บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 536 ติดโรคตั้งแต่เมื่อไหร่
หยวนชิงหลิงหยิบเอาไรแฟมพิซินออกมา แล้วก็พลิกกล่องยาหนึ่งที ตอนนี้กล่องยานี้ สามารถปรากฏยาที่นางต้องการใช้ได้อย่างปรารถนา ดังนั้น การรักษาระยะต้นของโรคเรื้อน ยากำจัดเชื้อบาซิลลัสของโรคเรื้อนต่างก็มี
แม่นมสี่ทานยาแล้ว แต่ท่าทีนั้นกลับเหมือนเป็นการปลอบหยวนชิงหลิง ไม่ได้เชื่อมั่นว่ายานี้จะสามารถรักษาให้นางหายขาดได้ หลังจากทานยาแล้ว นางพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “พระชายารัชทายาท โรคของข้านี้จะต้องเก็บเป็นความลับ ข้าไม่อยากถูกส่งไปยังเขาโรคเรื้อน”
“เขาโรคเรื้อน? มีเขาโรคเรื้อนด้วยหรือ?”หยวนชิงหลิงอึ้ง
แม่นมสี่ค่อยๆฉายแววหวาดกลัว พร้อมพูดขึ้นว่า “มี เพราะโรคเรื้อนสามารถแพร่เชื้อ และแพร่เชื้ออย่างรุนแรง ดังนั้นถ้ามีคนเป็นโรคเรื้อน ล้วนต้องไปรายงานที่โรงหมอหุ้ยหมิง แล้วส่งไปยังเขาโรคเรื้อน ถึงทางนั้นแล้ว ก็อย่าคิดที่จะได้กลับมาอีก ทำได้เพียงรอตายอยู่ที่นั่น”
หยวนชิงหลิงคิดถึงโรคเรื้อนในสมัยโบราณ ถือว่าเป็นโรคที่รักษายาก จะต้องกักตัว แต่การที่ไม่ให้กลับมาตลอดไปแบบนี้ ก็โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว
นางพูดปลอบขึ้นว่า “เจ้าวางใจ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ เจ้าจะไม่ถูกส่งไปยังเขาโรคเรื้อน”
แต่โรคนี้ตามหลักแล้วเกิดจากการติดโรค แม่นมสี่ติดโรคมาได้อย่างไร? ตามหลักระยะฟักตัวของโรคนี้ก็ใช้เวลาสองถึงห้าปี แต่เมื่อสองปีก่อน นางอยู่ในวังมาตลอด ภายในวังจะสามารถสัมผัสกับคนที่เป็นโรคเรื้อนได้อย่างไร?
แน่นอน ระยะฟักตัวนี้ก็ไม่แน่ว่าคือห้าปี พิเศษหน่อยไม่กี่เดือนก็มี แต่ต่อให้ไม่กี่เดือน นางก็อยู่ในจวนอ๋องฉู่มาตลอด ออกไปก็สัมผัสกับผู้คนภายนอกน้อยมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าสัมผัสกับผู้ป่วยโรคเรื้อน อีกอย่าง ผู้ป่วยโรคเรื้อนหากมีอาการป่วย ก็ล้วนจะต้องถูกส่งไปยังเขาโรคเรื้อนไม่ใช่หรือ? หากไม่เกิดอาการ ก็ไม่สามารถที่จะแพร่เชื้อได้
“แม่นม เจ้าลองหวนคิดดู เจ้าเคยสัมผัสกับผู้ป่วยคล้ายโรคเรื้อนเมื่อไหร่?”หยวนชิงหลิงถามขึ้น
ในใจแม่นมสี่กำลังสับสน จะคิดขึ้นมาได้อย่างไร เมื่อลองหวนคิดดูอย่างถี่ถ้วนแล้ว ในวังเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว หลังจากออกจากจวนอ๋อง ไม่ว่าจะกระทำเรื่องอะไร ข้างกายล้วนมีคนอยู่เป็นเพื่อน ไม่สามารถที่จะได้สัมผัสกับผู้ป่วยโรคเรื้อน
นางส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่รู้ ข้าน่าจะไม่เคยสัมผัส”
“งั้นก็น่าแปลกแล้ว” หยวนชิงหลิงแอบครุ่นคิดดู ทันใดนั้นก็พูดขึ้นว่า “อย่าคิดแล้ว ตอนนี้พักรักษาตัวอย่าสงบสำคัญที่สุด ไม่ว่ายังไง ตอนนี้ติดโรคจริงแน่นอนแล้ว เมื่อติดโรคแล้ว เรารักษากันให้ดีก็พอ”
แม่นมสี่พูดขึ้นว่า “ได้ ขอรบกวนพระชายารัชทายาทหาบ้านให้ข้าสักหลัง ยิ่งเร็วยิ่งดี”
“เราไม่พูดเรื่องนี้ ข้ากลับไปก่อน เจ้านอนพักให้ดี ไม่ต้องกลัว ไม่ว่ายังไงก็ยังมีข้า”หยวนชิงหลิงพูดขึ้นด้วยเสียงเบา
“พระชายารัชทายาทรีบออกไป”แม่นมสี่พูดขึ้นอย่างโศกเศร้า
หยวนชิงหลิงรู้ว่าในใจของนางจะต้องหวาดกลัวอย่างมาก แต่นางไม่รู้อย่างชัดเจนว่า มุมมองเกี่ยวกับโรคนี้ในยุคนี้เป็นอย่างไร ต้องออกไปถามหมอหลวง
ดังนั้น นางก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ถือกล่องยาหันร่างเดินออกไป
นางไปตามหาหมอหลวง ไม่กล้าพูดอยู่แล้วว่าแม่นมสี่ติดโรคเรื้อน เพียงแค่พูดว่าเห็นในหนังสือพูดถึงเขาโรคเรื้อน พร้อมถามหมอหลวงว่ารักษาโรคเรื้อนยังไง
หมอหลวงเฉาได้ยินว่าถามเกี่ยวกับโรคเรื้อน สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พร้อมพูดขึ้นว่า “เมื่อติดโรคเรื้อน จะต้องรีบส่งตัวไปยังเขาโรคเรื้อน ไม่มีทางรักษา วิธีการรักษามีจำกัด ไม่สามารถควบคุมการพัฒนาของโรคได้”
“รักษาไม่ได้หรือ? งั้นไม่เท่ากับว่ารอวันตายหรือ?”หยวนชิงหลิงถามขึ้น
“มีวิธีอะไรล่ะ? นี่ถือเป็นโรคร้าย”หมอหลวงเฉาถอนหายใจ
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “งั้นคนที่ติดโรคเรื้อน จำเป็นต้องไปรายงานที่โรงหมอหุ้ยหมิงหรือ?”
“ใช่ จะต้องรายงาน มิฉะนั้น จะเป็นการไม่ดีที่จะทำให้เกิดการติดโรคในวงกว้าง โรคนี้ร้ายแรงอย่างมาก”หมอหลวงเฉาพูดขึ้น
หยวนชิงหลิงพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นเช่นนี้นี่เอง”
หมอหลวงเฉาถามขึ้นว่า “พระชายารัชทายาท ท่านเห็นในหนังสือเล่มไหนเขียนถึงโรคเรื้อนหรือ? ข้างในมีสูตรยาพิเศษอะไรไหม?”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ลืมไปแล้วว่าเล่มไหน ไม่ได้พูดถึงวิธีรักษา เพียงแค่เห็นโรคเรื้อนนี้ขึ้นมาในทันใด ข้าคิดขึ้นมาได้จึงถามเจ้า ดูเมื่อนานมาแล้ว จำไม่ได้แล้ว”
พูดเสร็จ นางก็ไปแล้ว
ออกไปก็เห็นทังหยางเข้ามา ทังหยางพูดขึ้นว่า “ได้แจ้งทางด้านตระกูลหยวนแล้ว ฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวนพาคนไปยังที่ทำการปกครองแล้ว ท่านจะไปดูหน่อยไหม?”
หยวนชิงหลิงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ดูแล้ว ไม่มีอะไรน่าดู เรื่องนี้ตระกูลหยวนจะจัดการเอง ใต้เท้าทัง เจ้าตามข้ามาที่ห้องหนังสือหน่อย ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า”
“ขอรับ”ทังหยางเห็นหยวนชิงหลิงจริงจังขนาดนี้น้อยครั้งมาก รู้ว่าจะต้องเกิดเรื่องอะไรแน่ จึงเดินตามหยวนชิงหลิงไป อย่างไม่ถามอะไร
หลังจากเข้าไปในห้องหนังสือแล้ว หยวนชิงหลิงก็พูดกับทังหยางตรงๆว่า “ข้าสงสัยว่าแม่นมสี่ติดโรคเรื้อน”
ทังหยางยังไงก็เป็นทังหยาง ได้ยินข่าวร้ายขนาดนี้ ก็ยังสามารถรักษาความสงบ พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายารัชทายาทมีวิธีรักษา ใช่ไหม?”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “อืม มีวิธีรักษา โรคไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือแม่นมสี่ติดโรคมาจากไหน เจ้าแอบติดต่อฉางกงกงอย่างลับๆ อย่าทำให้ไท่ซ่างหวงรู้เรื่อง และอย่าให้ใครในวังรู้เรื่อง ให้เขาลองหวนคิดดู ตลอดห้าปีมานี้ ภายในพระตำหนักฉินคุน เคยสัมผัสกับผู้ป่วยคล้ายโรคเรื้อนไหม? ให้ฉางกงกงลองคิดดูให้ดู ห้ามพลาดผู้ต้องสงสัยแม้คนเดียว ตอนนี้แม่นมสี่สับสน คิดอะไรไม่ออก”
คราวนี้ทังหยางค่อยตกใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายารัชทายาท สงสัยคนในวังเอาเชื้อมาติดแม่นมสี่หรือ?”
“ไม่แน่ แต่ก็ต้องตรวจสอบ อาการเริ่มแรกของโรคนี้พบยาก ระยะฟักตัวนานมาก ใช้เวลาสองถึงห้าปีในการปรากฏอาการ ดังนั้น จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด”หยวนชิงหลิงพูดขึ้นด้วยเสียงหนักแน่น
ทังหยางพูดขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “พระเจ้า หากติดโรคมาจากภายในวัง นั่นถือเป็นเรื่องใหญ่มาก”
“เป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นจึงอย่าเพิ่งพูดออกไป แอบสืบอย่างลับๆก่อน ดูคนที่เข้าวังมาภายในรอบห้าปีที่ผ่านมา มีคนที่ถูกส่งไปยังเขาโรคเรื้อนไหม เจ้าไปดูข้อมูลที่ทางด้านโรงหมอหุ้ยหมิงก่อน คนที่ถูกส่งเข้าไปในเขาโรคเรื้อนภายในห้าปีมานี้ ใครเคยเข้าวังบ้าง”หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
ทังหยางรับคำสั่ง พร้อมพูดว่า “รู้แล้ว กระหม่อมจะรีบไปทำ”
ตอนกลางคืนหยู่เหวินเห้ากลับมา หยวนชิงหลิงก็พูดกับเขาเรื่องนี้
สิ่งแรกที่หยู่เหวินเห้าพูดออกมาก็คือ “เรื่องนี้จะต้องเก็บเป็นความลับ จะให้ใครรู้ไม่ได้”
“เจ้าวางใจ นอกจากทังหยาง ข้าไม่ได้บอกใคร ข้ารู้ว่าที่นี่หากใครติดโรคเรื้อน จะต้องถูกส่งตัวไปยังบนเขา จะให้แม่นมสี่ถูกส่งตัวไปไม่ได้”หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
หยู่เหวินเห้าถามขึ้นว่า “โรคนี้เจ้ารักษาได้ไหม?”
“รักษาได้”หยวนชิงหลิงตอบทันที
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “รักษาได้จริงๆหรือ? โรคนี้ไม่ธรรมดาเลยนะ”
“รักษาได้”
หยู่เหวินเห้ามองดูนาง พร้อมพูดขึ้นด้วยตาคิ้วที่ฉายแววเลื่อมใสศรัทธาว่า “เจ้าว่า นี่ข้าแต่งงานกับสมบัติล้ำค่าอะไร?”
หยวนชิงหลิงกลับหน้านิ่วคิ้วขมวด พร้อมพูดขึ้นว่า “สมบัติล้ำค่าอะไร นี่ข้ายังเป็นกังวลอยู่นะ หากแม่นมสี่ติดโรคมาจากในวัง นั่นก็เท่ากับว่าภายในวังเคยมีคนเป็นโรคเรื้อนเข้าไป แม่นมสี่ค่อยปรนนิบัติรับใช้ไท่ซ่างหวงนะ”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “อาจจะไม่ได้ติดโรคมาจากในวังมั่ง?”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ระยะฟักตัวสองถึงห้าปีถึงจะมีอาการ ตอนนี้นางเพิ่งเริ่มมีอาการ ดีที่ป่วยเป็นไข้หวัด ทำให้ข้าสังเกตเห็น ไม่งั้นหากอาการป่วยรุนแรง คนในจวนไม่น้อยจะต้องติดโรค”
หยู่เหวินเห้าค่อยรู้สึกได้ถึงความรุนแรงของเรื่องนี้ คิดว่าหากพบเจอช้ากว่านี้ แม่นมสี่ยังเป็นคนเลี้ยงดูเด็กอยู่ตลอด งั้นพวกเด็กๆต่างก็มีโอกาสติดโรคหรือ?
และหากเจ้าหยวนไม่รู้จักวิธีรักษาโรคนี้ งั้นตลอดชีวิตนี้ของพวกขนมหวานก็หมดสิ้นอนาคตแล้ว
จู่ๆก็สะกิดใจเขาขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “โรคนี้จะต้องฟักตัวสองปีหรือ?”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ก็ไม่แน่ ไม่กี่เดือนแล้วก็มีอาการก็มี ร่างกายที่ย่ำแย่ หรืออาจเกิดจากสิ่งกระตุ้นอื่นๆ ก็อาจทำให้เกิดโรคก่อนเวลาอันควรได้”
“แม่นมเคยได้รับบาดเจ็บ ร่างกายย่ำแย่แน่” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นด้วยเสียงเคร่งขรึม