บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 590 ก็อาศัยอยู่เช่นนี้แล้ว
กลับถึงจวน จึงรีบเรียกหมอหลวงเฉาเข้ามาทำการรักษาให้กับคนกล้าหาญที่ช่วยคนไว้ทันที
เดิมทีวางแผนว่าหลังจากกลับถึงจวน สวีอีต้องการซักถามประวัติให้ดีสักหน่อย ใครจะคิด ทังหยางแวบเดียวก็จำได้แล้ว ขึ้นหน้าไปทำมือเคารพด้วยความแปลกใจ “นี่ไม่ใช่ท่านชายสี่หรือ? ท่านชายสี่มาเมืองหลวงก็ไม่ข้าน้อยบอกสักคำ”
เมื่อท่านชายสี่เหลิ่งเงยหน้า เห็นว่าเป็นทังหยาง อดตะลึงเล็กน้อยไม่ได้ “ท่านคือ?”
“ข้าน้อยทังหยาง เคยพบกับท่านชายสี่มาสองครั้ง ไม่แปลกที่ท่านชายสี่จะไม่รู้จัก พูดขึ้นมาก็เป็นเรื่องสองสามปีก่อนแล้ว” ทังหยางหัวเราะแล้วกล่าว
“อ๋อ จำได้แล้ว นายทังนี่เอง” ท่านชายสี่เหลิ่งถึงบางอ้อในฉับพลัน หรี่ดวงตารูปดอกเหย อมยิ้มแล้วกล่าว “เมื่อจากลาก็สองสามปี ท่านสบายดีนะ?”
คนผู้นี้เป็นใครกัน? ทำไมไม่รู้จัก? ท่านชายสี่รีบหาข้อมูลในสมองทันที แต่ว่าจะทำอย่างไรได้สองสามปีมานี้ยุ่งอยู่กับความเพลิดเพลิน สมองส่วนใหญ่หยุดใช้การไปมากกว่าครึ่ง ยังคงคิดไม่ออกว่าเคยเจอคนผู้นี้
ทังหยางกลับรู้สึกตื่นเต้นเป็นที่สุดที่ท่านชายสี่ยังจำเขาได้ จึงรีบไถ่ถามถึงสถานการณ์ สวีอีเห็นใต้เท้าทังคุ้นเคยกับผู้หญิงสองคนนี้ขนาดนี้ จึงวางใจแล้ว เอาต้นสายปลายเหตุของเรื่องกล่าวออกมา ทังหยางรีบบอกให้หมอหลวงวินิจฉัย
ถือโอกาสในตอนนี้ หยวนชิงหลิงเรียกทังหยางออกไปด้านนอก เอ่ยถาม “เจ้ารู้จักพวกเขา?”
ทังหยางยังตกอยู่ในความตื่นเต้น ได้ยินหยวนชิงหลิงถามขึ้น ถึงกล่าวอย่างจริงจัง “พระชายารัชทายาท เขาก็คือท่านชายสี่เหลิ่งที่ชื่อเสียงดังก้องเป็นที่สุดไงพ่ะย่ะค่ะ เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเป่ยถังของพวกเรา ใช้คำว่าร่ำรวยจนเป็นศัตรูของประเทศได้ก็ไม่เกินไป เงินของบ้านเขาคาดว่าบ้านสองหลังก็เก็บไม่หมดพ่ะย่ะค่ะ”
หยวนชิงหลิงเบิกตาโพลงทันที “จริงหรือ? เช่นนั้นเจ้ารู้จักเขาได้อย่างไร?”
“เป็นความจริงแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ พูดถึงรู้จักเขาได้อย่างไร นี่ต้องย้อนไปเมื่อสามปีก่อนพ่ะย่ะค่ะ” ทังหยางแววตาสบายอกสบายใจ “ปีนั้นข้าน้อยทำธุระผ่านทางจื๋อลี่ เพราะว่าตอนกลางคืนกลับเมืองหลวงไม่ทัน จึงได้อยู่ที่จื๋อลี่คืนหนึ่ง นี่ก็เข้าไปพักในซาวโถ๋จุ้ยของท่านชายสี่พอดี ดื่มจนเมาหนักหัวปักหัวปำ แม้แต่ถุงเงินก็ไม่รู้ว่าไปวางไว้ที่ใดแล้ว ตื่นมาไม่มีเงินคิดบัญชี ต่อจากนั้นวุ่นวายจนแทบจะไปถึงที่ทำการปกครอง เวลานี้ท่านชายสี่ออกมา หลังจากสอบถามถึงตัวตนของข้าแล้วก็ไม่คิดเงินข้า ท่านชายสี่เป็นคนมือใหญ่ใจกว้างจริงๆ หลังจากที่ข้ากลับเมืองหลวงแล้ว จึงหยิบเอาเงินไปที่จื๋อลี่อีกรอบ และเข้าพักที่ซาวโถ๋จุ้ย จ่ายเงินของครั้งก่อนให้ ดังนั้น ยังได้มอบเหล้าไหหนึ่งและใบชาให้ท่านชายสี่อีกด้วย ท่านชายสี่เกรงใจไม่รับ สุดท้ายฝืนดันให้จึงรับไว้ แต่ท่านชายสี่ควักเงินหนึ่งพันตำลึงให้ข้าน้อยทันที บอกว่าคิดซะว่าเขาซื้อพ่ะย่ะค่ะ”
ดวงตาของหยวนชิงหลิงแทบจะหลุดออกมาแล้ว “เหล้าและใบชาเหล่านั้นของเจ้าซื้อมาเท่าไหร่?”
“เงินเดือนหนึ่งเดือนของข้าน้อยไงขอรับ” ทังหยางกล่าว
หยวนชิงหลิงรับผิดชอบการจ่ายเงินเดือน รายการที่บันทึกในบัญชีของในจวนทั้งหมดนางดูแล เงินเดือนขุนนางหนึ่งเดือนของทังหยางคือสิบตำลึง ทีแรกคือหกตำลึง แต่หลังจากที่นางจัดการบัญชี รู้สึกว่าทังหยางคนเดียวสามารถทำเหมือนใช้งานคนได้ห้าคน จึงขึ้นเงินเดือนของเขา บอกว่าถึงปลายปีที่ให้เงินรางวัลเขาอีกจำนวนหนึ่ง
สามปีก่อนเขาคือหกตำลึง แต่กลับแลกเงินหนึ่งพันตำลึงมาได้ รวยแล้ว
หยวนชิงหลิงมองดูเขาด้วยความอิจฉา กล่าวอย่างอดไม่ได้ “ท่านชายสี่เหลิ่งผู้นี้เป็นคนโง่ที่มีเงินมากมายจริงๆ แต่ เจ้าบอกว่าบ้านสองหลังถึงสามารถเก็บเงินทองทรัพย์สมบัติล้ำค่าของเขาได้ พูดชมเชยเกินไปหน่อยแล้วล่ะมั้ง?” บางทีอาจเป็นเพราะความยากจนจำกัดความสามารถในการจินตนาการของนาง นางไม่เชื่อเป็นอย่างมาก
ทังหยางวางท่าทางที่ค่อนข้างหล่อเหลาออกมา มือหนึ่งค้ำเสากลม มือหนึ่งเท้าสะเอว “เช่นนี้ละกันพ่ะย่ะค่ะ พระชายารัชทายาทตอนนี้ท่านยังมีสองล้าน……”
หยวนชิงหลิงขัดคำพูดของเขา “ไม่ หักค่าใช้จ่ายแต่ละรายการออก ตอนนี้เหลือแค่ประมาณหนึ่งล้านแล้ว”
ทังหยางกดมือไว้ “ได้ ได้ ทำเหมือนว่าท่านยังมีสองล้านตำลึงเถอะพ่ะย่ะค่ะ แต่สองล้านตำลึงนี้เทียบกับท่านชายสี่ ก็เทียบได้กับมดและวัวดีๆนี่เอง เช่นนี้เข้าใจดีขึ้นหน่อยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? มดมากเพียงไรที่จะสามารถไต่ได้เต็มตัววัวทั้งตัว? แค่ไต่ที่จมูกวัวก็ไม่ไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ก่อนหน้านี้หยวนชิงหลิงไม่เคยมีสภาพจิตใจใดๆที่คิดแค้นต่อคนรวยมาก่อนเลย ยิ่งไม่มีจิตใจอิจฉาริษยาแค้นเคืองคนร่ำรวย แต่นาทีนี้ นางรู้สึกทึ่งจนไม่สามารถจะเพิ่มมากกว่านี้ได้
ท่านชายสี่เหลิ่งผู้นี้ คือเสิ่นว่างซานของราชวงศ์ถังหรือ?(เสิ่นว่างซานเป็นคนรวยมากในโบราณจีน)
หากว่าเหมือนที่ทังหยางกล่าวเช่นนั้น เขาร่ำรวยจนเป็นศัตรูกับประเทศได้จริงล่ะ เพียงแค่ยอมถอนขนสองเส้นออกมาจากบนตัววัวของเขา นางก็สามารถทำเรื่องได้มากมายแล้ว
ตั้งแต่รู้สถานการณ์ของท้องพระคลังแล้ว นางคิดว่าเป่ยถังตกอับจนไม่เหลือหลอมาโดยตลอด กลับคิดไม่ถึงว่ายังจะมีหลุมหลบภัยอยู่
ทำไมราชสำนักไม่สามารถที่จะร่วมมือกับเขาเพื่อพัฒนาโครงการล่ะ? ทำเป็นรัฐวิสาหกิจเล็กน้อยก็ยังดีนี่ อย่างน้อย ก็สามารถเพิ่มรายรับทางการเงินของประเทศได้ ไม่ถึงกับต้องอับจนเพียงนี้
“ท่านชายสี่มาครั้งนี้ ข้าน้อยต้องตอบแทนอย่างดีถึงจะได้พ่ะย่ะค่ะ” ทังหยางกล่าวด้วยความดีใจ
ด้านใน หมอหลวงกำลังจัดการบาดแผลที่เท้าให้ท่านชายสี่ เจ็บปวดจนท่านชายสี่ต้องกัดฟัน ในขณะที่เจ็บปวดท่านชายสี่คิดอยู่นาน ในที่สุดก็นึกออกว่าทังหยางเป็นใครแล้ว ก็คือลูกค้าผู้มีพระคุณมีราศีความเป็นปัญญาชนที่คุยโวโอ้อวดดูมีความรู้ความสามารถทำตัวอิสระห้าวหาญสง่างามไม่ธรรมดาผู้นั้น ไม่มีตั๋วไม่มีเงินให้ ตอนนั้นเห็นถือป้ายห้อยเอวของจวนอ๋องฉู่ไว้ จึงได้ชำระบัญชีให้เขา
หมอหลวงเฉามองดูท่านชายสี่ด้วยความชื่นใจ “ท่านชายผู้นี้ ท่านทนความเจ็บไว้ได้จริงๆ ความเจ็บปวดของกระดูกหัก เจ็บปวดเข้าไปถึงภายใน ท่านนี่ก็ไม่เปล่งเสียงไม่ร้อง ทำให้คนนับถือนะขอรับ”
ท่านชายสี่เหลิ่งเงยหน้าที่สง่างามดั่งหยกขึ้น การอดทนต่อความเจ็บปวดเป็นความดื้อรั้นสุดท้ายของผู้ชาย ฐานะที่เป็นเจ้าสำนัก เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่สามารถทำให้คนมองทะลุถึงความอ่อนแอของเขาได้
“ท่านชายท่านแต่งงานแล้วหรือยังขอรับ?” หมอหลวงเฉาถามขึ้นอย่างฉับพลัน
ท่านชายสี่เหลิ่งมองดูใบหน้าที่รอยยิ้มหายสาบสูญไปหมดสิ้นนั่นของเขา ในระหว่างที่กำลังประหลาดใจ ความปวดร้าวแผ่ขึ้นมาจากน่อง ทั้งร่างของเขาหนาวสั่นสะท้าน มือทั้งสองแทบจะงัดที่วางมือเก้าอี้หักแล้ว
เหงื่อเย็นๆใหญ่เท่าเม็ดถั่วไหลลงมาจากหน้าผาก
หมอหลวงกล่าวด้วยความพอใจว่า “ได้แล้ว หลังจากที่งัดกระดูกให้ตรงแล้วก็พันไว้ให้คงที่ ผ่านไปประมาณหนึ่งเดือน ก็สามารถหายสนิทได้ ท่านชายยอดเยี่ยมมากนะขอรับ เป็นชายชาตรีตัวจริง!”
เมื่อครู่หัวใจของท่านชายสี่เหลิ่งที่ได้ลอยขึ้นไปบนหลังคาบ้านเพราะความเจ็บปวดอันเนิ่นนานค่อยๆกลับมาที่เดิม ความบ้าคลั่งของความเจ็บปวดที่น่ากลัวนั่นก็ค่อยๆหายไป กล่าวด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า “ก็ไม่ได้เจ็บมากนัก!”
หมอหลวงเฉาอุทานคำหนึ่ง “ผิดตำแหน่งแล้ว ท่านชายอดทนไว้ มาอีกรอบขอรับ!”
ด้านบนศีรษะไม่มีการตอบสนอง หมอหลวงเฉาเงยหน้าด้วยความแปลกใจ ท่านชายสี่หัวตกลงมา ไม่นึกว่าจะหมดสติไปแล้ว
หมอหลวงเฉาฉีกยิ้ม “เช่นนั้นก็พอดีเลย!”
หรงเยว่ทนดูไม่ได้เล็กน้อย แอบหันหน้าไปทางอื่น มองดูผู้คนในจวนนี้ ชำเลืองมองสวีอีมากเป็นพิเศษ สวีอีผู้นี้หน้าตาได้สัดส่วนดูดี ไม่รู้ว่าแต่งงานแล้วรึยัง? ยังมีผู้นั้นที่เข้ามาทักทายท่านชายเมื่อครู่อีก อายุมากหน่อย ดูท่าคงจะแต่งงานแล้ว
แต่มองดูแล้วก็ยังพอใช้ได้ ไม่รู้ว่ามีการวางแผนว่าจะหย่ากับภรรยาหรือไม่?
ท่านชายสี่เหลิ่งและหรงเยว่ก็อยู่ในจวนนี้เช่นนี้เป็นการชั่วคราว หนึ่งเพราะสวีอีเป็นผู้ก่อเรื่อง ก่อให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นเขาต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบทั้งหมด อย่างที่สองเป็นเพราะทังหยางมุ่งมั่นดึงดัน เขาต้องการตอบแทนคนอื่นที่มีบุญคุณให้เขาได้นอนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ยังมีอีก สุดท้ายไปรับหนึ่งพันตำลึงของคนอื่นไว้แล้ว อย่างไรก็ต้องการยืมจวนของท่านอ๋องแสดงมิตรภาพของเจ้าบ้านให้เต็มที่
ตอนกลางคืนหยู่เหวินเห้ากลับมา ไม่ได้พบท่านชายสี่เหลิ่ง เพราะว่าท่านชายสี่เหลิ่งถูกหมอหลวงเฉาทำผิดตำแหน่งเป็นครั้งที่สามจนหมดสติไปอีกครั้ง
กลับถึงห้อง หยวนชิงหลิงถึงได้บอกเขาเรื่องนี้
ช่วงนี้หยู่เหวินเห้ายุ่งมาก ตอนนี้เขาโรคเรื้อนทางนั้นกำลังสับเปลี่ยนโยกย้ายคน อีกทั้งยังเลี้ยงไก่เป็ดห่านและอื่นๆไว้ด้านบนเล็กน้อย และขนส่งอาหารจำนวนหนึ่งขึ้นไปแล้ว หลังจากนี้คนบนภูเขาก็ไม่จำเป็นต้องกินขนมรังนกที่เน่าเสียอีกแล้ว
วันนี้เขายุ่งจนไม่ได้กินอาหารค่ำ กินไปพลางก็ฟังหยวนชิงหลิงพูดไปพลาง