บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 588 เกือบชนคนแล้ว
หรงเยว่ โฉมหน้าของหรงเยว่ล้ำเลิศไร้ที่ติ ก่อนหน้านี้ในเมืองหลวงมีสองพี่น้องที่ทำให้ผู้คนตะลึงในโฉมหน้า แต่เมื่อเทียบกับหรงเยว่แล้ว ยังด้อยกว่าระดับหนึ่ง
สองพี่น้องในเมืองหลวงนั่นก็คือสองพี่น้องตระกูลฉู่ ฉู่หมิงชุ่ยและฉู่หมิงหยาง
ผู้หนึ่งกลายเป็นผุยผง ผู้หนึ่งแต่งงานเข้าจวนอ๋องจี้กลายเป็นผู้หญิงที่ถูกย่ำยีถูกทอดทิ้ง
ท่านชายสี่มองหรงเยว่ด้วยความพอใจ “อื้ม องค์ชายรัชทายาทเคยทำคุณงามความดีเพื่อเป่ยถัง มีเพียงความงดงามที่เลิศล้ำเช่นนี้ถึงจะคู่ควรกับเขา”
โดยปกติเขาท่านชายสี่เหลิงเป็นคนที่ยุติธรรม ในเมื่อต้องการฆ่าภรรยาของคนอื่น ก็ต้องหาที่ดีกว่าอีกคนหนึ่งให้คนอื่นเขา
“ท่านชาย ท่านเรียกข้า?” ริมฝีปากแดงๆของหรงเยว่แย้มออก เป็นเค้าโครงรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบอย่างพอดีออกมา
ขายาวๆของท่านชายสี่ยืดออก ลุกขึ้นมา “เก็บของ ตามข้าเข้าเมืองหลวง หาบ้านสามีให้เจ้า!”
หรงเยว่ตะลึง หมุนตัววิ่งออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว “ท่านชายท่านรอก่อน ข้าไปเก็บของเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
ความคิดของท่านชายเวลาหนึ่งเปลี่ยนสามรอบ หากไม่รีบ เดี๋ยวก็เปลี่ยนความคิดอีก นางยังขาดอีกสองเดือนก็ครบยี่สิบแล้ว หากภายในสองเดือนยังหาบ้านสามีไม่ได้อีก ก็เหยียบเข้าด่านสำคัญในอายุยี่สิบปี กลายเป็นหญิงแก่แล้ว
ท่านชายสี่เหลิ่งเงยหน้ามองดูซือเย๋ด้วยดวงตารูปดอกเหมยที่ทำให้คนหลงใหลพร้อมความสงสัยที่เต็มเปี่ยมบนใบหน้า “ทำไมหรงเยว่ถึงดีใจขนาดนั้น? ไม่ใช่แค่หาสามีหรือ?”
ซือเย๋บีบเคราแพะเล็กน้อย “ท่านชาย ความปรารถนาเรื่องอาหารและเรื่องเพศล้วนเป็นนิสัยเดิมของคน คำพูดนี้ใช้ได้ทั้งชายและหญิงขอรับ”
คนทั้งสำนักเหลิ่งหลังล้วนรู้ว่าหรงเยว่เกลียดการแต่งงาน เกลียดถึงระดับไหนล่ะ? ในสำนักที่อายุแทบจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบปี นางล้วนเคยถามทั้งหมด
หรงเยว่เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในทั้งสำนักเหลิ่งหลัง อีกทั้งเป็นผู้ปกป้องกฎที่สำคัญข้างกายของเจ้าสำนัก เพียงแค่นางยินยอมแต่งงาน ตามหลักแล้วพี่น้องในสำนักจะไม่ปฏิเสธ จนกระทั่งปรารถนาจะให้ได้มาเร็วๆ
แต่ว่า ไม่มีคนยอมแต่งงานกับหรงเยว่ เพราะเด็กน้อยก็รู้ว่าสิ่งของยิ่งสวยงามยิ่งมีพิษ
หรงเยว่ไม่ได้มีพิษ หรงเยว่เป็นผู้หญิงที่กล้าหาญ ดุดัน เย็นชาเหี้ยมโหด มีกฎที่เข้มงวด จำได้ว่าสามปีก่อน หรงเยว่สังหารคนสารเลวผู้หนึ่ง คนสารเลวผู้นี้ฆ่าผู้หญิงที่อายุยังน้อยไปแปดราย หรงเยว่รู้เข้า ออกโรงโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย บีบไข่สองใบของสารเลวนั่นแตก หั่นไส้กรอกเป็นฝอย คนมากมายในสำนักมุงดู วิชาดาบของหรงเยว่ยอดเยี่ยม ขณะที่หั่นเป็นฝอยๆน่าตื่นตาเป็นพิเศษ เหมือนดาบจะไม่ขยับ แต่เส้นฝอยๆลอยเต็มฟ้า หั่นเสร็จถึงจะเห็นเลือด ความรวดเร็วทำให้คนตะลึง
หลังจากที่หรงเยว่ฆ่าคนผู้นั้นเสร็จ จับดาบแล้วยืนขึ้น ผมยาวลอยพลิ้ว งดงามจนทำให้คนกลั้นหายใจ จากนั้นนางพูดเบาๆประโยคหนึ่ง หลังจากนี้สามีของข้าหากว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อข้า นี่ก็คือจุดจบ
หรงเยว่เมื่อสามปีก่อน ยังไม่ถึงสิบเจ็ดปี กำลังจะเป็นหญิงสาวที่อายุจะบรรลุนิติภาวะพอดี นักฆ่ามากมายในสำนักชื่นชมความงดงามของนาง แต่หลังจากครั้งนั้นมา ความรักที่ได้แตกหน่อทั้งหมดล้วนถูกบีบให้ตายลอยเป็นเส้นๆอยู่ในท้องฟ้า
และหรงเยว่ในปีนั้น ก็ไม่รู้ว่าอนาคตของตัวเองจะลำบากเพียงนี้ ที่ว่ากันว่าหญิงงามไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้แต่งงาน อายุสิบหกปีปีนั้นนางตั้งปณิธานอย่างฮึกเหิม ขณะที่อายุสิบเจ็ดปีก็จิตใจสงบไม่รีบร้อน ถึงอายุสิบแปดปีแล้ว นางมีความรีบร้อนบ้างแล้ว เหยียบเข้าอายุสิบเก้าด่านสำคัญ นางเริ่มกลัดกลุ้ม ตอนนี้ ใกล้จะยี่สิบปีแล้ว นางไม่มีเวลามากที่จะสามารถรอได้แล้ว
ดังนั้น นางมักจะสั่งสอนผู้หญิงในสำนักเสมอว่า อย่าคิดว่าตัวเองมีหน้าตาสะสวยหน่อยก็ยอดเยี่ยมมากแล้วเด็ดขาด วันเวลาเร่งเร้าคน เจอที่ชอบแล้ว ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไร แม้ว่าเป็นการบังคับฝืนใจรวบหัวรวบหาง ก็ต้องแย่งชิงมาให้ได้ก่อน
พูดถึงทางเสียนเฟยพยายามครั้งแล้วครั้งเล่ารอบหนึ่ง หยู่เหวินเห้าและหยวนชิงหลิงยังคงไม่เอาออกมาให้แม้เหรียญทองแดงสักเหรียญเดียว เงินจำนวนนี้ นึกไม่ถึงว่านางจะสามารถรวบรวมมาได้เอง อีกทั้งไม่ขาดสักแดงเดียว
จิตใจของฮ่องเต้หมิงหยวนสับสนมาก นางสนมผู้หนึ่ง ไม่ทันไรก็เอาไม่กี่หมื่นออกมาได้แล้ว กลับมามองที่เขาฮ่องเต้ราชวงศ์ผู้หนึ่ง แม้แต่พระราชทานรางวัลก็ต้องเขียนหลักฐานการยืม
จิตใจของฮ่องเต้หมิงหยวนย่ำแย่มาก นอนไม่หลับติดต่อกันสองคืน จึงล้มป่วยแล้ว
หมอหลวงตรวจชีพจร บอกว่าเขาความโกรธโจมตีหัวใจ ธาตุลมในตับอัดแน่น จำเป็นต้องทำให้ธาตุลมที่อัดแน่นอยู่ในตับโล่ง ฮ่องเต้หมิงหยวนดื่มยาสองวันแล้ว ได้ผลไม่มาก ยังคงนอนไม่หลับ จึงได้เรียกหยวนชิงหลิงเข้าวัง
ฮ่องเต้หมิงหยวนคิดเงียบๆว่า ยาเม็ดเหล่านั้นของพระชายารัชทายาท เขาคิดอยากจะลองตั้งนานแล้ว ท้ายที่สุดครั้งนี้ก็มีโอกาสแล้ว
หยวนชิงหลิงจ่ายยานอนหลับให้เขา ให้เขาได้นอนหลับดีๆสักตื่นก่อน ร่างกายของฮ่องเต้หมิงหยวนไม่ได้มีความผิดปกติอะไรมาก ก็เพราะไม่สบายใจ
เขามีความกลัดกลุ้มอยู่เต็มท้อง ใช้มุมมองของยาจีนก็คืออวัยวะภายในทั้งห้าร้อนรุ่มวุ่นวาย พลังของไฟพลุ่งพล่านอยู่ในร่างกาย หาทางระบายไฟออกมาไม่ได้
นี่เป็นเรื่องที่กินยาก็ไม่สามารถช่วยได้ เพียงแค่ทำให้เขาสมปรารถนา ให้เขาได้ระบายออกมา ก็ดีมากแล้ว
ลำบากที่หยวนชิงหลิงพูดเรื่องในใจกับฮ่องเต้ จึงเรียกฮู่เฟยไปถาม หลังจากที่ฮู่เฟยโน้มนำรอบหนึ่ง ฮ่องเต้หมิงหยวนก็กล่าวอย่างฉุนเฉียวว่า “คนที่สมควรฆ่า ฆ่าไม่ได้ ใครจะไม่กลัดกลุ้ม?”
ฮู่เฟยไปบอกต่อหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงฟังจบ ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “งั้นก็ทำอะไรไม่ได้เพคะ คนที่เขาก็ฆ่าไม่ได้ พวกเราก็ไม่สามารถฆ่าได้แน่นอนเพคะ”
ฮู่เฟยเป็นคนที่สามารถทุ่มเททุกอย่างเพื่อผู้ชายที่รักได้ นางกัดฟันแล้วกล่าว “ข้ากลับอยากฆ่านาง”
หยวนชิงหลิงกล่าว “ตอนนี้ท่านหญิงตั้งครรภ์อยู่ พูดว่าถึงการทุบตีฆ่าฟันบ่อยๆ เป็นการสั่งสอนลูกในท้องที่ไม่ดีนะเพคะ”
ฮู่เฟยท่าทางโกรธเคือง “ก็เพราะว่าฐานะนี้ของข้าใช้การได้ไม่ดี หากว่ายังอยู่ที่เมืองชายแดนแบบเมื่อก่อน มีคนทำให้ผู้ชายของข้าอึดอัดใจ เช่นนั้นข้าจะไม่สามารถออมมือได้ จำเป็นจะต้องจัดการสังหาร”
หยวนชิงหลิงมองดูคนท้องที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคืองผู้นี้ บนหน้าของนางมีความแน่วแน่ยินยอมเสียสละเพื่อปกป้องชายอันเป็นที่รักของตัวเอง ฮู่เฟยก็คือคนประเภทนี้ที่เพื่อความรักแล้วจะไม่สนใจทุกอย่าง นางมีชีวิตอย่างมั่นคงเปี่ยมไปด้วยพลังมากมาย หยวนชิงหลิงนับถือนางมาก
ฮู่เฟยมองดูนาง แล้วกล่าวอีก “ด้านหน้าด้านหลังของรัชทายาทถูกล้อมโจมตีไปด้วยศัตรูจริงๆ คนภายนอกต้องการเล่นงานเขาก็แล้วไปแล้ว เสด็จแม่ของเขาและวงศ์ตระกูลซูก็เช่นนี้ คนอื่นล้วนบอกว่าครอบครัวทางแม่เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ เขาทางนั้นกลับดี เป็นพลังต่อต้านที่ยิ่งใหญ่”
หยวนชิงหลิงรู้สึกท้อแท้ทันที
ออกไปถึงประตูวัง สวีอีขี่รถม้ามารออยู่ด้านนอก
หยู่เหวินเห้ากำชับไว้แล้ว ไม่ว่าหยวนชิงหลิงไปที่ไหน สวีอีจำเป็นต้องติดตามไว้ ทั้งได้จัดองครักษ์ลับผีจับตามองสิบสองชั่วยาม ก็กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น ดังนั้นเข้าวังครั้งนี้ สวีอีรับหน้าที่เป็นคนขับรถ อะซี่กับหมันเอ๋อล้วนมาพร้อมกันหมด เพียงแค่เวลาเข้าวัง ทั้งสามคนก็รออยู่ด้านนอก
ขึ้นรถม้าแล้ว หยวนชิงหลิงยังคงคิดถึงคำพูดของฮู่เฟย ประโยคสุดท้ายของฮู่เฟยชั่งทำให้คนรู้สึกเสียใจจริงๆ ใครๆก็พูดว่าพ่อแม่เป็นผู้สนับสนุนเบื้องหลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเอง คอยประคับประคอง กฎเกณฑ์ที่ตายตัวถึงเจ้าห้าตรงนี้ ทำไมถึงได้กลับกันแล้วล่ะ?
“ท่านพี่หยวน อาการป่วยของฮ่องเต้น่ากังวลมากใช่หรือไม่เจ้าคะ?” อะซี่เอ่ยถามขึ้นมาอย่างฉับพลัน
หยวนชิงหลิงดึงสติกลับมา มองดูใบหน้านั่นของอะซี่ที่ขึ้นๆลงๆตามการสั่นสะเทือนของรถม้า “ไม่มีนี่? ทำไมเจ้าถึงถามเช่นนี้?”
อะซี่กล่าว “ตั้งแต่ท่านออกจากวัง ก็หน้าตากลัดกลุ้มมาโดยตลอด ข้ายังคิดว่าอาการป่วยของฮ่องเต้น่ากังวลเป็นอย่างมากซะอีกน่ะเจ้าคะ”
หยวนชิงหลิงนวดระหว่างคิ้ว “ไม่ใช่ ข้าเพียงแค่คิดเรื่องอื่น ฮ่องเต้ได้มีปัญหาอะไร กลัดกลุ้มนอนไม่หลับเท่านั้น”
“เช่นนั้นท่านก็ไม่ต้องคิดแล้วเจ้าค่ะ ระยะนี้ท่านก็พักผ่อนไม่ดี ท่านดูบนหน้าของท่านตุ่มเล็กขึ้นกี่เม็ดแล้ว ยังมีขึ้นบนจมูกเม็ดหนึ่ง ดูแปลกนักเจ้าค่ะ”
อะซี่หัวเราะแล้วกล่าว
หยวนชิงหลิงยื่นมือไปลูบเล็กน้อย เอาเถอะ อายุนี้เป็นวัยที่สิวหนุ่มสาวขึ้น แต่นางก็เป็นแม่ลูกสามแล้ว
หนึ่งเม็ดนั้นบนจมูกวันนี้ตอนเช้านางก็เห็นแล้ว แต่ยังบีบไม่ได้ เจ็บมาก แดงจนมันวาวเชียว เพื่อปกปิด วันนี้ทาแป้งจนหนามาก เหมือนคนหน้าปลอมเช่นนั้น
ด้านนอกสวีอีตะโกนอย่างฉับพลันคำหนึ่ง “นั่งให้มั่น!”
ทั้งสามตกใจ รีบนั่งตัวตรง หลังพิงพนักพิง ความเร็วในการดำเนินของรถม้า ลดลงเร็วมาก
สวีอีเบิกตาโพลงมองดูเหตุการณ์ข้างหน้า เขากำลังเดินรถตามปกติ บนทางนี้คนน้อย ใครจะรู้ว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะพุ่งออกมาอย่างกะทันหัน แต่ว่า ระยะห่างเพียงพอให้เขาหยุดรถม้าลงมาได้ก่อนที่จะชนเด็กผู้หญิงคนนี้