ เห็นได้ชัดว่ากั๋วกงไม่ยินดีให้ใครเข้าไปทั้งนั้น หยิบเอายาระงับปวดกับยากระเพาะที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรกออกมา พูดว่า “ยาสองเม็ดนี้ เม็ดหนึ่งเป็นยากระเพาะ อีกเม็ดเป็นยาระงับปวด ยากระเพาะให้กินตอนท้องว่าง หลังจากกินเข้าไปแล้ว ให้พักชั่วครู่ ดื่มน้ำข้าวต้มเสียหน่อย ค่อยกินยาระงับปวดตามเข้าไป ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม จะค่อยๆบรรเทาในจุดที่ปวดหรือระงับอาการปวดไปเลย เพียงแต่ยานี้รักษาที่ปลายเหตุไม่ใช่ต้นเหตุ โรคขัดเบาเดิมทีก็ยากจะรักษา ต้องการระยะเวลาที่นานซะหน่อยในกระบวนการรักษา ถ้าหากเชื่อใจข้า ข้าจะรออยู่ที่จวน ”
นางพูดจบ ก็มอบยาให้กับนางจู ย่อตัวพูดว่า “ขอลา”
ทุกคนต่างก็คำนับกลับคืน เพียงแต่ กลับได้ยินฮูหยินตี๋เว่ยหมิงพูดว่า “ยาเช่นนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน จะให้ท่านแม่กินสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร ถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา ไม่เท่ากับเป็นการทำร้ายชีวิตท่านแม่หรอกหรือ”
หมอหลวงเฉาที่หมุนตัวไปแล้ว ได้ยินประโยคนี้เข้า ก็หันกลับมาพูดเสียงเย็นว่า “ฮูหยิน ยาที่พระชายารัชทายาทส่งมาให้ด้วยตนเอง ถ้าหากมีอะไรผิดพลาด ก็ให้โทษพระชายารัชทายาท พระชายารัชทายาทนั้นรู้สึกสงสารฮูหยินกั๋วกงที่ต้องทุกข์ทรมาน ยินดีที่จะแบกรับหน้าที่อันใหญ่หลวงนี้เพื่อมามอบยาให้ ท่านกลับพูดจาเช่นนี้ ช่างทำให้รู้สึกเจ็บปวดใจจริงๆ”
นางจูที่เพิ่งจะพูดจาเมื่อครู่รีบเดินเข้าไปขออภัยทันที “พระชายารัชทายาทโปรดอภัย พี่สาวของหม่อมฉันแต่ไหนแต่ไรก็เป็นคนปากไร้หูรูด แต่ในใจไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร ท่านอย่าเก็บไปใส่ใจเลย”
หยวนชิงหลิงยิ้มบางๆพูดว่า “ไม่เป็นไร พวกท่านก็พิจารณาทำอย่างรอบคอบเถอะ ข้าไปล่ะ”
นางพาแม่นมสี่กับหมอหลวงเฉาไปจากจวนจูกั๋วกง
แม่นมสี่รู้สึกโมโหมาก “ตระกูลจูวางมาดยิ่งใหญ่นัก พระชายารัชทายาทส่งยามาให้ด้วยตนเอง พวกเขากลับป้องกันราวกับส่งยาพิษมาให้ พระชายารัชทายาทเคยทำร้ายคนซะที่ไหน”
หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆว่า “พอแล้ว ข้ายังไม่โมโหเลย ท่านจะโมโหทำไม ถ้ายาระงับปวดนี้ได้ผลจริง พวกเขาจะไปหาข้าเอง ถึงตอนนั้น ก็คงต้องชดใช้ความผิดกับข้าบ้าง ”
หมอหลวงเฉากลับไม่ได้มองในแง่ดีเช่นนั้น พูดว่า “จูกั๋วกงเป็นคนถือดี อาจจะไม่ให้ฮูหยินกินยาของท่าน ถ้าหากไม่กินยา ก็ไม่รู้ฤทธิ์ยา และไม่มีทางมาหาท่าน
หยวนชิงหลิงพูดว่า “ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไร้หนทาง ยาส่งถึงที่แล้ว จะกินหรือไม่ ก็อยู่ที่พวกเขาตัดสินใจ แต่ว่าตอนนี้ฮูหยินกั๋วกงนั้นไม่สามารถขับปัสสาวะออกมาได้แล้ว อันตรายเป็นอย่างยิ่ง……”
หยวนชิงหลิงพูด พลางถอนหายใจอย่างไม่สบายใจ อคติ เย่อหยิ่ง ถือความแค้นส่วนตัว ถ้าหากจูกั๋วกงถูกอารมณ์เหล่านี้ครอบงำ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นการทำร้ายชีวิตของฮูหยินกั๋วกงจริงๆ