บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 560 มีผู้อาวุโสมาอีกหนึ่งท่าน
หยู่เหวินเห้าได้ยินคำนี้ก็โมโหแทบทนไม่ไหว แต่ว่า เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้หมิงหยวนยังคงเป็นห่วงสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกของพวกเขาอยู่หลายส่วน ฉะนั้น จึงเอ่ยเสียงเรียบเฉยว่า
“เจ้าห้า พาเมียกับลูกเจ้ากลับไป”
“เสด็จพ่อ”หยู่เหวินเห้ามองฮ่องเต้หมิงหยวน สายตาของฮ่องเต้หมิงหยวนมีแววแจ้งเตือน หยู่เหวินเห้าได้แต่ระบายลมหายใจ พูดว่า “พ่ะย่ะค่ะ”
หยวนชิงหลิงเรียกแม่นมสี่และแม่นมให้เข้ามาอุ้มเด็กๆ ข้าวมื้อนี้ยังกินไม่เสร็จ ทั้งบ้านห้าคนก็ต้องจากไปอย่างรีบร้อน
ฮ่องเต้หมิงหยวนนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองเสียนเฟย
เสียนเฟยยืนอยู่อย่างดื้อรั้น สีหน้าเขียวคล้ำ “ฮ่องเต้รู้สึกว่าหม่อมฉันพูดผิดไปก็สามารถลงโทษได้ ให้กักบริเวณต่อไปก็ได้”
ฮ่องเต้หมิงหยวนหมุนแหวนหยกที่อยู่บนนิ้วโป้งไปมา หลุบสายตาลง แต่มีประกายหลักแหลมเผยออกมา น้ำเสียงเย็นชาแต่เรียบเฉย“เสียนเฟย กักบริเวณเจ้ากลัวด้วยหรือ”
เสียนเฟยน้ำตาไหลพราก นางเช็ดน้ำตา เอ่ยอย่างดื้อรั้นว่า “กลัวแล้วอย่างไร ฮ่องเต้จะสงสารข้าสักนิดหรืออย่างไร หรือฮ่องเต้ไม่เคยคิดทบทวนเลยว่าทำไม่หม่อมฉันต้องทำเช่นนี้ด้วย หม่อมฉันเองก็ทุ่มเททั้งกายใจ รัชทายาทเป็นรากฐานของประเทศชาติ ไม่สามารถให้ใครชักจูงได้ง่ายๆ ตอนนี้ทั้งสมองและหัวใจของเขาต่างเต็มไปด้วยหยวนชิงหลิง นี่มันอันตรายเกินไป กำจัดหยวนชิงหลิง ฮ่องเต้เองก็จะสามารถนอนหลับได้อย่างไร้กังวลเช่นกันมิใช่หรือ”
น้ำเสียงของฮ่องเต้หมิงหยวนดุดันขึ้นมา สีหน้าดุจน้ำแข็ง “เพราะเจ้ามันทุ่มเททั้งกายใจมากเกินไป เจ้าก็แค่สะใภ้คนหนึ่งในวังหลัง พูดถึงรากฐานของประเทศอะไรกัน เป็นสิ่งที่เจ้าควรพูดหรือ ถ้าหากจะบอกว่าพระชายารัชทายาทอาจมีส่วนในการแทรกแซงรัชทายาท ก็แต่เป็นได้ได้เท่านั้น แต่เจ้านั้นแทรกแซงรัชทายาทโดยตรง ยังคิดอยากจะควบคุมรัชทายาทเพื่อเลื่อนตำแหน่งขุนนางให้กับพี่น้องในตระกูลมารดาเจ้า ข้าไม่จัดการเจ้า เพราะว่าเพิ่งจะแต่งตั้งรัชทายาท ต้องปกป้องเกียรติของเขาเอาไว้ ไทเฮาเคยเตือนเจ้าไปแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เป็นการแจ้งเตือนจากข้าเป็นครั้งที่สอง ถ้าเจ้ายังไม่วางตัวให้ดี เช่นนั้นคงไม่ง่ายเหมือนการกักบริเวณแล้ว กักบริเวณเจ้าไม่กลัว แต่ถ้าตัดหัวของเจ้าเสีย ดูสิว่าเจ้าจะกลัวหรือไม่ ”
เสียนเฟยตกใจจนข้างในร้อนเป็นไฟ สีหน้าซีดขาวลงทันที อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา เอ่ยเสียงเศร้าว่า “ฮ่องเต้ ทรงพูดเช่นนี้ นี่ทรงลืมความรักระหว่างเราทั้งสองที่มีต่อกันมานานหลายปีแล้วหรือ ทรงวางหม่อมฉันไว้ตรงไหน มีรักใหม่เป็นฮู่เฟยที่ทั้งสาวทั้งสวยกว่า ไหนเลยจะยังจำหม่อมฉันที่เป็นคนเก่าได้ คนอื่นต่างก็พูดว่า ความสวยโรยราความรักก็จืดจาง ฮู่เฟยเองก็ต้องมีวันแก่เช่นกัน รอดูไปเถอะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองเสียนเฟยที่คล้ายจะคลุ้มคลั่งแล้ว จากนั้นก็นึกถึงท่าทีของหยู่เหวินเห้าที่พาลูกเมียออกไปอย่างรีบร้อน ช่างรู้ใจแม่ไม่เท่ารู้จริงๆ หยู่เหวินเห้านั้นหนีได้เร็ว ทิ้งเขาเอาไว้ที่นี่ จะดึงหูนางก็ปะไร ไม่ดึงก็รู้สึกอึดอัดใจ
คิดทบทวนไปมา ยืนขึ้นสะบัดแขนเสื้อจากไป ปล่อยให้เสียนเฟยร้องไห้ฟูมฟายตามอำเภอใจ
หลังจากฮ่องเต้หมิงหยวนจากไปแล้ว ความโมโหที่มีอยู่เต็มอกไม่รู้จะไปปลดปล่อยที่ไหน ได้ยินมู่หรูกงกงบอกว่ารัชทายาทกับพระชายารัชทายาทพาเด็กๆไปที่ตำหนักฉินคุน ก็ก้าวเท้าตามไปที่ตำหนักฉินคุนทันที
ไหนเลยจะรู้ว่า พอถึงตำหนักฉินคุน กลับเห็นภายในตำหนักฉินคุนวุ่นวายกันไปหมด รีบให้มู่หรูกงกงไปถามฉางกงกงก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น
ที่แท้ เพราะไท่ซ่างหวงรู้ข่าวว่าเหล้าหรุ่ยเอ๋อหงของเจ้าหญิงใหญ่ชิ่งไหนั้นยังไม่ได้ถูกขุดออกมา จึงได้สั่งให้ฉางกงกงไปแอบขุดเอามาซ่อนเอาไว้ในตำหนักฉินคุน และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าหญิงใหญ่ชิ่งรู้เรื่องเข้า ก็รีบเข้าวังมาขอคืนทันที
ไท่ซ่างหวงไม่ยอมรับว่าไปแอบขุดเหล้ามา
เรื่องนี้ช่างน่าขายหน้านัก เหล้าหรุ่ยเอ๋อหงของท่านป้าใหญ่ เขาที่เป็นหลานกลับไปขุดออกมา ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไปจะเอาหน้าแก่ๆของเขาไปวางไว้ที่ไหน
ฮ่องเต้หมิงหยวนไปถึงตำหนักฉินคุน เห็นหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงยืนอยู่นอกตำหนัก แม่นมอุ้มเด็กๆ แม่นมสี่เฝ้าประตูทางเข้า ทั้งหมดจะเข้าไปก็ไม่ใช่จะถอยก็ไม่ได้ ทำตัวไม่ถูกจริงๆ
เห็นฮ่องเต้หมิงหยวนมา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคลายใจได้เปลาะหนึ่ง หยู่เหวินเห้ารีบพูดขึ้นว่า “เสด็จพ่อ รีบเข้าไปเกลี้ยกล่อมเถอะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนรู้สึกเสียใจทีหลังขึ้นมา คนที่อยู่ข้างในทั้งสองล้วนเป็นคนที่แหย่ด้วยไม่ได้ เขาที่อาวุโสน้อยกว่าจะไปยุ่งอะไรด้วย
คิดว่าจะหนี ถูกหยู่เหวินเห้าเรียกตัวไว้เช่นนี้หนึ่งเสียง เจ้าหญิงใหญ่ชิ่งที่อยู่ข้างในก็มองเห็นเขาเข้าแล้ว ทันใดนั้นก็ยกไม้เท้าขึ้นมาเคาะที่ขอบประตู ตะคอกอยู่ในลำคอว่า “ฮ่องเต้มาแล้ว มาได้ดีเลย เข้ามาพูดเหตุผล ให้ความเป็นธรรมกับท่านย่าเจ้าด้วย”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองอย่างดุดันไปที่หยู่เหวินเห้าแวบหนึ่ง กัดฟันเดินเข้าไป มองเจ้าหญิงใหญ่ชิ่งที่ศีรษะขาวโพลนและโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ คำนับหนึ่งครั้ง
ไท่ซ่างหวงนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ทำท่าน้อยใจราวกับถูกใส่ความ
ฮ่องเต้หมิงหยวนเดินเข้าไปคำนับหนึ่งครั้ง จากนั้นก็กดเสียงต่ำเอ่ยเสียงเบาๆว่า “เสด็จพ่อ ได้เอาจริงหรือไม่ เอาก็คืนนางไป ลูกจะได้จัดการให้ท่าน”
ไท่ซ่างหวงแอบเหล่มองเจ้าหญิงใหญ่ชิ่งแวบหนึ่ง เห็นเจ้าหญิงใหญ่ชิงมองเห็นหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงที่อยู่นอกประตูแล้ว มีท่าทีอยากรู้อยู่บ้าง จึงโบกมือพูดว่า “ข้าไม่ใช่คนชอบดื่มเหล้าเสียหน่อย จะไปเอาเหล้าหรุ่ยเอ๋อหงของนางมาทำไม ข้าเองก็อายุปูนนี้แล้ว ยังต้องแอบขโมยเหล้ามาดื่มอย่างนั้นหรือ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองไปยังฉางกงกง ฉางกงกงนั้นกลบเกลื่อนไม่เป็น จึงไม่กล้ามองฮ่องเต้หมิงหยวน ดวงตาคู่นั้นกลอกกลิ้งไปมา แววตาเหม่อลอยไม่นิ่ง สองมือกำแขนเสื้อไว้แน่น เอาแต่บิดไปมาอย่างแรง
ฮ่องเต้เองก็พอจะรู้ดีแก่ใจแล้ว ยังคงพูดเสียงเบาว่า “เสด็จพ่อ ช่างเถอะ คืนนางไปเสีย ไม่เช่นนั้นท่านคงไม่ได้อยู่อย่างสงบ”
ไท่ซ่างหวงตบโต๊ะดังปังขึ้นมาทันที ชี้ไปที่ฮ่องเต้หมิงหยวนและพูดว่า “ที่แท้เจ้าเป็นคนเอาไป ทำไมเจ้าไม่บอกตั้งแต่แรก ทำเอาท่านย่าของเจ้าต้องมาโวยวายอยู่ที่นี่เป็นครึ่งค่อนวัน เอาแต่บอกว่าข้าเป็นคนเอาไป”
ดวงตาของฮ่องเต้หมิงหยวนถลึงค้าง มองพ่อของตนเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ยังไม่ทันได้ตอบโต้ เสียงไม้เท้าของเจ้าหญิงใหญ่ชิ่งก็ดังขึ้นมาติดๆ
เขาค่อยๆหันร่างไป อยากจะพยายามเค้นรอยยิ้มออกมาจากใบหน้า มองเห็นด้านหลังของเจ้าหญิงใหญ่ชิ่งที่กำลังโมโหเป็นอย่างยิ่ง เป็นหยู่เหวินเห้าที่คิดอยากจะหนี
ชั่วพริบตาที่หยู่เหวินเห้าคิดจะหมุนตัวหนีก็มองเห็นสายตาของฮ่องเต้หมิงหยวน ในใจเขากระตุกวูบ ไม่ดีแล้ว
และแล้ว ก็เห็นเสด็จพ่ออันเป็นที่รักของเขาชี้มาที่เขา เอ่ยด้วยเสียงอันดังกึกก้องว่า “ที่แท้ก็พูดถึงเหล้าหรุ่ยเอ๋อหงไหนั้นหรอกหรือ เป็นเจ้าห้าที่ไปขุดออกมา บอกว่าจะเอามาให้ทุกคนชิมตอนงานรวมญาติในเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ ”
หยู่เหวินเห้าอ้าปากเหวอ ดวงตาเบิกกว้าง เกียรติยศเล่า เกียรติยศของประมุขแห่งประเทศอยู่ที่ไหน
เห็นเพียงเจ้าหญิงใหญ่ชิ่งหันขวับไปอย่างรวดเร็ว ราวกับแม่สิงโตที่โมโหหันไปอ้าปากพร้อมจะขย้ำ เสียงคำรามอย่างกราดเกรี้ยวราวกับจะพังทลายหลังคาของตำหนักฉินคุนให้พังครืนลงมา “หลานห้า เอาออกมา ไม่เช่นนั้นจะตีขาเจ้าให้หักเชียว”
หยู่เหวินเห้าขาอ่อนทันที รีบประคองไหล่ของหยวนชิงหลิงเอาไว้ ผลักนางให้ยืนบังหน้าเอาไว้ ไม่สนใจสายตาดูถูกของหยวนชิงหลิง
อธิบายว่า “ท่านย่าฟังข้าอธิบายก่อน เหล้านี้ไม่ผิดข้าเป็นคนขุดมา แต่ข้าส่งต่อให้เสด็จปู่ไปแล้ว”
ไท่ซ่างหวงนิ่งอึ้ง ยืนขึ้นมามองหยู่เหวินเห้าอย่างประหลาดใจ “อะไรนะ เหล้าที่เจ้ามอบให้ข้าก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเป็นของท่านป้าใหญ่หรือ ทำไม่เจ้าไม่บอกตั้งแต่แรก ”ใบหน้าที่ประหลาดใจเปลี่ยนเป็นโมโหขึ้นมาอย่างกะทันหัน ตำหนิอย่างด้วยวาจาที่เต็มไปด้วยเหตุผลว่า “มีอย่างที่ไหนกัน ยิ่งอยู่ก็ยิ่งไร้กฎระเบียบ เหล้าหรุ่ยเอ๋อหงของท่านย่าเจ้าไปขุดมาได้อย่างไร นั่นมันฝังอยู่ในดินเกือบจะร้อยปีแล้ว ล้ำค่าแค่ไหนเจ้ารู้หรือไม่ เหล้าแก้วหนึ่งมีค่ามากกว่าร้อยตำลึง ช่างเหลวไหลจริงๆ ไม่เห็นผู้อาวุโสอยู่ในสายตา เหลวไหล เหลวไหลที่สุด”
พูดจบ ก็เข้าไปประคองเจ้าหญิงใหญ่ชิ่ง อธิบายอย่างดิบดี จากนั้นก็มองหยู่เหวินเห้าอย่างดุดันแวบหนึ่ง “ไสหัวไป ข้าไม่มีทางให้อภัยเจ้า”
หยู่เหวินเห้าก้มหน้าลง ในใจรู้สึกไม่ยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง