บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 664 หญิงชราที่เจ้าห้าหลงใหล
ไม่กี่วันต่อมา มีข่าวดีมาจากเขาโรคเรื้อน หลังจากหมอในโรงหมอหุ้ยหมิงและหมอหลวงได้ร่วมกันวินิจฉัยแล้ว พบว่าอาการของผู้ป่วยบนเขาถูกควบคุม และมีบางส่วนเกือบหายดีหมดแล้ว ตามคำบอกกล่าวของพระชายารัชทายาท ไม่ใช่เป็นโรคติดต่ออีกต่อไป
ยิ่งกว่านั้น หมอหลวงได้เห็นแนวทางใบสั่งยานี้ หลังจากกลับถึงวังแล้วจึงไปรายงาน แล้วถอนหายใจด้วยความอัศจรรย์ของแนวทางใบสั่งยา ซึ่งมีผลในการขจัดสารพิษห้ามเลือดและส่งเสริมการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ ตลอดจนมีผลในการกำจัดไวรัส ใช้แนวทางใบสั่งยานี้สามารถรักษาโรคให้หายได้อย่างแน่นอน
ฮ่องเต้หมิงหยวนดีใจมาก ออกราชโองการให้โลกรู้ และมอบรางวัลให้พระชายารัชทายาท โดยมอบเงินติดต่อกันสองสามครั้ง
หยวนชิงหลิงได้ขอให้ฮ่องเต้หมิงหยวนออกราชโองการ บอกว่าแม้โรคเรื้อนจะเป็นโรคติดต่อ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้เกิดความตื่นตระหนก เพียงต้องทำการป้องกันและกักตัว และเข้าสู่การรักษา และอัตราการรักษานั้นดีมาก
เหตุการณ์นี้ เป็นเหตุการณ์สำคัญในเป่ยถังจริงๆ นอกจากฮ่องเต้หมิงหยวนจะประกาศแนวทางใบสั่งยาออกไปแล้ว ยังออกคำสั่งให้เมืองหลวงและทั่วประเทศจัดงานเฉลิมฉลองอีกด้วย
ในเมืองหลวงก็จะต้องเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่
เมื่อเทศกาลฤดูหนาวมาถึง ดังนั้น การเฉลิมฉลองครั้งนี้จะฉลองพร้อมกันกับเทศกาลฤดูหนาว เจ้าหน้าที่รัฐจะหยุดสามวัน ที่ทำการปกครองจะจัดงานเฉลิมฉลองร่วมกับราษฎร หยู่เหวินเห้าเจ้ากรมการพระนครจะจัดงานเฉลิมฉลองดอกไม้ไฟในตอนกลางคืน
ดอกไม้ไฟจะมีเฉพาะในเทศกาลโคมไฟคือเดือนหนึ่งวันที่สิบห้าเท่านั้น แต่สามารถรักษาโรคเรื้อนจนหายขาด เป็นความสุขของประเทศ บีบบังคับให้ฮ่องเต้หมิงหยวนต้องใช้เงินทองมากมาย งานดอกไม้ไฟจะต้องจัดให้เลิศหรู
เจ้าหน้าที่และราษฎรเฉลิมฉลองร่วมกัน ในวังก็จัดงานเลี้ยงของครอบครัว และสมาชิกในราชวงศ์ต้องเข้าไปในวังเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำด้วยกัน
ย่าหยวนไม่ชอบความครึกครื้น และนางชอบสุนัข อยู่ในจวนจึงพาตอเป่าไปเดินเล่น ฝึกฝนสุนัข และฝึกหมาป่าหิมะด้วย
สุนัขมีความรอบรู้ในธรรมชาติของมนุษย์ ในยุคปัจจุบัน ทั้งชีวิตท่านย่าก็ได้ทำเรื่องช่วยเหลือสัตว์เร่ร่อน และคลุกคลีกับแมวและสุนัข
หยวนชิงหลิงกับรักฝูเป่าและตอเป่าขนาดนี้ เพราะว่าเห็นกันตั้งแต่เล็กๆ
ตอนเที่ยง หยวนชิงหลิงแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว คืนนี้นางจะเป็นจุดเด่น และเป็นที่จับตามองของทุกคน ดังนั้นแม่นมสี่จึงลงมือช่วยแต่งตัว แม้แต่พระชายาจี้ก็มาร่วมสนุกด้วย บอกว่าปกติหยวนชิงหลิงแต่งกายธรรมดามาก ทำให้เสียหน้าราชวงศ์ นางได้นำเอาปิ่นปักผมที่ล้ำค่าบางส่วนมา
และยังนำกำไลหยกทองคำกลวงคู่หนึ่งมามอบให้ย่าหยวนด้วย
พระชายาจี้เข้าใจคนได้ง่าย แม้ว่านางจะไม่รู้จักตัวตนของย่าหยวน แต่แขกที่มาจากราชวงศ์ต้าซิง และอาศัยอยู่ในจวนอ๋องฉู่ หยวนชิงหลิงก็เข้าๆออกพร้อมนาง คิดแล้วคงไม่ธรรมดา ดังคำที่ว่ามีมารยาทไม่มีใครว่า นางจะต้องลงมือก่อนถึงจะได้เปรียบ
ในคืนนี้หยวนชิงหลิงสวมชุดยาวปักลายดอกโบตั๋นสีแดง ด้านในหุ้มด้วยขนนกบางๆ และเสื้อคลุมด้านนอกสีดำปักด้ายสีทอง แต่งหน้า ทาลิปเขียนคิ้ว ด้วยการแต่งหน้าที่ละเอียด และสวมมงกุฏรูปหัวใจที่หลอมด้วยทอง มีสร้อยคอหินปะการังสีแดงคล้องคอ ปะการังสีแดงกลมทุกเม็ดกลมๆ ดูแพงมาก แต่งเช่นนี้ ดูสง่างามมาก
หยวนชิงหลิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย “มันจะหรูหราเกินไปหรือเปล่า?”
พระชายาจี้พูดเบาๆ “ปกติเจ้าจะแต่งตัวโทรมมาก ไม่มีรูปลักษณ์ของพระชายารัชทายาทเลย? ผู้คนเห็นแล้วจะคิดว่าราชวงศ์นั้นยากจนมาก”
หยวนชิงหลิงบ่นพึมพำ “ราชวงศ์นั้นก็ยากจนจริงๆ”
พระชายาจี้พูดว่า “ยากจนก็ต้องยากจนอยู่ภายในใจ และภายนอกต้องไม่จน แม้ว่าจะกินผัก ก็ต้องบอกคนอื่นว่ากินหอยเป๋าฮื้อและกินรังนก”
หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ต้องอย่างนั้นเลยหรือ?”
“ต้องอย่างนั้น มันเป็นเรื่องการมีหน้ามีตา พวกข้ามีสถานะสูงส่ง สิ่งที่ต้องใส่ใจคือการมีหน้ามีตา ไม่งั้นใครจะไปรู้ว่าพวกข้ามีสถานะสูงส่ง?” ความคิดของพระชายาจี้กับนางไม่เหมือนกัน เวลาที่ควรสูงส่งก็ต้องสูงส่ง แต่งตัวให้นางอีกสักพักถึงจะพอใจและพูดว่า “เพราะวันนี้เจ้าคือจุดสนใจ และห้ามเสียมารยาท มองย้อนกลับไปราชวงศ์กำลังแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน แต่เจ้ากลับเหมือนขอทาน ใครล่ะที่อับอาย? อีกอย่าง แต่งตัวให้สวยงามหน่อย และให้คนที่ใฝ่ฝันเจ้าห้าได้เห็น ว่าพวกนางเทียบกับรูปลักษณ์ของเจ้าได้หรือไม่”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “ในตอนนี้ไม่มีใครใฝ่ฝันเขาแล้ว เรื่องนี้ฉันรู้สึกวางใจ”
พระชายาจี้ยิ้มเยาะ “เจ้าคิดว่ามีเพียงฉู่หมิงชุ่ยสองพี่น้องเหรอ? มีผู้หญิงมากมายในเมืองหลวงที่ต้องการให้เจ้าห้าโปรดปราน? อย่าว่าคนไกลที่ไหนเลย คืนนี้ที่งานเลี้ยงในวัง มีญาติๆในเชื้อพระวงศ์หลายคนก็คาดหวัง เจ้าจับตาดูให้ดีๆ”
หยวนชิงหลิงไม่เชื่อ “จริงเหรอ?”
พระชายาจี้พูดว่า “จะเท็จได้ยังไง? ลูกสาวของพระองค์ใหญ่จวิ้นจู่องจิ้งมีผู้หญิงสองคน หลานสาวของอ๋องจวิ้นคาง หลานสาวของหลู่กั๋วกง คืนนี้ไม่เพียงแต่เครือญาติราชวงศ์ เจ้าพระยาแม่ทัพก็จะถูกเชิญมา ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะรู้เอง”
หยวนชิงหลิงกลุ้มใจ “ทำไมมีคนมากมายขนาดนั้นที่ชอบเขา? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“ก่อนหน้านี้มีคนมากมายที่ชอบเขา เพียงเพราะเขากับฉู่หมิงชุ่ย……” พระชายาจี้ค่อยๆหรี่ตา แล้วหยิบลายดอกไม้สีทองอ่อนมาติดหน้าผากให้นาง “หลังจากนั้นก็ทำให้เจ้าได้รับชื่อเสียงเช่นนั้น ท้ายสุดก็เกิดเรื่องเช่นนี้ออกมา แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน ตำแหน่งรัชทายาทของเขาถูกกำหนดแล้ว มีเกียรติมาก และตอนนี้ตำแหน่งของเหลียงหยวน(ตำแหน่งพระชายารองในองค์รัชทายาท มีฐานะต่ำกว่าเหลียงตี้)และเหลียงตี้(ตำแหน่งพระชายารองในองค์รัชทายาท) ยังว่างอยู่ จะมีคนมากขนาดไหนที่จะมาแย่งตำแหน่งนี้
หยวนชิงหลิงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ “เกลียดเรื่องแบบนี้” นางคิดว่าตอนนี้ตัวเองไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้อีกต่อไป เพราะรัชทายาทและตัวเองมีความรักที่ลึกซึ้ง มีชื่อเสียงที่ดีขนาดนี้ ดังนั้นจะมีใครที่ดูสถานการณ์ไม่ออกยังอยากจะแทรกเข้ามาอีก?
พระชายาจี้ยักไหล่ “ถึงเจ้าจะเกลียด แต่นี่คือความจริง ในราชวงศ์เป่ยถัง ท่านอ๋องทุกคนมีความโดดเด่นมาก และโดยธรรมชาติแล้วจะมีสตรีจำนวนมากที่ต้องสนใจ นอกจากนี้ นิสัยของเจ้าห้าก็เป็นที่ชอบใจของคนอื่น ทั้งชีวิตเจ้าจะต้องกังวลเรื่องนี้”
หยวนชิงหลิงนึกถึงฉากที่เจ้าห้าผมหงอกแล้วยังมีหญิงชราผู้หลงใหลคลั่งไคล้เขานำดอกไม้มารออยู่ข้างนอก ชั่วขณะในใจรู้สึกหมดหนทาง
แต่งงานกับสามีที่ไร้ความสามารถก็กลุ้มใจ แต่งงานกับสามีที่ดีและเก่งกาจยิ่งทำให้กลุ้มใจมากขึ้นไปอีก
แม่นมสี่เห็นนางกังวลใจ ก็ปลอบเธอ “พระชายา คำพูดของพระชายาจี้ไม่มีมูลเหตุที่ชัดเจน รัชทายาทจริงใจต่อท่านมาก และจะไม่มีสตรีอื่นใดแน่นอน”
พระชายาจี้ยิ้ม “แม่นมสี่ มันก็ไม่แน่นะ ดั่งที่ว่าแมวไม่กินของคาว แต่เมื่อเข้าถึงปาก? แม้ว่าแมวไม่กิน แต่ก็มีคาบกลิ่นคาว ทำไมต้องให้ตัวเองลำบาก? ควรจะแต่งตั้งตำแหน่งเหลียงหยวนเหลียงตี้ดีกว่า เลือกด้วยตัวเองคงจะดีกว่าที่จะให้ผู้หญิงเหล่านั้นดิ้นรนแย่งชิงกัน”
หยวนชิงหลิงสูดหายใจเข้าลึกๆ “คิดว่าข้าบ้าหรือเปล่า? ยังจะเลือกด้วยตัวเอง ข้าเห็นหนึ่งคนฆ่าหนึ่งคน”
“ดูบ้าอำนาจมาก” พระชายาจี้ปิดปากแอบยิ้ม
แม่นมสี่ยิ้มและตีพระชายาจี้ “พระชายารัชทายาท นางจงใจหัวเราะเยาะท่าน”
หยวนชิงหลิงขมวดคิ้ว ใบหน้าของนางบึ้งตึง “ สามีและภรรยาอยู่กินด้วยกันสองคนไม่ได้เหรอ? พวกข้าไม่มีความคิดที่จะรับนางสนม คนนอกมีความกระตือรือร้นกันเอง น่ารำคาญที่สุด มีเวลาเช่นนี้ ทำเรื่องดีๆกันไม่ดีกว่าเหรอ? ข้ายุ่งจะตายอยู่แล้ว ถ้ามีเรื่องไร้สาระแบบนี้จริงๆ ต้องให้เจ้าห้าแสดงทัศนคติออกมา”
พระชายาจี้เห็นว่านางหงุดหงิดจริงๆ ก็ยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ วางใจเถอะ ด่านของเจ้าห้าผ่านไปไม่ได้ ใครก็อยากคิดว่าจะเอาคนยัดเยียดเข้าไปในจวนอ๋องฉู่ เจ้าก็เป็นพระชายารัชทายาทอย่างเรียบง่าย ทำธุระสำคัญของเจ้า สำหรับงานสังสรรค์ชิงดีชิงเด่นคืนนี้ เจ้าแค่ดูๆไป ไม่ต้องไปสนใจ”