บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 605 ลงเขาอย่างโจ่งแจ้ง
อะหลูยิ้มเบ้ปาก “หากกลัวว่าจะล่วงว่าจะล่วงเกินคนอื่นจริงๆ เจ้าก็แค่ควบคุมการทำงานของตัวเองให้ดี เจ้าเองเป็นคนที่ทำให้คนอื่นจับได้ แล้วยังจะโทษใคร? อีกอย่าง หากเจ้าจับคนได้แล้วจริงๆ ท่านแม่ทัพก็ต้องมาอยู่แล้ว เจ้าจะกลัวอะไร?”
ถงเม่าเบ้ปากไปครู่หนึ่ง “จับคนนั้นไม่กลัวหรอก แต่หากจับไม่ได้ ข้อผิดพลาดทั้งหมดก็จะตกอยู่ในความรับผิดชอบของข้า”
อะหลูมองเขา กล่าวอย่างเย็นชา “ใต้เท้าถง คนของท่านก็ได้เฝ้าอยู่เชิงเขาแล้ว เห็นคนขึ้นไปบนเขาแล้ว นอกเสียจากว่าพวกเขาตายอยู่บนเขา ไม่อย่างนั้นยังไงก็ต้องลงมา แล้วจะจับไม่ได้ยังไง?”
“ยังมีเส้นทางป่าทึบไม่ใช่หรือ?” ถงเม่าพูด
อะหลูยกมุมปากขึ้น “จะดีที่สุดถ้าพวกเขาลงมาจากเส้นทางป่าทึบ”
ถงเม่าตกใจ “แม่นางอะหลูได้ส่งคนไปเฝ้าที่ป่าทึบแล้วเหรอ?”
อะหลูเงยหน้าขึ้น พูดอย่างรำคาญเล็กน้อย “ท่านจะถามให้มากความทำไมกัน? แค่ทำหน้าที่ของท่านให้ดีก็พอ ไปเถอะ จัดคนไปเยอะหน่อย ขอเพียงพบว่าพระชายารัชทายาทอยู่ในกลุ่มคนที่ลงมาจากเขา ก็ส่งสัญญาณทันที ท่านแม่ทัพก็จะไปในทันที”
ถงเม่าทำได้เพียงร่ำลาแล้วจากไป
เพิ่งจะมาถึงลานสวน ก็เห็นพระชายาอานเดินเข้ามา พระชายากับภรรยาของบัณฑิตถงรู้จักกัน ไปมาหาสู่กันครั้งคราว จึงรู้จักบัณฑิตถงด้วย เห็นเขาอยู่ตรงนี้ ก็แปลกใจเล็กน้อย “ใต้เท้าถงทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้?”
ถงเมาพยายามกลั้นใจไปหนึ่งที กล่าวอย่างเรียบเฉย “คำนับพระชายา ข้าน้อยเดิมจะมาท่านอ๋อง ไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะไม่อยู่”
พูดจบ เขาก็เดินจากไป
พระชายาอานแปลกใจเล็กน้อย ท่านอ๋องก็ต้องไม่อยู่อยู่แล้ว ในราชสำนักมีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าท่านอ๋องอยู่ในค่ายล่ะ? ดูเหมือนเขาจะโกรธอะไรสักอย่าง มันเรื่องอะไรกัน?
นางมองไปทิศทางของห้องหนังสือ เมื่อกี้ใต้เท้าถงออกมาจากห้องหนังสือ เป็นอะหลูที่อยู่ข้างใน?
ด้วยเหตุนี้นางจึงได้พาสาวใช้เดินขึ้นบันไดหิน ผลักประตูห้องหนังสือออก ก็เห็นอะหลู่นั่งอยู่บนเก้าอี้จริง เดิมนั้นนั่งหลับตาอยู่ เห็นประตูถูกผลักออก นางก็ลืมตาทันที มองพระชายาอานด้วยสายตาที่คมกริบ “ท่านมาได้อย่างไร?”
พระชายาอานถูกไอเย็นในสายตาของนางทำให้ตกใจไปแล้ว พูดอ้ำๆอึ้งๆโดยไม่รู้ตัว “ข้าเห็นใต้เท้าถุงเดินออมาจากห้องหนังสือ เขา…….มาที่นี่ทำไม?”
อะหลูกล่าวอย่างเย็นชา “เขาก็ต้องมาเรื่องงานอยู่แล้ว ต่อไปพระชายาอานก็มาที่ห้องหนังสือน้อยหน่อย หลีกเลี่ยงการเจอคนที่ไม่ควรจะเจอ กลับไปเถอะ”
พระชายาอานเป็นคนนิสัยอ่อนแอ เห็นสายตาที่คมกริบของนาง ไม่อยากให้มีการปะทะ ก็เลยไม่ถาม เพิ่งจะหันหลัง ก็ได้ยินสาวใช้พูดอย่างไม่พอใจ “เจ้าทำไมถึงพูดจาเช่นนี้กับพระชายา? ท่านอ๋องไม่อยู่ที่จวน ในจวนก็ต้องเคารพพระชายาเป็นหลัก เจ้าเป็นแค่ที่ปรึกษา แม้แต่ชายารองก็ไม่ใช่ ทำไมถึงกล้าไร้มารยาทกับพระชายา?”
แววตาของอะหลูเย็นชาขึ้นมาทันที ลุกขึ้นเดินมาตรงหน้าพระชายาอาน มองพระชายาอานไปครู่หนึ่ง จึงได้ใช้ฝ่ามือตบไปที่ใบหน้าของสาวใช้ กล่าวอย่างเฉียบขาด “แค่สาวใช้อย่างเจ้าก็กล้าที่จะมาสั่งสอนข้า? โชคดีที่พระชายาอานรู้ว่าเป็นเพราะข้าไม่อยากเป็นชายารองในเรือนนี้ อย่าว่าแต่ชายารองเลย ต่อให้จะให้ข้าเป็นพระชายาข้ายังไม่อยากเป็นเลย ฝ่ามือนี้ถือเป็นการสั่งสอนเจ้าต่อไปพูดจาให้ผ่านสมองก่อน ไม่ใช่คำพูดอะไรก็พูดออกมา ด่าข้านั้นไม่เป็นไรหรอก แต่มันจะทำให้พระชายาขายหน้า”
สาวใช้กุมหน้าอย่างคับข้องใจ เมื่อเห็นใบหน้าของพระชายาตัวเองที่สงบนิ่ง ในใจมีความโกรธแต่ไม่สามารถระบายได้ ทำได้เพียงเงียบ
ในใจพระชายาอานนั้นไม่พอใจอย่างมาก คำพูดของอะหลูดูเหมือนจะสั่งสอนสาวใช้ แท้จริงแล้วกำลังพูดให้นางฟัง ความหมายก็คือขอเพียงนางยินยอมเป็นผู้หญิงของท่านอ๋อง ก็จะไม่เป็นแค่ชายารอง แต่จะเป็นพระชายา นางซึ่งเป็นพระชายาอานก็ต้องหลีกทางให้นาง
แต่จำได้ว่าท่านอ๋องเคยพูดว่าอะหลูมีประโยชน์อย่างมาก ท่านอ๋องก็ไม่อยู่ เพื่อไม่ให้นางขุ่นเคือง จึงได้พูดกับนาง “สาวใช้ไม่รู้ประสา เจ้าก็อย่าโกรธเลย ต่อไปข้าจะมาให้มันน้อยหน่อย”
อะหลูเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ส่วนโค้งมุมปากที่เฉียบคม ในแววตาแฝงไว้ด้วยความดูถูก “พระชายาค่อยๆเดิน!”
พระชายาอานหันหลังเดินจากไป สาวใช้วิ่งตามไป พูดอย่างคับข้องใจ “พระชายาท่านทำถึงยอมให้นางรังแกล่ะ? คำพูดเหล่านั้นเห็นได้ชัดว่านางจงใจจะพูดให้ท่านฟัง นางอยากได้ตำแหน่งพระชายาของท่าน”
พระชายาอานยิ้มอย่างอ่อนโยน “นางอยากได้ก็ให้นางอยากได้ ท่านอ๋องไม่ยอมก็พอ”
“แต่ก็ไม่ควรที่จะให้นางเหิมเกริมขนาดนี้ หากเป็นอย่างนี้ต่อไป อนาคตในจวนอ๋องอานคนอื่นคงรู้จักแต่นางอะหลู ไม่รู้ว่ามีท่าน” สาวใช้กล่าวอย่างร้อนใจ
พระชายาอันพูดปลอบใจ “ข้ารู้ว่าเจ้าลำบากใจแล้ว เจ้าก็อดทนเอาไว้ ข้าเชื่อว่าท่านอ๋องเก็บนางไว้ต้องมีเจตนาของเขา”
“จะมีเจตนาอะไรได้อีก? มองหน้าใบนั้นของนางก็รู้ว่าไม่ปกติ” สาวใช้กล่าวอย่างโกรธเคือง
พระชายาอานขมวดคิ้วเล็กน้อย นั่นน่ะสิ เก็บอะหลูไว้มีประโยชน์อะไร? ท่านอ๋องบอกว่านางมีประโยชน์มาก มีประโยชน์มากอะไร? บัดนี้ท่านอ๋องก็อยู่ในค่าย ต่อไปก็ทำงานสร้างผลงาน ช่วยราชสำนักออกแรง เก็บที่ปรึกษาไว้ในจวน คิดจะทำอะไรกันแน่นะ?
ในใจพระชายาอาน ก็สงสัยขึ้นมาทันที
กลับมาพูดถึงท่านชายสี่กับทังหยางขึ้นไปบนเขา หยวนชิงหลิงเห็นเขาสองคนที่มาอย่างกะทันหัน ก็หนักใจเล็กน้อย ช่วงนี้ราบรื่นเกินไป ตามกฎที่ว่าเรื่องราวราบรื่นเกินไปมักจะมีปัญหา สามารถราบรื่นมาตั้งหลายวันตัวนางเองยังรู้สึกไม่สบายใจ
หลังจากที่หยวนชิงหลิงรักษาผู้ป่วยรายหนึ่งเสร็จแล้ว ก็ลุกขึ้นไปล้างมือ เดินไปตรงหน้าของท่านชายสี่กับทังพยาง แล้วหยิบหน้ากากออกมา “สวมแล้วค่อยคุยกัน”
ทั้งสองคนก็สวมมันตามคำพูด ท่านชายสี่เดินไปทั่ว ทังหยางพาหยวนชิงหลิงไปตรงประตู “วันนี้มีคนยื่นหนังสือร้องเรียน ฮ่องเต้ได้สั่งการอย่างเด็ดขาดห้ามไม่ให้ท่านขึ้นมาที่เขาโรคเรื้อนอีก ตอนนี้ปากทางลงเขาก็มีคนเฝ้าอยู่ รอจับตัวท่านน่ะ ดังนั้นคืนนี้ลงเขา ลงทางเดิมไม่ได้แล้ว”
หยวนชิงหลิงร้อนใจขึ้นมาทันที “ไม่ขึ้นมาจะได้อย่างไร? ยังมีผู้ป่วยตั้งมากมายที่ยังไม่ได้รักษา”
ทังหยางมองเข้าไป ผู้ป่วยบางคนความรู้สึกไวได้มองมาแล้ว ใบหน้าของพวกเขาไม่มากก็น้อยสามารถมองออกถึงความกังวล เพราะว่าที่นี่คนแปลกหน้ามาน้อยมาก
ทังหยางมองหยวนชิงหลิงแล้วถาม “สามารถเอายาไว้ให้พวกเขารักษาเองมั้ย?”
“ไม่ได้ การใช้ยาต้องคอยสังเกต และต้องให้ยาตามสถานการณ์ ไม่สามารถที่จะทิ้งยาให้พวกเขาฝ่าฟันชะตากรรมเอง”
ในทันทีทังหยางก็ไม่มีวิธี “คืนนี้ลงจากเขาแล้วค่อยหารือกับรัชทายาทเถอะ คืนนี้ห้ามให้คนจับได้ ไม่อย่างนั้นท่านก็จะถูกกะบริเวณ ก็ไม่ต้องคิดที่จะมาอีกเลย”
หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างกลุ้มใจ “มาช่วยกันเถอะ วันนี้พยายามรักษาให้ได้มากที่สุด ค่ำๆค่อยลงเขา”
นางเดินไปสองก้าว หันไปถามทังหยาง “ไอ้แก่ห้าล่ะ?”
“วันนี้สะพานหูเฉิงเกิดเรื่องแล้ว เขากำลังจัดการอยู่ตรงนั้น ผู้ตายกับบาดเจ็บมากกว่าสิบคน” ทังหยางกล่าว
เกิดอุบัติเหตุ คนตาย มันเป็นเรื่องที่ทำให้คนรู้สึกเศร้า หยวนชิงหลิงปรับสภาพจิตใจ แล้วก็ทำงานต่อ
เมื่อถึงเวลาที่จะลงเขา ทังหยางเตรียมคบเพลิง บอกว่าจะข้ามป่าทึบ ท่านชายสี่กลับพูดว่า “ไม่จำเป็น ให้กลับเส้นทางเดิม เส้นทางป่าทึบได้ถูกล้อมไว้นานแล้ว”
ทังหยางตกใจเล็กน้อย “ป่าทึบมีคนล้อมอยู่? ท่านชายสี่รู้ได้อย่างไร?”
ท่านชายสี่ยกมุมริมฝีปากขึ้น กลอกตาไปหนึ่งที “ข้าเดา”
ผู้คนตกตะลึง เดา? ใช้เดาได้ด้วยเหรอ?
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทังหยางครุ่นคิดแล้ว ก็เห็นด้วยกับคำพูดของท่านชายสี่ หากว่าทางลงเขามีคนเฝ้าอยู่ จะเป็นไปได้อย่างไรที่เส้นทางป่าทึบจะไม่มีคน? เกรงว่าคงจะคาดการณ์ได้นานแล้วว่าพวกเขาจะใช้เส้นทางป่าทึบในการลงเขา ดังนั้นจึงได้จัดคนไปดักจับตั้งมากมาย
“แต่ว่าหากกลับทางเดิม จะหลบเลี่ยงคนที่เฝ้าอยู่ข้างล่างได้อย่างไร?” ทังหยางถามท่านชายสี่
ริมฝีปากบางของท่านชายก็ขยับ เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ “ก็เดินลงไปอย่างเปิดเผย”