บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 653 หรงเยว่จะก่อเรื่องวุ่นวาย
หรงเยว่เบ้ปาก “พูดถึงอะหลูผู้นั้นนะสิ สาวใช้ของพี่สะใภ้สี่เมื่อครู่เอ่ยว่าอะหลูมักตั้งใจยั่วยุพระชายาอาน อะหลูผู้นั้นข้าว่าจิตใจคับแคบ นางมีสถานะใด แต่ก่อนไม่แต่งนางเป็นชายารอง เป็นแค่หญิงจัดการดูแลจวนอ๋อง อาศัยสิ่งใดจึงยั่วยุนายหญิง หากไม่ตั้งกฎ นางคงไม่รู้ว่าตนอยู่ในสถานะใด”
หยวนชิงหลิงมองยังพระชายาอาน นางสวมเสื้อคลุมสีแดงตัวหนึ่ง ขดตัวอยู่บนเตียงไม้แกะจีนโบราณในสมัยนั้น (แบบยกซุ้ม) สีหน้าซีดเซียว มุมปากประดับด้วยรอยยิ้มฝืนทนแทบจะร้องไห้ออกมา ดวงตาแวววาว คล้ายจะกลายเป็นหยดน้ำตาไหลรินลงมาได้ทุกเมื่อ
บริเวณหน้าท้องนางยังไม่นูนขึ้น แต่คงไม่รวดเร็วเช่นนั้น อายุครรภ์ตอนนี้อย่างมากเพิ่งสองเดือน แต่ผอมจนน่าสงสาร โดยเฉพาะใบหน้านั้น ขนาดเท่าฝ่ามือ นั่งอยู่ตรงนั้นร่วมวงหัวเราะกับทุกคนอย่างน่าสงสาร เปี่ยมด้วยความรู้สึกไม่สอดคล้อง
เสียงพูดคุยของหยวนชิงหลิงเลี่ยงอ่อนโยนลงบางส่วนไม่ได้ “พี่สะใภ้สี่ สุขภาพเป็นเช่นไรเพคะ?”
พระชายาอานยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนเอ่ยอย่างอ่อนโยน “นอกจากทานไม่ได้ เรื่องอื่นล้วนดีทุกอย่าง ขอบคุณพระชายารัชทายาทที่ทรงห่วงใย”
พระชายาซุนโผงผางไม่กลัวผู้ใด จึงเอ่ยกับหยวนชิงหลิงว่า “ก่อนนี้ตอนเจ้าตั้งครรภ์เหล่าขนมหวานก็อาเจียนแทบตายเช่นกัน ต่อมาทานยาตำรับใดถึงดีขึ้นหรือ เช่นนั้นเจ้ามอบยาสักตำรับให้นางรู้สึกดีขึ้นหน่อยเถิด นางผอมเช่นนี้ เห็นแล้วปวดใจนัก”
หยวนชิงหลิงมองพระชายาซุน ในใจเบื่อหน่ายเล็กน้อย พี่สะใภ้รองพูดจามักไตร่ตรอง
ตำรับยาใด ๆ ที่นางมอบให้พระชายาอาน สุดท้ายยาตำรับนี้ล้วนสามารถกลายเป็นยาพิษ ผู้ใดจะกล้ามอบกัน?
โชคดีพระชายาจี้สมองเฉียบแหลม นางกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “สตรีทุกข์ทรมานที่สุด ไม่มีสิ่งใดมากไปกว่าการตั้งครรภ์สิบเดือน ตอนเริ่มแรกอาเจียน ไม่อยากอาหาร จะกล้าทานยาได้เช่นไร ทานยากลัวทำร้ายเด็ก จึงยอมอดทนเอง พระชายาอาน ไม่ต้องกังวล อาการอาเจียนนี้มีเพียงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ ผ่านสามเดือนนี้ไปก็ดีขึ้น อดทนหน่อยเถิด”
พระชายาอานยื่นมือลูบไล้หน้าท้องเล็ก ใบหน้าจึงปรากฏความอ่อนโยน “ตอนนี้แม้จะยากลำบาก แต่ยังโชคดีที่ท่านอ๋องกลับมา คอยอยู่ข้างกายตลอดเวลาแล้ว เช่นนี้ถือไม่เป็นไร และจะเป็นแม่คนไม่สามารถทนความทรมานได้เช่นไร ข้าทนได้”
สมองพระชายาซุนค่อยคิดขึ้นมาได้ จึงกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ใช่สินะ ตอนข้าตั้งครรภ์จวิ้นจู่ ต้องทรมานหลายอย่างเช่นกัน สุดท้ายฝืนทนผ่านมาได้ เมื่อเห็นท่าทางน่ารักของเด็กน้อยนั้น รู้สึกว่าความทุกข์ทรมานทั้งหมดล้วนคุ้มค่า”
หรงเยว่มาถึงเร็ว เมื่อครู่เห็นพระชายาอานอาเจียน นางรู้สึกหวาดกลัว จึงเอ่ยอย่างหนักแน่นว่า “ต่อไปข้าจะไม่มีลูก ทานของหวานคำเดียว อาเจียนอย่างหนัก น่าหวาดกลัวยิ่งนัก”
“จะรอดูเจ้าจะหน้าแตก” หยวนชิงหลิงกล่าวยิ้ม ๆ ขึ้น “หากพูดเพียงคำเดียวว่าเจ้าหกชอบเด็ก ข้าเดาว่าเจ้าต้องคลอดเป็นโหล”
หรงเยว่หัวเราะหึหึขึ้นมา “เขาตามใจข้า เรื่องนี้ข้าสามารถตัดสินใจเองได้ ข้าบอกไม่มีลูก เขาไม่กล้าคัดค้านแน่”
ทุกคนเพียงคิดว่าเป็นเรื่องขบขัน คนเพิ่งแต่งงานพูดจาล้วนค่อนข้างโง่เขลา
สาวใช้ของพระชายาอานกำลังปรนนิบัติยกน้ำชาและขนมหวาน เมื่อเห็นพระชายาอานนั่งอย่างยากลำบาก เอ่ยขึ้นว่า “พระชายาเพคะ ท่านนอนลงพักผ่อนดีหรือไม่เจ้าคะ?”
พระชายาอานส่ายมือ “ไม่ต้องห่วง ยากนักที่จะคึกคักเช่นวันนี้ ข้าอยากคุยอยู่ที่นี่”
พระชายาจี้มองมา เห็นสีหน้านางซีดขาวอย่างหนัก พลันกังวลขึ้นมา “ไม่เป็นอันใดแน่หรือ?”
พระชายาอานส่ายหน้า “ไม่เป็นไร เพียงพักนี้ท้องมักเจ็บปวด ท่านหมอสั่งให้บำรุงครรภ์ และทานยาบำรุงครรภ์ตลอด ไม่ต้องกังวล”
หยวนชิงหลิงมองนาง และคิดว่านางผิดปกติอย่างยิ่ง จึงเอ่ยว่า “เจ้าต้องระวังให้ดีจึงจะถูก ไปพักผ่อนก่อนเถอะ ไม่ต้องอยู่ต้อนรับพวกเรา ล้วนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน”
พระชายาอานหัวเราะขึ้นมา ก่อนพลันเงยหน้า หางตาเอ่อคลอดด้วยน้ำตา “ข้าอยากพูดคุยกับพวกท่าน นอนอยู่คนเดียวมักคิดเรื่อยเปื่อย มิสู้อยู่ร่วมชมความสนุก”
ทุกคนเห็นนางพลันร้องไห้ ล้วนตกตะลึง หลังทุกคนมองสบตากันแวบหนึ่ง พระชายาซุนถอนหายใจพลางเอ่ยเบา ๆ ว่า “เพราะเจ้าสี่แต่งชายารองสินะ เจ้าสี่นี่ก็จริง ๆ แต่งเวลาอื่นไม่ได้หรือ ต้องแต่งตอนเจ้าตั้งครรภ์ รีบร้อนเสียจริง”
พระชายาอานยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ก่อนเอ่ยอู้อี้ “ช้าเร็วต้องแต่ง แต่งเร็ว ถือว่าทำให้ข้าสมปรารถนาไปหนึ่งเรื่อง”
นางเช็ดน้ำตา ฝืนยิ้มออกมา “ช่างเถิด ข้าไปนอนพักดีกว่า เอ่ยคำพูดเสียความรู้สึกเช่นนี้ ทำให้ทุกคนไม่สนุกสนาน”
เอ่ยจบ นางให้อะฉ่ายประคองนางลุกขึ้น
พระชายาซุนก็ยืนขึ้น เผยสีหน้ากังวลออกมา ก่อนกำชับอะฉ่าย “ดูแลพระชายาพวกเจ้าให้ดี”
อะฉ่ายย่อกาย “บ่าวทราบเจ้าคะ ขอพระชายาซุนโปรดวางใจ”
พระชายาอานเข้าไปพักผ่อน พวกนางหลายคนกลับเกรงใจไม่กล้าพูดจาเสียงดังอยู่ที่นี่ จึงต่างลุกเดินออกไป
หรงเยว่นิสัยใจร้อน เมื่อครู่ได้ยินอะฉ่ายเอ่ยเรื่องอะหลู ในใจโมโหขึ้นมา จึงเอ่ยอย่างเดือดดาล “ข้าดูรู้ว่าถูกนางจิ้งจอกนั้นทำให้โมโห หากข้าเจอนาง ต้องจัดการนางสักยก”
หยวนชิงหลิงเอ่ยว่า “หรงเยว่อย่าวู่วาม นี่คือเรื่องภายในจวนอ๋องอาน พวกเราไม่ควรเข้าไปยุ่งให้มาก”
หยวนชิงหลิงรู้ตอนนี้การแย่งชิงบัลลังก์ค่อย ๆ ดึงเจ้าหกเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว หากหรงเยว่สร้างเรื่องใหญ่โตใดขึ้นมา ไม่รู้อ๋องอานเด็กที่ร้ายกาจผู้นี้จะจัดการเจ้าหกเช่นไร ดังนั้นจึงเตือนสติหยงเยว่ไว้ก่อนสักประโยค
แต่หรงเยว่สมกับเป็นนักพเนจร ไม่สนใจเรื่องปากหวานก้นเปรี้ยวของราชวงศ์เหล่านั้น รู้เพียงพระชายาอานคือพี่สะใภ้ของนางและเจ้าหก ถูกคนรังแกเช่นนี้ นางจึงโกรธเคือง และปกตินางถือคติมีบุญคุณทดแทน มีแค้นต้องชำระ จะสนใจคำพูดของหยวนชิงหลิงเช่นไร?
หยวนชิงหลิงก็มองออกจากแววตาลุกโชนของนาง แม้กังวลใจ เพียงคิดว่าวันนี้จับตาดูนางไว้เสียหน่อย อย่าให้ก่อเรื่องอันใด เจ้าหกนิสัยเรียบง่าย ชอบใช้ชีวิตอย่างสงบสุข บาดหมางกับเจ้าสี่จริงคงไม่ดีแน่
เหล่าสะใภ้หลายคนหาสถานที่นั่งลงพูดคุยกัน เมื่อได้ยินเสียงประทัดดังจากด้านนอก คึกคักไม่ธรรมดา พวกนางก็ไม่ออกไป ไม่พบหน้ากันนาน พวกนางรวมตัวกันมีเรื่องพูดคุยกันไม่รู้จบ
ไม่นาน ได้ยินเสียงว่าถึงฤกษ์มงคลแล้ว ต้องเชิญพระชายารัชทายาท พระชายาจี้ และพระชายาอานออกไป ชายารองต้องการยกน้ำชาคำนับพวกนาง
พระชายาจี้และพระชายาซุนคือสะใภ้ ตำแหน่งอาวุโส ส่วนหยวนชิงหลิงเป็นพระชายารัชทายาท ตำแหน่งมีเกียรติ ดังนั้นพระชายาแต่งเข้ามา นอกจากต้องยกน้ำชาคำนับพระชายาอานแล้ว ต้องยกน้ำชาให้สะใภ้ใหญ่ที่และชายารัชทายาทที่มาร่วมงานด้วย
พระชายาอานถูกประคองออกมา นางงีบหลับไปครู่หนึ่ง สีหน้ายังไม่ดีขึ้น กลับยิ่งซีดเซียวลง ใต้ตาดำคล้ำเป็นวง แววตาไร้สติ ถูกอะฉ่ายประคองเข้ามา พยายามฝืนยิ้มที่ไม่น่ามองยิ่งกว่าร้องไห้ออกมา
อ๋องอานเห็นเช่นนั้น รีบเข้าไปกุมมือนาง ก่อนถามอย่างกังวล “เป็นอันใด?”
พระชายาอานยิ้มให้เขา “ไม่เป็นไรเพคะ เมื่อครู่เพิ่งตื่นนอน เลยรู้สึกไม่โปรดโปร่งอยู่บ้าง”
อ๋องอานประคองนางนั่งลงด้วยตนเอง ก่อนเอ่ยว่า “ไม่นานจะเรียบร้อยแล้ว เจ้าดื่มชาแล้วข้าจะส่งเจ้ากลับไปพักผ่อน”
“เพคะ!” พระชายาอานนั่งลงอย่างช้า ๆ รอยยิ้มแทบฝืนทนต่อไปไม่ไหว น้ำตาเอ่อคลอในดวงตายิ่งชัดเจนขึ้น
หยวนชิงหลิงและหรงเยว่พร้อมคนอื่น ๆ ก็รู้สึกสงสารนาง สามีตนรับอนุภรรยา ตนยังพยายามทำท่าทางดีใจออกมา
โดยเฉพาะหรงเยว่ ดวงตากลมโตคู่งามนั้นราวพ่นเปลวไฟออกมา คล้ายเกลียดจนอยากพังพิธีให้จบสิ้น
หยวนชิงหลิงเห็นแววตานี้ของหรงเยว่ ในใจตื่นตระหนกขึ้นมา วันนี้กลัวว่าต้องเกิดเรื่องร้ายแน่แล้ว