บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 62 เจตนาของฮ่องเต้
บทที่ 62 เจตนาของฮ่องเต้
อ๋องซุนหัวเราะแฮ่ๆ “ข้าแค่รู้สึกว่าเจ้าเหมาะสมกว่า พี่ใหญ่ก็น่าจะอยากเป็น แต่ว่าข้าไม่ชอบพี่ใหญ่ ก็ไม่เสนอเขาอยู่แล้ว”
สีหน้าของทังหยางก็มืดมนไปด้วย กล่าว “ท่านอ๋องซุน ท่านเสนอเช่นนี้ มันจะเป็นการทำร้ายท่านอ๋องฉู่”
อ๋องซุนตกใจ จะเป็นการทำร้ายเขาได้อย่างไร? ข้าก็พูดไปแบบนั้นเอง ก็ไม่ถึงกับเสนออย่างเป็นทางการ อีกอย่างเสด็จพ่อก็ไม่ฟังข้าอยู่แล้ว ทังหยางเจ้าระมัดระวังเกินไปแล้ว การเป็นคนอย่างเจ้า จะมีความสุขได้อย่างไรกัน?
ทังหยางไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี ท่านนั้นก็รู้ตัวดี รู้ทั้งๆรู้ว่าฮ่องเต้ไม่ฟังท่าน ท่านไยต้องพูดอีกล่ะ? ท่านอ๋องซุนผู้นี้ช่างไร้เดียงสาจริงๆเลย
อ๋องซุนเห็นสีหน้าของทุกคนไม่ดีเอาเสียเลย ก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นพูดผิดไปแล้ว ก็ตบปากของตัวเองไปหนึ่งที “ปากโง่ๆของข้า พูดอะไรผิดอีกแล้วใช่มั้ย?”
“ไม่เป็นไร” หยู่เหวินเห้าส่ายหัว “พูดไม่ผิด พี่รองเพียงแค่ชื่นชมข้า เสนอข้ามันก็ไม่ผิดหรอก”
ตาของเขายังคงมองออกไปข้างนอกตลอดเวลา หยวนชิงหลิงยังไม่กลับมาเลย เสด็จพ่อกำลังโกรธอยู่ จะลงโทษนางอย่างไรหนา?
อ๋องซุนกินขนมจนหมดแล้วก็จากไป ก่อนที่จะไปยังได้ด่าสาปแช่งคนที่ทำร้ายหยู่เหวินเห้า ถือว่าแสดงน้ำใจของพี่น้องอย่างเต็มที่ อย่างไรเสีย เขาก็ยังได้หยิบยาเม็ดจื่อจินของตัวเองยื่นให้กับทังหยาง
หยู่เหวินเห้าบอกว่าไม่เอา เขาก็ได้โยนมันไปที่ตัวของหยู่เหวินเห้าโดยตรง “ของนี้ไม่อร่อยสักหน่อย ข้าไม่เอา อีกอย่าง ข้าก็ไม่ได้ต้องการตำแหน่งรัชทายาท ไม่มีใครจะมาทำร้ายข้าหรอก”
โยนเสร็จ ก็ออกไปเลย
ทังหยางรีบเก็บมันเหมือนกับของล้ำค่า กล่าว “ท่านอ๋องก็ซุนยังคงห่วงใยท่านอ๋องมาก”
หยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างเบาๆ “ข้ารู้”
พี่รองดูแล้วเหมือนจะไม่ถามอะไรเลย แต่ในใจของเขานั้นรู้ดี การแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทนั้น มันเริ่มดุเดือดรุนแรงขึ้นแล้ว
หลังจากที่อ๋องซุนไปแล้วครึ่งชั่วยาม หยวนชิงหลิงถึงจะกลับมา
หยู่เหวินเห้ายังไม่ทันรอให้นางนั่งลงก็ถามขึ้น “เสด็จพ่อลงโทษเจ้าอย่างไร?”
หยวนชิงหลิงมองเขา แล้วกล่าว “ไม่ได้ลงโทษข้า เรื่องไข่มุกหนันก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ถามเพียงแค่เรื่องที่ท่าจะแต่งชายารอง ก็ถอยออกมากันหมด จากนั้นไท่ซ่างหวงก็ให้ข้าออกจากวัง”
อาการบาดเจ็บของเขาไม่เหมาะกับการเคลื่อนไหว แต่ว่าหยวนชิงหลิงก็ไม่ได้พูดมันออกมา
การอยู่หรือตายของเขาเกี่ยวอะไรกับนางล่ะ?
“เรื่องไข่มุกหนัน ก็จบเพียงเท่านี้รึ?” หยู่เหวินเห้าไม่เชื่อ แต่ว่า ข่าวที่อยู่ในห้องหนังสือ เป็นข่าวปิดมาโดยตลอด เขาที่พยายามสืบก็ไม่เคยสืบมันได้
“ใช่ จบแล้ว” หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยสีหน้าที่ปกติ
แต่ทังหยางนั้นกลับจับจุดได้ “เรื่องที่ฮ่องเต้บอกว่าจะให้ท่านอ๋องแต่งชายารอง? แล้วพระชายาพูดว่าอย่างไร?”
“ข้าเห็นด้วย” หยวนชิงหลิงกล่าว
ทังหยางแปลกใจเล็กน้อย นางเห็นด้วย? เห็นด้วยอย่างง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ?
หยู่เหวินเห้าไม่พูด สำหรับเรื่องแต่งชายารอง แต่ไหนแต่ไรก็เป็นความคิดของท่านแม่ เขารู้เจตนาของท่านแม่ดี ยังอยากที่จะดองกับตระกูลฉู่
แต่ว่าลูกสาวตระกูลฉู่ เขาชอบแค่คนเดียว ไม่ใช่นาง คนอื่นเขาก็ไม่ได้สนใจ
ทังหยางกับสวีอีจัดการเรื่องออกจากวัง หยู่เหวินเห้านั้นเดินออกไปไม่ได้ ทำได้เพียงแบกออกไป
ฮ่องเต้หมิงหยวนรับสั่งให้กู้ซือใช้รถม้าไปส่ง รถม้าในวังกว้างใหญ่นั่งสบาย จะทำให้เขาทรมานน้อยลง
หยวนชิงหลิงนั่งอยู่ข้างกายเขา ทังหยางเป็นคนควบรถม้า สวีอีกับกู้ซือเปิดทางอยู่ด้านหน้า ดูยิ่งใหญ่ไม่น้อย
แม่นมสี่ก็เก็บข้าวของ นั่งอยู่บนรถม้าคันเล็กที่วิ่งตามอยู่ด้านหลัง
หยู่เหวินเห้าหลับตาอยู่ รถม้ายังก็ต้องเจอเนินเจอบ่อหลุมบ้าง ก่อนหน้านี้ยาเม็ดจื่อจินที่อ๋องชินลุ่ยให้ทำให้พอมีแรงบ้าง บัดนี้ ฤทธิ์ยาของจื่นจินหมดลงแล้ว อาการสาหัสเกินไป เมื่อเจอเนินเจอบ่อหลุมมันช่างทำให้เขาเจ็บปวดนัก
หยวนชิงหลิงเดิมไม่อยากที่จะสนใจ แต่ว่า เห็นเขาขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าแสดงออกถึงความเจ็บปวด ก็เลยหยิบกล่องยาออกมาฉีดยาแก้ปวดให้เขา
หยู่เหวินเห้าไม่ออกเสียง หลังจากฉีดยาแก้ปวด เขารู้สึกความเจ็บปวดลดน้อยลง จึงค่อยๆลืมตาขึ้นมามองหยวนชิงแวบหนึ่ง
หยวนชิงหลิงมัวแต่สนใจกล่องยา ไม่ได้มองเขา ปอยผมหน้าที่ปล่อยลงมา ปิดบังหางตาเอาไว้
“เสด็จพ่อไม่กล่าวโทษเจ้าจริงๆเหรอ?” หยู่เหวินเห้าถามด้วยเสียงที่แหบแห้ง
หยวนชิงหลิงปิดกล่องยาแล้ว กล่าวอย่างเรียบเฉย “เสด็จพ่อเป็นคนที่สังเกตการณ์เก่ง รู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า ก็ต้องไม่ลงโทษข้าอยู่แล้ว” “ใครเป็นคนทำ? ทำไมแม่นมสี่จึงออกจากวังมาพร้อมกับเจ้า?”
“ท่านหญิงเสียนเฟยก็อยู่ในห้องหนังสือ บางที รอให้ท่านอ๋องหายดีแล้ว ค่อยไปถามท่านหญิงเสียนเฟยละกัน” หยวนชิงหลิงจากมีประสบการณ์แล้ว ก็ไม่พูดถึงเรื่องของฉู่หมิงชุ่ยต่อหน้าเขาอีก
หลังจากที่กลับถึงจวนแล้ว นางก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตที่อึดอัดแบบนี้อีกแล้ว ปัญหายิ่งน้อยยิ่งดี
ได้ยินว่าเสียนเฟยก็อยู่ในนั้นด้วย หยู่เหวินเห้าก็ค่อยๆขมวดคิ้วขึ้น
ท่านแม่สุขภาพไม่ดี แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยยุ่งเรื่องในวัง ทำไมครั้งนี้จึงไปร่วมด้วยล่ะ?
เรื่องที่เขาบาดเจ็บสาหัส เสด็จพ่อก็ได้ปิดข่าวไม่ได้รั่วไหลไปถึงวังหลัง อีกอย่างเขาก็พักอยู่ตำหนักด้านข้าง ก็เพราะกลัวว่าวังหลังจะรู้
หยวนชิงหลิงหลับตาลง หัวพิงอยู่ตรงขอบหน้าตา สัมผัสถึงสายลมเย็นที่แทรกซึมเข้ามา หัวใจก็ดูเหมือนจะถูกย้อมด้วยความอ้างว้างในฤดูใบไม้ร่วง
หยู่เหวินเห้ามองนาง แสงอาทิตย์ได้ตกอยู่บนแก้มของนาง มีแสงที่อ่อนโยน แต่แก้มอีกข้างหนึ่ง กลับมืดมนและเย็นชา
สองสามวันก่อน นางก็คือคนที่มีใบหน้าที่อ่อนโยน บัดนี้ เหลือเพียงแต่ความมืดมนและเย็นชา
กลับถึงจวนอ๋องฉู่ หลังจากที่หยวนชิงหลิงลงจากรถม้าแล้วก็พาแม่นมสี่ไปที่หอเฟิ่งหยี
ลู่หยากับแม่นมฉีเห็นนางพาแม่นมคนหนึ่งมาจากในวังก็รู้สึกแปลกใจอย่างมาก หยวนชิงหลิงก็ไม่อยากจะอธิบาย เพียงแค่ให้แม่นมฉีจัดการที่พักให้กับแม่นมสี่ จากนั้นก็สั่งลู่หยา “เตรียมน้ำอุ่นให้ข้า ข้าจะอาบน้ำ”
เตรียมน้ำอุ่นมาแล้ว ก็ได้เทมาลงในถังไม้ขนาดใหญ่ ลู่หยาเตรียมที่จะโปรยดอกไม้แห้ง หยวนชิงหลิงก็กล่าวขึ้น “ไม่ต้องใส่อะไรทั้งนั้น พวกเจ้าออกไปเถอะ หากข้าไม่เรียก ไม่ต้องเข้ามา”
“เจ้าค่ะ!” ลู่หยารู้สึกนางแปลกๆไป แต่ก็ไม่กล้าถาม หันหลังออกไปแล้วก็ปิดประตู
หยวนชิงถอดเสื้อผ้าออก ก้าวลงไปในถังอาบน้ำ ที่จริงบาดแผลยังไม่ควรจะโดนน้ำ แต่นางต้องการผ่อนคลาย
น้ำร้อนเล็กน้อย และมีอาการเจ็บที่แผลอย่างเห็นได้ชัด นางกลั้นหายใจ และจุ่มหัวลงไปในน้ำ จนรู้สึกว่าช่องอกของนางกำลังจะระเบิดแล้ว นางก็ดำน้ำขึ้นมาหายใจเฮือกใหญ่ จนรู้สึกว่าลมหายใจกลับมาเป็นปกติ เลือดไหลเวียนไปทั่วร่าง
ในห้องเงียบสงบ ด้านนอกมีเสียงฝีเท้าคนเดิน หูของนางไวมาก สามารถได้ยินเสียงใบไม้ร่วง ยังสามารถแยกแยะเสียงได้ดี เป็นเสียงหมาเห่า แต่ฟังดูแล้วเหมือนมาจากที่ไกลแสนไกล
เสียงของหมาเห่า ทำให้นางมีความรู้สึกอยู่ในชีวิตจริง
จริงๆแล้วช่วงเวลานี้ นางใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในความฝันมาโดยตลอด เป็นฝันที่โหดร้าย พื้นดินที่เหยียบลงไปยังรู้สึกไม่ใช่พื้นจริง และทุกครั้งก่อนเข้านอน มักจะคิดว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้ว จะพบว่ามันเป็นเพียงแค่ฝันร้าย
แต่ว่าเสียงหมาเห่านี้ ทำให้เขาเห็นถึงโลกมนุษย์
นานแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงห้องทดลอง นางหวังว่าคืนนี้หลังจากหลับไปแล้ว สามารถฝันถึงห้องทดลอง ทำให้นางมีที่ที่สามารถจะหายใจได้
แช่น้ำไปประมาณสิบห้านาที น้ำค่อยๆเย็นลง นางจึงลุกขึ้นมา
ฆ่าเชื้อ ทายา ฉีดยา นางรู้สึกว่าสองมือของนางสามารถหมุนไปที่หลังได้แล้ว การทำแผลไม่ได้มีความยากลำบากอะไร คอก็เหมือนกัน แม้กระทั่งแผ่นหลังของตัวเองก็มองเห็นได้แล้ว ร่างของหยวนชิงหลิงนั้นมีความยืดหยุดดีมาก