บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 577 นางทำให้ลำบากอีกแล้ว
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นหยู่เหวินเห้าก็เข้าวังแล้ว ไปถึงตำหนักชิ่งหยูของเสียนเฟย
ก่อนหน้านี้เสียนเฟยก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โต แต่ก็ไม่มีผู้ใดสนใจนาง แม้แต่ฮ่องเต้ก็ล้วนไม่สนใจนางแล้ว ในขณะที่โกรธเคือง หยู่เหวินเห้าก็มาถามนางเรื่องเขาโรคเรื้อน นางก็ยอมรับโดยไม่ลังเลสักนิด “ไม่ผิด เป็นข้าแนะนำให้ลุงสามของเจ้าทำ ทำไมหรือ? เจ้าต้องการจะกล่าวโทษเสด็จแม่ของเจ้าหรือ? ดี กล่าวโทษได้เต็มที่ ดีที่สุดมัดตัวเอาเสด็จแม่ของเจ้าไปที่ห้องโถง บอกให้เสด็จพ่อของเจ้าตัดหัวของข้าซะเลย”
หยู่เหวินเห้ามองดูท่าทางที่โกรธเคืองของนาง กล่าวด้วยความผิดหวังและเสียใจ “เสด็จแม่ ทำไมต้องทำเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ?”
“ทำไม?” เสียนเฟยหัวเราะอย่างเย็นชา น้ำตาไหลลงมาจากในดวงตาที่โกรธเคือง “เจ้าถามทำไม? เจ้าไม่รู้หรือ? สองปีก่อนแม้ว่าเจ้าได้ทำคุณงามความดี แต่เจ้าเลอะเทอะนี่ ไม่รู้จักแย่งชิง หากว่าข้าไม่คว้าเงินไว้ให้มากหน่อยวางแผนการปูทางเพื่ออนาคตให้เจ้า จะพึ่งพาเจ้าได้หรือ?”
หยู่เหวินเห้ากำหมัดด้วยความโกรธและกล่าว “ข้าไม่ต้องการให้ท่านวางแผนการเพื่อข้า ข้ามีการวางแผนของตัวข้าเอง ท่านรู้ว่าลุงสามฉ้อฉลเงินของผู้ป่วยเหล่านั้นจนเป็นอย่างไรหรือไม่? ทุกวันเพียงแค่หนึ่งมื้อ……”
“ขนมรังนก?” เสียนเฟยเงยหน้าขึ้น ขัดคำพูดของเขา กล่าวอย่างเย็นชา “ทำไม? ความตายก็อยู่ตรงหน้าแล้ว? กินขนมรังนกยังจะทำให้พวกเขาน้อยใจอีกหรือ? หากไม่ใช่เพราะท่านตาและท่านลุงของเจ้า พวกเขาทั้งหมดต้องถูกเผาให้ตาย ตอนนั้นมีคนเสนอว่าต้องการเอาพวกเขาไปเผาให้ตาย เป็นท่านตาของเจ้าพูดเหตุผลโน้มน้าวเสด็จพ่อของเจ้าให้สร้างเขาโรคเรื้อน พวกเขาถึงได้มีชีวิตอยู่ พวกเขาควรจะซาบซึ้งถึงจะถูก”
หยู่เหวินเห้ามองดูนางด้วยความตกตะลึง “การเสนอว่าให้กินขนมรังนกวันละหนึ่งมื้อทุกวันนี่ คงไม่ได้เป็นเสด็จแม่เสนอออกมาหรอกนะพ่ะย่ะค่ะ?”
นัยน์ตาของเสียนเฟยมีความดุร้ายเย็นชาวาบผ่าน “เป็นข้าแล้วจะอย่างไร? ชีวิตของพวกเขาล้วนเป็นท่านตาของเจ้าช่วยไว้ สามารถช่วยยืดเวลาการดิ้นรนในเฮือกสุดท้ายได้ก็ไม่เลวแล้ว”
หยู่เหวินเห้ามองดูใบหน้าที่เกือบจะน่าสะพรึงกลัวนี้ของเสียนเฟย รู้สึกว่าแผ่นหลังเย็นยะเยือกในพริบตา นี่ยังเป็นเสด็จแม่ที่เขารู้จักอีกหรือ?
ขณะที่ยายหยวนให้กำเนิดลูก สถานการณ์อันตรายเร่งด่วนวุ่นวาย สามารถคิดว่านางทำผิดพลาดไปชั่วขณะได้ แต่ตอนนี้ล่ะ? ชีวิตคนกว่าพันคนนั่น ไม่ใช่มด นางกำลังมองว่าชีวิตคนเหมือนใบหญ้ารังแกได้ตามใจ
ท่านตาก่อสร้างเขาโรคเรื้อน จุดประสงค์อยู่ตรงนี้ใช่หรือไม่? ให้ชีวิตพวกเขาเพื่อรับทรัพย์?
คิดถึงตรงนี้ หยู่เหวินเห้าหวั่นสะพรึงเป็นที่สุด โกรธเคืองเป็นที่สุด และเจ็บปวดใจเป็นที่สุด เป็นเวลานาน จึงสามารถกัดฟันบีบเคล้นคำพูดออกมาประโยคหนึ่งได้ “ข้าถือว่าท่านเป็นเรื่องที่น่าละอาย!”
ฉาดหนึ่งตบลงไปบนหน้าของหยู่เหวินเห้า พร้อมกับเสียงของความโกรธแค้นนั่นของเสียนเฟย “ถือว่าข้าเป็นเรื่องน่าละอาย? ที่ข้าทำทุกอย่างเรื่องไหนที่ไม่ได้ทำไปเพื่อเจ้า? เมื่อก่อนข้ามอบเครื่องเรือนที่มีชื่อเสียงล้ำค่าของจวนอ๋องฉู่ของเจ้า เครื่องทองเครื่องหยก เงินของชิ้นไหนบ้างที่ไม่ได้ออกมาจากหัวคนนี้? เวลาที่รับตอนนั้นเจ้ามีความสุข ทำไมไม่เห็นเจ้ารู้สึกละอาย?”
หยู่เหวินเห้ายืนขึ้น หัวใจเหน็บหนาวถึงขีดสุด “หากรู้ว่าเงินเหล่านี้เป็นสิ่งที่แงะออกมาจากปากของผู้ป่วยเหล่านั้น พูดอะไรข้าก็ไม่ต้องการ”
“เช่นนั้นเจ้าก็คืนกลับมาให้หมด เป็นรัชทายาทที่ขาวบริสุทธิ์ของเจ้าไป ออกไป!” เสียนเฟยชี้เขาแล้วกล่าวด้วยความโกรธ
หยู่เหวินเห้ามองดูใบหน้าที่บิดเบี้ยวของนาง ความเดือดดาลไม่สามารถเพิ่มพูนได้อีกแล้ว รู้ว่าพูดอะไรก็ไร้ประโยชน์ หมุนตัวแล้วจากไป
ทันทีที่หยู่เหวินเห้าจากไป ก็เห็นคนผู้หนึ่งแฉลบออกมาจากด้านหลังฉากกั้นห้อง
คนผู้นี้คือนางหวางภรรยาของซูต๋าเหอ วันนี้เช้าตอนเช้ามากๆนางก็เข้าวังแล้ว ซูต๋าเหอเรียกนางเข้าวังมาหารือ
เมื่อวานหลังจากที่ซูต๋าเหอกลับไป คิดอย่างละเอียดว่าไม่ถูกต้อง กลัวว่าหยู่เหวินเห้าจะไปร้องเรียนต่อหน้าฮ่องเต้จริงๆ ดังนั้นวันนี้เช้าตรู่จึงบอกนางหวางภรรยาเข้าวังมาแล้ว
หลังจากหยู่เหวินเห้าจากไป นางหวางกล่าวด้วยความกังวล “ท่านหญิง รัชทายาทคงไม่เปิดโปงเรื่องนี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
เสียนเฟยนั่งลงมาด้วยความโกรธ ใบหน้าดุร้าย ดื่มน้ำอึกหนึ่งจึงกล่าว “เจ้าอกตัญญูนี่ไม่ถึงขั้นนั้น ข้าเป็นเสด็จแม่ของเขา หากว่าข้าได้รับโทษทัณฑ์ติดตัวแล้ว เขาจะใช้ชีวิตดีๆได้หรือ? ชื่อเสียงของเขาก็ต้องเสียหาย”
นางหวางถอนใจแล้วกล่าว “ทีแรกเรื่องนี้ก็อยู่ดีๆมาโดยตลอด ได้เงินทุกเดือน ทำไมเขาถึงได้คิดถึงเขาโรคเรื้อนขึ้นมาอย่างกะทันหันล่ะเจ้าคะ?”
เสียนเฟยกล่าวอย่างเย็นชา “ท่านพี่สามได้ตรวจสอบแล้วหรือไม่? ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
นางหวางชำเลืองมองเสียนเฟย กล่าวว่า “ตรวจสอบก็ตรวจสอบแล้วเจ้าคะ แต่ตรวจสอบไม่ได้อะไร เพียงแค่หากว่าพวกเขาต้องการไปเขาโรคเรื้อน คาดว่าเพราะไปซีโจวไม่กี่วันนั่น พาพระชายารัชทายาทไปด้วย นายท่านสามจึงคาดเดาว่าพระชายารัชทายาทต้องการทำความดีความชอบหรือไม่ ไปทำการรักษาให้คนป่วยโรคเรื้อนน่ะเจ้าคะ”
เสียนเฟยกลับสูดหายใจด้วยความคาดไม่ถึง ในใจเกลียดแค้นเป็นที่สุด “เป็นหยวนชิงหลิงอีกแล้ว? นางมีความสามารถมากมายเท่าไหร่กัน โรคร้ายก็กล้าไปรักษา? ข้าว่าแล้ว ไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องเป็นตัวถ่วงของเจ้าห้า หากเจ้าห้าไปเขาโรคเรื้อนจริงๆ เช่นนั้นก็แย่แล้ว? ผู้หญิงคนนี้ก็คือหายนะ หายนะ!”
นางหวางขมวดคิ้ว “ท่านหญิง ต้องคิดวิธีถึงจะได้เจ้าคะ พระชายารัชทายาทคิดอย่างหนึ่งเป็นอย่างหนึ่ง ทุกวันทุกคืนหาเรื่องลำบากให้ตระกูลซูของพวกเรา ตรงกันข้ามกับพระชายาจี้นั่นสนิทกันขึ้นมา ไม่แยกแยะความขัดแย้งระหว่างเราเองกับศัตรูจริงๆ คนประเภทนี้เลี้ยงยังไงก็ไม่ไปทางเดียวกัน ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเป็นหายนะเจ้าคะ”
เสียนเฟยกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? และทำไมจะไม่เกลียดผู้หญิงคนนี้? แต่ตอนนี้เจ้าห้าประคบประหงมนางไว้บนยอดของดวงใจ ไท่ซ่างหวงและฮ่องเต้ล้วนมีความรักและปกป้องนางเพิ่มขึ้น ข้าจะสามารถทำอย่างไรได้?”
ในตาของนางหวางมีความชั่วร้ายแวบผ่าน “ท่านหญิง ทำไมไม่ทำให้เรียบร้อยเด็ดขาดสักหน่อยล่ะเพคะ? รัชทายาทถูกนางสอนให้เสียคน หากว่านางตาย ไม่มีคนยุยงให้รัชทายาทเป็นคู่อริกับท่าน จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อพวกเรานะเจ้าคะ”
เสียนเฟยไตร่ตรองครู่หนึ่ง มองดูนางหวางแล้วกล่าว “เจ้าบอกท่านพี่สามคำหนึ่ง ให้เขาใช้เงินมากหน่อยลงมือ ไม่จำเป็นต้องเสียดายเงิน เพียงแค่ต้องทำให้สะอาดเรียบร้อยว่องไว จ่ายกี่หมื่นตำลึงก็ไม่สำคัญ”
เมื่อนางหวางได้ฟัง ตรงกับความต้องการในใจพอดี กล่าวอย่างรีบร้อน “ท่านหญิงวางใจได้เจ้าค่ะ เรื่องนี้จะทำให้ท่านอย่างเหมาะสมเป็นแน่เจ้าค่ะ”
หลังจากที่นางหวางออกจากวัง ก็รีบกลับจวนไปหารือกับซูต๋าเหอทันที
นางถ่ายทอดคำพูดของเสียนเฟย กล่าว “ท่านหญิงบอกว่า กี่หมื่นตำลึงก็ไม่สำคัญ นายท่านสามท่านก็ดูและจัดการไปตามสมควร แต่ก็ต้องสะอาดเรียบร้อยว่องไว”
ซูต๋าเหอได้ยินดังนั้น ตอบรับคำหนึ่ง “หากว่าท่านหญิงยินยอมให้สองสามหมื่นตำลึง เรื่องจะต้องสามารถทำได้ ตอนนี้บนเส้นทางนักฆ่าที่อยู่อันดับสูงสุด สามถึงห้าพันต่อคน สองสามหมื่นตำลึงก็สามารถใช้คนของสำนักเหลิ่งหลังได้แล้ว”
“สำนักเหลิ่งหลัง? เป็นสำนักอะไร? เชื่อถือได้หรือ? จะถูกคนตรวจสอบได้หรือไม่?” นางหวางถามด้วยความเป็นห่วง
ซูต๋าเหอเหลือมองนางแวบหนึ่ง “ไม่มีความรู้ สำนักเหลิ่งหลังก็ไม่รู้จัก สำนักเหลิ่งหลังก็คือสำนักของนักฆ่าแห่งหนึ่ง มีฝีมือสูงส่งในสำนักมีมากมาย รับงานแล้ว ก็จำต้องทำภารกิจให้สำเร็จ อีกทั้งพวกเขายอมรับเพียงเงินไม่ยอมรับคน แม้ว่าเจ้าจะเป็นเชื้อพระวงศ์มีอำนาจสูงส่งอะไร ให้เงินเพียงพอแล้ว ก็สามารถช่วยเจ้าทำเรื่องได้อย่างสมบูรณ์”
นางหวางได้ยินว่าเก่งกาจเพียงนั้น จึงได้วางใจ กล่าว “เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าเข้าวังอีกรอบ บอกเรื่องนี้แก่ท่านหญิง พวกเราไม่สามารถรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดได้ ยังต้องเตรียมการให้รอบคอบ ทุกๆเรื่องก็เอาตามทิศทางการกระทำของท่านหญิง เกิดเรื่องแล้ว นางก็เป็นตัวการหลัก”
ซูต๋าเหอพยักหน้า “นั่นเป็นธรรมดา เงินนี่ก็ให้นางเอามามากหน่อยถึงจะได้ ที่ผ่านมาเงินมากกว่าครึ่งเข้ากระเป๋าของนาง ตอนนี้ต้องการจะกระทำการ แน่นอนว่านางก็จะต้องจ่ายเงินมาก”