บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 529 ไม่มีข้อเรียกร้องอะไร
หยวนชิงหลิงจำได้แล้วว่านางเป็นฮูหยินของตี๋เว่ยหมิง แต่วันนี้คนที่อยู่ข้างนอกมีมากเกินไป อีกอย่างสายเลือดของตระกูลจูนั้นแรงมาก ทุกคนหน้าตาคล้ายกันจริงๆ บวกกับวันนี้นางไม่ได้สังเกตอย่างละเอียด เกรงจะจำผิดคน ฉะนั้นจึงต้องถาม
นางจูใหญ่กล่าวว่า “สามีหม่อมฉันแซ่ตี๋”
เช่นนั้นก็ไม่ผิด หยวนชิงหลิงยืดหลังตรง ถามด้วยเสียงเรียบๆว่า “ฮูหยินแม่ทัพใหญ่ใช่หรือไม่ ตอนที่หัวหน้าหมอหลวงกับหมอหลวงเฉามาให้ขา เจ้าถามหรือไม่ ทำไมเจ้าจึงได้ไร้มารยาทเช่นนี้ ”
“นี่……”
หยวนชิงหลิงถามอีกว่า “หรือว่า เจ้ามีวิธีการรักษา ”
นางจูใหญ่เม้มปาก “ถ้าหากหม่อมฉันมีวิธีรักษา ก็คงทำไปตั้งนานแล้ว ยังจะรบกวนพระชายารัชทายาททำไม”
หยวนชิงหลิงเปิดกล่องยาออก เอ่ยเสียงเรียบว่า “ถ้าหากท่านไม่มีวิธีการ เช่นนั้นท่านก็แค่คนนอกวงการ แค่ยืนดูก็พอ อย่าถามอะไรมากมายให้เสียเวลา ดีหรือไม่ ”
นางจูใหญ่ไม่ชอบใจน้ำเสียงของนาง เอ่ยเสียงเย็นว่า “ทำไมท่านจึงพูดเช่นนี้ ยาของท่านพวกเราก็ไม่เคยเห็นมาก่อน จะไม่ให้ถามสักหน่อยเลยหรือ ถ้าหากให้ยาผิดไป หรือให้ยาไม่เหมาะสม จะทำให้คนแก่ต้องทรมานอย่างไร้สาเหตุหรือ พวกเราที่เป็นลูกหลานเห็นแล้วก็รู้สึกปวดใจทั้งนั้น”
หยวนชิงหลิงถามกลับไปว่า “ท่านสามารถถามได้ แต่อย่าตั้งแง่สงสัย ตอนที่หัวหน้าหมอหลวงมาดูอาการฮูหยินกั๋วกงเจ้าไม่ได้ตั้งแง่สงสัย ยาที่เขาใช้ไร้ผล ฮูหยินกั๋วกงยังคงกลั้นจนทรมานเหมือนเดิม ท่านเคยว่าอะไรหรือไม่ ส่วนเรื่องที่ข้าจะใช้ยาได้เหมาะสมหรือไม่ ฮูหยินกั๋วกงใช้ยาระงับปวดของข้าไปแล้วท่านไม่เห็นหรือ”
“นั่นมันไม่เหมือนกัน หัวหน้าหมอหลวงเป็นผู้นำของโรงหมอหลวง เขามีอำนาจ แล้วเรื่องระงับปวดก็อีก พระชายารัชทายาทก็บอกแล้วนี่นาว่าแค่ชั่วคราว ฤทธิ์ยาหมดแล้วก็จะปวดอีก”นางจูใหญ่ได้สติ ก็พูดเสียงเย็น
หยวนชิงหลิงแบมือ “ฉะนั้น ท่านคัดค้านข้าที่จะทำการรักษาให้แม่ของท่านใช่หรือไม่ ”
นางจูใหญ่ชะงักไป เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบๆว่า “ก็แค่ถามอย่างละเอีอดเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าคัดค้าน”
“เจ้าไม่ได้คัดค้าน แต่เจ้ากำลังขัดขวาง รู้หรือไม่ ”
นางจูใหญ่ยิ้มเย็นหนึ่งเสียง “ขัดขวางตอนไหนกัน ท่านมาดูอาการ แต่กลับมาโต้เถียงกับหม่อมฉัน ไม่เห็นท่านทำการรักษาสักที”
โต้เถียง
สีหน้าของหยวนชิงหลิงเปลี่ยนไปทันที ทั้งร่างฉายแววพลังอำนาจออกมา “บังอาจ เจ้ากำลังพูดจาอยู่กับใคร ”
จูกั๋วกงที่ไม่พูดจาตลอดมา ก็คิดอยากจะหยั่งเชิงดู แต่ได้ยินนางจูใหญ่ที่ยิ่งพูดก็ยิ่งเลยเถิด จึงตะคอกเสียงดุว่า “เจ้าหุบปาก ถ้ายังพูดมากก็ไสหัวออกไป”
นางจูใหญ่เห็นท่านพ่อโกรธ แล้วมองเห็นหยวนชิงหลิงที่สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก็หุบปากฉับ
นางจูเล็กใช้มือดันนางจูใหญ่เบาๆหนึ่งครั้ง “พี่ใหญ่ท่านอย่าพูดมากอีกเลย ถ้าหากพระชายารัชทายาทไม่มีวิธีรักษา จะมาส่งยาให้ทำไม ท่านช่างสงสัยมากไปแล้ว”
นางจูใหญ่พึมพำว่า “แค่ถามก็ไม่ได้หรือ ทำไมจึงได้ขวางเช่นนี้ ”
หยวนชิงหลิงเห็นนางจูเล็กใช้สายตาถลึงมองนางจูใหญ่อีกครั้ง และขี้เกียจจะพูดด้วยแล้ว จึงเดินเข้าไปตรวจร่างกายให้กับฮูหยินกั๋วกง
นางยื่นมือกดลงไปที่บริเวณท้อง ใช้แรงกดลงไป ถามนางว่าเจ็บหรือไม่ ตอนที่ฮูหยินกั๋วกงบอกว่าเจ็บ นางจูใหญ่ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
“ท่านใช้แรงกดนางขนาดนี้ ก็ต้องเจ็บแน่นอน นี่ท่านมาตรวจดูอาการหรือมาทรมานคนกันแน่”
หยวนชิงหลิงถอยไปหนึ่งก้าว “เจ้ามาสิ เจ้ามาทำ ”
เดิมทีจูกั๋วกงก็รู้สึกปวดใจที่หยวนชิงหลิงกดท้องฮูหยินกั๋วกงเช่นนี้ แต่พอคิดว่านี่เป็นการรักษาย่อมต้องตรวจหาสาเหตุของโรค แม้ว่าฮูหยินจะบอกว่าปวด แต่ไม่ได้แสดงออกว่าทรมานมาก คิดว่าคงจะอยู่ในขอบเขตที่พอจะทนรับได้ ตอนนี้เห็นหยวนชิงหลิงปล่อยมือไม่สนใจเพียงเพราะนางจูใหญ่คอยจับผิด จึงได้พูดกับนางจูเล็กว่า “พานางออกไป อย่าให้นางเข้ามาเด็ดขาด ”
นางจูได้ยินคำสั่งของท่านพ่อ รู้สึกว่าพี่ใหญ่อยู่ที่นี่จะเป็นการทำเสียเรื่องเสียมากกว่า จึงลากตัวนางออกไป จากนั้นตนเองค่อยเข้ามา
หลังจากหยวนชิงหลิงทำการตรวจร่างกายแล้ว ยืนยันว่าเป็นอาการปวดจากการเป็นนิ่ว จึงได้ทำการหาหลอดเลือดดำและให้น้ำเกลือกับนาง ยาที่ใช้เป็นยาฆ่าเชื้อขับปัสสาวะ
จูกั๋วกงมองอย่างประหลาดใจ ถามอย่างรู้สึกยินดีว่า “พระชายารัชทายาท สิ่งของเหล่านี้ของท่าน เคยให้ไท่ซ่างหวงใช้ใช่หรือไม่ ก่อนหน้านี้ตอนเข้าวังข้าเคยได้ยินฉางกงกงพูดถึง ว่าทำเช่นนี้ ”
“อืม ก็ใช่ ”หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาหมายถึงวิธีการเช่นนี้ แต่ว่า ก็พูดเน้นไปว่า “น้ำยาไม่เหมือนกัน เพราะว่าอาการป่วยไม่เหมือนกัน ”
จูกั๋วกงรับคำในลำคอ นั่งลงข้างกายฮูหยินจูกั๋วกง ถามเสียงเบาว่า “ยังปวดอยู่หรือไม่ ”
“ไม่ปวด แค่รู้สึกจุกเสียดอยู่บ้าง ”ฮูหยินกั๋วกงเอ่ยเสียงนุ่ม จากนั้นก็มองไปทางหยวนชิงหลิง เอ่ยอย่างซาบซึ้งใจว่า “ขอบคุณพระชายารัชทายาทมาก ทำให้ข้าเหมือนเกิดใหม่อีกครั้ง ”
หยวนชิงหลิงยิ้มจางๆส่ายหน้า “ฮูหยิน ต้องรักษาให้ถึงต้นตอ ยังต้องใช้เวลาอีกนาน อย่าเพิ่งรีบขอบคุณเลย ”
ฮูหยินกั๋วกงมองจูกั๋วกง “ประเดี๋ยวต้องขอบคุณพระชายารัชทายาทดีๆ เข้าใจหรือไม่ ”
“รู้แล้ว”จูกั๋วกงตอบรับ ราวกับเด็กที่แสนจะเชื่อฟัง
เมื่อให้น้ำเกลือจนถึงครึ่งขวดแล้ว ฮูหยินกั๋วกงบอกว่าอยากจะลองไปเข้าห้องน้ำดู นางจูเล็กรีบเข้ามาช่วยทันที ห้องน้ำอยู่ข้างนอก หยวนชิงหลิงไม่ให้นางออกไป เพราะยังให้น้ำเกลืออยู่ เอากระโถนเข้ามาก็พอ นางหลบออกไปชั่วครู่
หลังจากผ่านไปครู่เดียว นางก็เข้ามาใหม่ ถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”
ฮูหยินกั๋วกงดูแล้วสีหน้าผ่อนคลายลงมาก ขอบคุณหยวนชิงหลิงเป็นการใหญ่
กลับเป็นจูกั๋วกงที่ตอนนี้ไม่พูดอะไรเลย ได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก กุมมือของฮูหยินกั๋วกงเอาไว้แน่น แต่ว่า หลังจากถอนหายใจแล้ว สีหน้าเขาก็ผ่อนคลายลง
หลังจากให้น้ำเกลือเสร็จแล้ว หยวนชิงหลิงให้ยาเอาไว้และขอตัวกลับ บอกว่าพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่
จูกั๋วกงส่งหยวนชิงหลิงไปถึงห้องโถงใหญ่ที่อยู่ด้านนอก หยู่เหวินเห้าเห็นพวกเขาออกมากันแล้ว จึงลุกขึ้นถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “ระงับปวดได้ชั่วคราวแล้ว พรุ่งนี้ข้าค่อยมาใหม่ ”
หยู่เหวินเห้าจึงประสานมือขึ้นคำนับให้กับจูกั๋วกงและทุกคน “เอาล่ะ พวกข้าขอตัวลาก่อน ”
จูกั๋วกงนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ น้ำเสียงไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไหร่นัก “รัชทายาทสมควรจะมีเรื่องคุยกับข้าไม่ใช่หรือ”
หยู่เหวินเห้าประหลาดใจ “เรื่องอะไร ”
จูกั๋วกงนั่งลง ฮึหนึ่งเสียงพูดว่า “อย่าเสแสร้ง ท่านพาพระชายารัชทายาทมาทำการรักษาอาการป่วยของภรรยาข้า ไม่ใช่เพราะมีจุดประสงค์หรอกหรือ”
หยู่เหวินเห้ายิ้มๆ “ท่านหมายถึงเรื่องพันธมิตรน่ะหรือ เรื่องนี้ไม่รีบ ค่อยคุยกันวันหลัง เพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว พระชายารัชทายาทก็เหนื่อยแล้ว นางเพิ่งจะอยู่เดือนเสร็จไม่นาน จะอยู่ดึกมากไปไม่ได้”
จูกั๋วกงมีความแข็งกร้าวอยู่บ้าง “ข้าขอพูดคำที่ไม่น่าฟังไว้ก่อนเลยว่า เรื่องหนึ่งก็ส่วนเรื่องหนึ่ง พระชายารัชทายาทรักษาโรคให้กับภรรยาข้า ข้าซาบซึ้งใจนัก แต่ก็อย่าได้เหมารวมไปกับเรื่องอื่น ”
ตี๋เว่ยหมิงได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็ผ่อนคลายลง เห็นที พ่อตาของเขาก็ไม่ได้เลอะเลือน
เขามองหยู่เหวินเห้าอย่างได้ใจ แผนที่คิดอยู่ในใจแทบจะสูญสลายไปแล้ว ทำงานเสียเวลาเปล่าๆ คงผิดหวังน่าดู
ไหนเลยจะรู้ว่า หยู่เหวินเห้าไม่มีทีท่าจะผิดหลังเลยแม้แต่น้อย พูดว่า “ที่พระชายารัชทายาทรักษาโรคให้กับฮูหยินกั๋วกง เพราะเลื่อมใสในน้ำใจอันบริสุทธิ์ดุจโพธิสัตว์ของฮูหยิน นี่ย่อมไม่สามารถเหมารวมกับเรื่องอื่นๆได้ ถ้าหากเหมารวมจริงๆ ก่อนทำการรักษาก็ควรจะเอ่ยถึงแล้ว กั๋วกงคงไม่ถึงกับคัดค้านข้าจนไม่สนใจความเป็นความตายของฮูหยินกั๋วกง เมื่อครู่ไม่เอ่ย ตอนนี้ก็ไม่ควรเอ่ยถึง ไม่เช่นนั้น หลังจากข้ากลับไปแล้ว คงต้องถูกพระชายารัชทายาทตำหนิเอาได้ การให้การรักษาช่วยชีวิตคนเป็นเรื่องบริสุทธิ์ ถ้าหากไปปนกับเรื่องอื่นๆ ก็จะเสียหายต่อภาระหน้าที่ของหมออันพึงกระทำ”
พูดจบ เขาก็ยิ้มอย่างสดใส จูงมือหยวนชิงหลิงเดินออกไป
จูกั๋วกงมองเงาหลังของทั้งสองคนอย่างครุ่นคิด ลูบหนวดตนเอง
ตี๋เว่ยหมิงเดินเข้าไปพูดว่า “ท่านพ่อ ท่านทำเช่นนี้ถูกแล้ว อย่าให้คนอื่นจับจุดอ่อนท่านเพื่อให้เลือกจุดยืน รัชทายาทมีความสามารถฉลาดจริงหรือไม่ ยังต้องใช้เวลาเพื่อสังเกตดู”
จูกั๋วกงจ้องมองเข้า เอ่ยเสียงเย็นว่า “รัชทายาทฉลาดหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่ข้าแน่ใจว่าเจ้าน่ะมันเจ้าเล่ห์”