บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 582 ห้าแสนตำลึงห้ามขาดแล้ว
เป็นเวลานานหยวนชิงหลิงจึงจะคลานขึ้นมาอย่างช้าๆ นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงอรหันต์ ฝึกหายใจเข้าท้องทำให้ตัวเองสงบลงมาโดยตลอด
ไม่โกรธ ไม่โกรธ ทรัพย์สินเงินทองเป็นของนอกกาย ขนาดของโรงเรียนเล็กหน่อยก็เล็กหน่อยเถอะ อย่างไรซะตอนนี้หมอก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ก็ทำการหานักเรียนน้อยๆก่อน ให้หมอหลวงเฉารับไปก่อน ค่อยไปหาคนที่ทำงานได้ตามเวลาที่สะดวกที่โรงหมอหุ้ยหมิง สอนพื้นฐานนิดหน่อย จากนั้นรอสร้างโรงเรียนเสร็จสรรพ ค่อยขยายการรับสมัครนักเรียน
สุดท้ายนางหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง “นอนเถอะ!”
หยู่เหวินเห้าจูงมือนางขึ้นเตียง หยู่เหวินเห้าก็เสียดายเงิน แต่สงสารนางมากยิ่งกว่า เห็นนางให้มากไปแสนหนึ่งแล้ว ก็ไม่กล้าพูดอะไรกระทบกระเทือนจิตใจนางแล้ว จะเสียสติได้
เขาคิดว่า วิธีลืมความกลัดกลุ้มที่ดีที่สุด คือออกกำลังกายนิดหน่อยให้เหงื่อออกทั้งตัว เขาเอามือเข้าไปตามอำเภอใจเงียบๆ
หยวนชิงหลิงจับมือของเขาไว้ทันที หันกลับมา เป็นความซีดขาวและความดุร้ายที่ทำให้ตกใจอย่างฉับพลัน “เจ้าห้า ครั้งหนึ่งเท่าไหร่?”
หยู่เหวินเห้าเปิดผ้าห่มออก “อะไรเท่าไหร่ครั้งหนึ่ง?”
หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยอ่อนโรย “ช่างเถอะ เงินของท่านก็คือเงินของข้า ข้าต้องเอาคนจากคนอื่นถึงจะถือว่าได้เงิน”
หยู่เหวินเห้ากลับสูดหายใจด้วยความโกรธ แววตาดุดัน “เจ้าพูดอะไร? เจ้ากล้า?”
หยวนชิงหลิงร้องไห้กระซิก “เจ้าห้า เสด็จพ่อหลอกข้าเจ็ดแสนตำลึง”
หยู่เหวินเห้ามองดูคอที่ขาวเนียนละเอียดของนาง พยายามระงับความวู่วามที่จะเข้าไปกัดคอนางให้ขาด ขนและผมตามร่างกายลุกขึ้นมาแล้ว ดวงตาถลนออกมาข้างนอกไม่หยุด กล่าวอย่างสั่นเทา “ไม่ได้ฟังผิดคือเจ็ดแสนตำลึงหรือ?”
หยวนชิงหลิงเอามือสองข้างปิดหน้า “ความหมายของเขาที่ข้าให้ถือว่าถูกแล้ว ไม่ได้บอกให้ข้าออกแปดแสนตำลึง”
หยู่เหวินเห้าห้อยมือสองข้างที่หนักอึ้งไร้เรี่ยวแรงลง สูดหายใจด้วยความขุ่นเคือง “โอ้สวรรค์ ข้าต่อราคาจนเลือดฟันแทบจะออกมาแล้ว ถึงจะลดลงถึงสองแสนได้ คิดไม่ถึงว่าเสด็จพ่อจะลงมือกับเจ้าจริงๆ ชั่งโหดร้ายนัก ทำไมเจ้าถึงให้ไปแล้วล่ะ? เมื่อก่อนเจ้าขี้เหนียวขนาดนี้ ข้าถามเจ้าต้องการสิบตำลึงยังต้องบอกเหตุผลซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ็ดแสนตำลึงนี้ทำไมเจ้าถึงมอบออกไปได้โดยที่ไม่กะพริบตา?”
“ไม่กะพริบตาได้อย่างไร? กะพริบตาจนตาแทบจะบอดแล้ว” หยวนชิงหลิงกุมหน้าอกไว้ “ช่างเถอะ ไม่พูดแล้ว รับไม่ไหว ทันทีที่พูดก็รู้สึกไม่สบาย ดวงใจแทบจะสลายแล้ว”
หยู่เหวินเห้านิ่งเงียบอยู่นาน เอ๊ะ ขายเขาไปเถอะ ยังไงซะเขาก็มีค่า
ทั้งสองถือโอกาสนั่งลงมา อิงแอบกันและกัน หยู่เหวินเห้ากอดนางแล้วเอ่ยถาม “ทำไมเจ้าถึงตัดใจเอาเจ็ดแสนตำลึงได้?”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจแล้วกล่าว “หลงกลแล้ว เสด็จพ่อบอกว่าท่านยินยอมให้ และออกไปยืมเงินแล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะโกหก?”
กล่าวอย่างจริงจัง อันที่จริงเสด็จพ่อก็ไม่ได้โกหก เขายินยอมให้จริงๆ และออกไปยืมเงินแล้ว แต่เขาไม่ได้ยินยอมให้มากขนาดนั้นนี่
หยวนชิงหลิงเงยหน้ามองเขา “พวกเราไม่ออกเงินเหล่านี้ เขาจะจัดการคดีนี้อย่างไร?”
หยู่เหวินเห้ากล่าว “เอาไม่เอาเงินเหล่านี้ เขาก็ต้องคิดข้ออ้างไว้ชีวิตเสด็จแม่ ตัดเสด็จแม่ออกไป หนึ่งเพื่อชื่อเสียงของข้า สองก็เพื่อหน้าตาของเขา เพื่อเลี่ยงไม่ให้ถูกคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเขาเป็นฮ่องเต้ถูกนางสนมต้มตุ๋นหลอกลวง สำหรับซูต๋าเหอ ไม่ฆ่าเขาก็ไม่ทำให้เขาใช้ชีวิตได้อย่างดีๆ ไม่ฆ่าเพราะคำนึงถึงเสด็จย่าทางนั้น คนก็ต้องจัดการอย่างแน่นอน”
หยวนชิงหลิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ดังนั้น แม้ว่าเราจะไม่ให้เงินเหล่านี้ ผลลัพธ์ก็เหมือนกัน?”
หยู่เหวินเห้ากล่าวด้วยความอึดอัด “ผลลัพธ์เหมือนกัน แต่วันข้างหน้าจะต้องจ้องจับผิดพวกเราไม่หยุดหย่อนแน่นอน ดังนั้นข้าจึงอยากเอาสองแสนให้จบเรื่อง ความจริง เสด็จแม่เป็นตัวการหลัก ข้าเป็นลูกชาย ไม่ออกเงินสักนิด ก็ไม่สมเหตุสมผล”
หยวนชิงหลิงกล่าวจากใจจริง “เสด็จพ่อกล้าหาญละเอียดรอบคอบไร้ยางอายจริงๆเลย วางแผนอย่างคล่องแคล่วถี่ถ้วน พวกเราล้วนอ่อนหัดมากเกินไปแล้ว”
หยู่เหวินเห้ามองดูนางแวบหนึ่ง ความจริงอยากบอกว่านางอ่อนหัดเท่านั้น เขาก็ต่อรองราคาแล้ว ใครจะรู้ว่านางจะให้ไปเจ็ดแสนตำลึงล่ะ? แต่ว่า ในใจของเขาก็ยังซาบซึ้งเป็นอย่างมาก หมู่นี้ยายหยวนดูแลเงินเคร่งครัดเป็นอย่างมาก กลับยอมเอาเงินมากขนาดนั้นออกมาเพื่อเขา เห็นได้ว่าในใจของนาง เขาสำคัญกว่าทุกอย่าง
“ก็ให้ออกไปแล้ว ไม่ต้องคิดแล้ว หลังจากนี้พวกเราค่อยหลอกมาจากเสด็จปู่ทางนั้นจำนวนหนึ่งก็ได้” หยู่เหวินเห้ากล่าว
หยวนชิงหลิงไม่เข้าใจแล้ว “เสด็จปู่มีเหมืองทองคำ ร่ำรวยเป็นอย่างมาก ทำไมไม่ช่วยชดเชยให้ราชสำนักสักหน่อย? ช่วยเสด็จพ่อชดเชยสักหน่อย? ดูสิเสด็จพ่ออยู่อย่างตกอับจนกลายเป็นอย่างไรแล้ว?”
“นั่นคือแนวต้านทางสุดท้ายแล้ว ถ้าต้องเปิดสงครามจริงๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเสด็จปู่สามารถย้ายส่วนหนึ่งมาแบ่งให้กองกำลังทหารและยุทโธปกรณ์ใช้จ่ายได้” หยู่เหวินเห้ากล่าวด้วยความปลง “เป่ยถังของพวกเราไม่สามารถรับความสูญเสียได้เฉพาะกาลแล้ว นี่ก็คือทำไมข้าถึงต้องยืนหยัดที่จะบรรลุข้อตกลงพันธมิตรทางด้านการทหารกับแคว้นต้าโจว หวังว่าทั้งสองประเทศจะช่วยเฝ้าสังเกตการณ์ให้กันและกัน ทำให้เป่ยโม่และเซียนเปยหวาดกลัว เปลี่ยนเป็นความสงบชั่วคราวก็ดีนี่ หากว่าสามารถพยายามให้ได้สักห้าปีสิบปี จะมีผลประโยชน์เป็นอย่างมากต่อเป่ยถังของพวกเรา”
หยู่เหวินเห้ากล่าวเช่นนี้ ใจในของหยวนชิงหลิงก็รู้สึกดีนิดหน่อยแล้ว ที่กล่าวกันว่าประเทศจะเจริญรุ่งเรืองหรือสูญสิ้นล้วนเป็นภาระหน้าที่ที่ราษฎรทุกคนไม่อาจปฏิเสธได้ เงินจำนวนนี้ของนางก็คิดว่าเป็นการบริจาคให้ประเทศแล้ว
ก็ไม่ต้องคิดว่าช่วยเสียนเฟยออกเงินจำนวนนี้ แบบนี้ใจก็เป็นทุกข์ ไม่คุ้มค่า ไม่เต็มใจ
วันรุ่งขึ้น ตำหนักชิ่งหยู!
ฮ่องเต้หมิงหยวนรับสั่งให้มู่หรูกงกงไปตำหนักชิ่งหยู ประกาศราชโองการฉบับหนึ่ง
เสียนเฟยคุกเข่ารับราชโองการ หลังจากรับเสร็จ ทั้งคนก็ตกตะลึงและอึ้งไป ทันทีหลังจากนั้น ทั้งใบหน้าเดือดดาลอย่างบ้าคลั่ง โกรธจนเนื้อตัวสั่น
นึกไม่ถึงว่าเขาจะเอาเรื่องนี้ไปบอกฮ่องเต้จริงๆ? ลูกเนรคุณ!
มู่หรูกงกงกล่าว “ท่านหญิง เรื่องนี้ฝ่าบาทมีพระราชประสงค์ที่จะเข้าข้างท่าน จึงบอกให้ท่านคืนเงินที่โกงไปกับเงินค่าปรับห้าแสนตำลึง พระชายารัชทายาทจัดการให้ท่านแล้วเจ็ดแสนตำลึง ที่เหลือ ท่านก็ดูแล้วก็จัดการเอา สมทบเข้าไปภายในสามวันก็ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เสียนเฟยใบหน้าชั่วร้ายไม่พูดจา พูดให้น่าฟัง เจ็ดแสนตำลึงไม่ใช่นางให้ เป็นเจ้าห้าให้ หากว่ามีใจจริงๆ ก็ควรรวบรวมให้ทั้งหมด
มู่หรูกงกงเห็นนางไม่เอ่ยปาก ก็กล่าวอีก “ท่านหญิง เรื่องนี้ฝ่าบาททรงโกรธกริ้วเป็นอย่างมาก ท่านอย่ามีใจหวังว่าจะโชคดีโดยไม่ได้คาดคิด เรื่องนี้ฝ่าบาทไม่อยากทำให้วุ่นวายใหญ่โต เห็นแก่ฐานะของรัชทายาทเท่านั้น ท่านรีบหน่อย เอาเงินเหล่านี้ชดเชยไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ พระราชประสงค์ของฝ่าบาทกล่าวไว้อย่างชัดเจน ห้าแสนตำลึง สักแดงเดียวก็ขาดไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
เสียนเฟยอดกลั้นความโกรธ กล่าวอย่างราบเรียบ “ข้ารู้แล้ว ท่านกลับไปเถอะ”
มู่หรูกงกงขอตัวลาและจากไป
เพิ่งจะออกมาถึงในลาน ก็ได้ยินเสียงเขวี้ยงข้าวของเสียงดังมากออกมาจากด้านใน มู่หรูกงกงส่ายหน้าเบาๆ ถอนหายใจ เสียนเฟยระยะนี้ชั่งอารมณ์ร้อนเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ได้แต่งตั้งเป็นรัชทายาท นางกลับนั่งไม่เป็นสุขแล้ว
ก็ไม่แปลกนี่ แต่งตั้งรัชทายาท กลับไม่แต่งตั้งเสด็จแม่ ในใจของนางต้องไม่สบายใจแน่
แต่นี่ก็ไม่ใช่ว่าก่อเรื่องแล้วจะสามารถได้รับ คุณธรรมและพฤติกรรมของมารดาผู้ให้กำเนิดรัชทายาทจะต้องไม่แปดเปื้อน
เสียนเฟยทุบตีอยู่ในตำหนักรอบหนึ่ง ถึงนั่งลงมาด้วยความหอบ ในมือถือราชโองการฉบับนั้น ราชโองการกลับไม่มีคำตำหนินาง เรื่องราชการจัดการโดยทางการ เย็นชาเป็นที่สุด เพียงบอกให้นางคืนเงินที่โกงไปและเงินค่าปรับ ไม่ได้บอกการลงโทษ ยิ่งไม่มีแม้คำว่าผิดหวังและความโกรธของเขาปรากฏออกมา
เสียนเฟยปรนนิบัติอยู่ข้างกายของฮ่องเต้หมิงหยวนมายี่สิบกว่าปี นางเข้าใจนิสัยของฮ่องเต้หมิงหยวนเป็นที่สุด เขาอดทนให้นางสนมโวยวายก่อความวุ่นวายเล็กน้อยได้ แต่เมื่อเลื่อนขั้นถึงการเป็นอันตรายต่อราชสำนักและเป็นภัยต่อราษฎร เช่นนั้นก็คือการละเมิดกฎทำให้เขาโมโหแล้ว สัมผัสโดนเส้นตายของเขาแล้ว
แม้ว่าเขาจะอภัยโทษ อนาคตการใช้ชีวิตในวังของนางก็ยากลำบากจนอย่างที่จะเอื้อนเอ่ยแล้ว
ขณะที่เจ้าห้ามาซักถามนาง นางไม่ได้กลัวสักนิด เจ้าห้าเป็นลูกชายแท้ๆของนาง เป็นลูกชายอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะเอาแม่เสนอออกไปได้
แต่อย่างไรนางก็คิดไม่ถึง เขากล้าบอกกับฮ่องเต้โดยตรง ในใจของเสียนเฟย จับตัวแข็งเหมือนน้ำแข็งเช่นนั้น เหน็บหนาวจนทั้งร่างกายสั่นเทา