บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 704 เจ้าเรียกใครว่าตาเฒ่า
นึกไม่ถึงว่าใจดวงตาของหยวนชิงหลิงจะมีน้ำตาเล็กน้อย ปากพึมพำครู่หนึ่ง “ในที่สุดอาจารย์ของข้าก็เริ่มมีความคิดแล้ว? ต้องการหาอาจารย์แม่ให้ข้าแล้ว?”
“เขาจะถูกใจใครได้ล่ะ?” หยู่เหวินเห้าหัวเราะบางๆ “ไม่ใช่ว่าข้ามองเขาโดยไม่เปลี่ยนทัศนคติ ความจริงก็คือสายตาจู้จี้เรื่องมากจนไม่มีผู้หญิงคนใดในโลกสามารถเข้าตาของเขาได้ ทำไมเขาถึงคิดอยากแต่งงานขึ้นมากะทันหันล่ะ?”
เหลิ่งจิ้งเหยียนยักไหล่ “ใครจะรู้ล่ะ? วันนั้นเขามาหาข้าอย่างกะทันหัน ทอดถอนใจแล้วกล่าวว่าตอนนี้อากาศเหน็บหนาว ผ้านวมในบ้านนอนอย่างไรก็รู้สึกหนาวเย็นเป็นที่สุด อยากหาคนมาทำให้ผ้านวมอุ่น ด้วยเหตุนี้ก็พูดถึงการแต่งงานขึ้นมา เขาบอกว่าเห็นท่านใช้ชีวิตพอใช้ได้ รู้สึกว่าการแต่งงานก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เลวร้าย อีกทั้ง หากว่าเกิดลูก อาจารย์ของเขาจะมอบหมาป่าตัวน้อยให้เขา”
หยู่เหวินเห้าหัวเราะเยาะ “ต้องการหาคนทำให้ผ้านวมอุ่นไม่ใช่ว่าง่ายดายหรอกหรือ? แม่นางมากมายในซาวโถ๋จุ้ยล้วนเฝ้าคอยจะขึ้นเตียงของเขาน่ะ? ข้าคิดว่านะ แต่งงานเป็นการโกหก อยากมีลูกแล้วรับหมาป่าน้อยเป็นเรื่องจริง”
“เช่นนั้นก็ไม่รู้แล้ว ยังไงซะในมือของข้ามีรายชื่อเป็นปึกพอดี ก็ให้เขาไปทั้งหมดแล้ว” ใบหน้าสะอาดสะอ้านของเหลิ่งจิ้งเหยียนผุดรอยยิ้มจางๆออกมา “คาดว่า ตอนนี้เขาคงยุ่งอยู่กับการดูตัวล่ะ”
“เขาไปดูตัวด้วยตนเอง? ไม่ได้หาแม่สื่อหรือ? หรือว่าสามารถไปหาที่ทำการหาคู่ได้นี่” หยวนชิงหลิงกล่าว
“เขาต้องการพบเจอด้วยตัวเอง บอกว่ามีบางที่ที่ดูจากรูปภาพดูไม่ออก” เหลิ่งจิ้งเหยียนกล่าว
หยวนชิงหลิงพยักหน้า “เป็นความจริง การพูดการจานิสัยเฉพาะตัวของคนผู้หนึ่งก็ต้องพบเจอตัวจริงถึงจะสามารถมองออกได้”
เหลิ่งจิ้งเหยียนหัวเราะก๊ากออกมา “ข้าคิดว่าเขาไม่ได้ไปดูการพูดการจานิสัยเฉพาะตัวของคนอื่น”
“งั้นดูอะไร? หน้าตาหรือ? นี่ยังไงก็ไม่ต้องดูแล้วล่ะ? แม่นางบ้านไหนก็ไม่ได้เป็นปีศาจเหมือนเขา!” หยวนชิงหลิงหัวเราะขึ้นมาแล้ว โฉมหน้าอาจารย์ของนางทั้งโลกก็หาที่สองไม่ได้
“ดูว่าคนอื่นสามารถให้กำเนิดได้หรือไม่ไงล่ะ” เหลิ่งจิ้งเหยียนอยู่ในอากาศที่เหน็บหนาวอย่างมากนี้ เปิดพัดที่พับอยู่ออก พัดความเย็นออกมาเล็กน้อย
ทุกคนล้วนตะลึง หยวนชิงหลิงกล่าวเบาๆ: “เขาจะถูกคนต่อยเอาน่ะสิ?”
ระยะนี้ท่านชายสี่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการดูตัว ทันทีที่กำหนดการเรื่องการแต่งงานที่ใหญ่โตของเขาถูกเอ่ยขึ้น ความรีบร้อนบุ่มบ่ามก็กลิ้งเข้ามาด้านหน้า
รายชื่อฉบับหนึ่งที่เหลิ่งจิ้งเหยียนให้เขา เขาดูหมดแล้ว ฐานะวงศ์ตระกูลอะไรก็พูดง่าย แต่ว่านี่ไม่ใช่ที่สำคัญที่สุด เขามีทรัพย์สินในบ้านมากมายขนาดนั้นต้องสืบทอด จะต้องหาคนหนึ่งที่สามารถให้กำเนิดได้ หลังจากนั้นเขาก็ไม่รับเมียน้อยแล้ว ผู้หญิงเยอะก็จะน่ารำคาญมาก
แต่รู้จักแล้วสองสามคน ล้วนไม่ได้พอใจมากนัก
แม่นางในครอบครัวผู้ดีตระกูลสูงศักดิ์เหล่านี้ ท่าทางแต่ละคนล้วนเหมือนกับจะกินไม่อิ่ม สะโพกไม่ใหญ่อาจจะไม่สามารถให้กำเนิดได้ หน้าอกไม่ใหญ่อาจจะน้ำนมไม่พอ ลูกหิวแล้วจะทำอย่างไร? แต่จุดนี้ตอนนี้ไม่ได้สำคัญ เพราะหรงเยว่บอกว่าถึงเวลาสามารถหาแม่นมได้
เรื่องการแต่งงานของท่านชายสี่ ทำให้พี่ๆน้องๆของสำนักเหลิ่งหลังกลัดกลุ้มกระวนกระวาย
พวกเขาหลายคนล้วนคิดว่า สำนักเหลิ่งหลังควรจะมีนายหญิง แม้ว่าท่านชายสี่จะองอาจห้าวหาญ แต่ในการใช้ชีวิตเป็นคนซื่อบื้อผู้หนึ่ง จุดนี้สามารถมองออกได้จากที่เขามักจะถูกพระชายารัชทายาทหลอกเงินเสมอ
แต่ว่า ใครจะสามารถเป็นนายหญิงของสำนักเหลิ่งหลังได้ล่ะ? พวกผู้หญิงที่อ่อนแอเขินอายเหล่านั้น เกรงว่าได้ยินว่าสำนักเหลิ่งหลังก็กลัวหมดแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเป็นนายหญิงอะไรแล้ว
ก็เช่นนี้ แค่สองสามวัน ท่านชายสี่ก็เผชิญกับความแปรผันของชีวิตมากมายแล้ว
คนเหล่านั้นชั่งไม่มีมารยาท คิดไม่ถึงว่ายังไม่ได้ทำอะไรก็ขับไล่เขาไปแล้ว ยังจะชี้จมูกของเขาแล้วบอกว่าคนทำการค้าน่ารังเกียจผู้หนึ่งยังกล้าพูดจาอย่างไร้ยางอายเช่นนี้อีก
มีอะไรไร้ยางอาย? การแต่งงานของบ้านไหนที่ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องการให้กำเนิดลูกในอนาคต? ไม่ใช่แค่ต้องการให้คลอดลูกชายสามคนในท้องเดียวหรือ? พระชายารัชทายาทสามารถทำได้ พวกนางมีสิทธิ์อะไรทำไม่ได้?
เขาโมโหจนโยนรายชื่อที่เหลืออยู่ทั้งหมดทิ้งแล้ว
ไม่แต่งแล้ว!
ปีนี้เขาฉลองปีใหม่ในเมืองหลวง เพราะน้องสาวบุญธรรมคนหนึ่งลูกศิษย์คนหนึ่งแต่งงานออกไปแล้ว ดังนั้น ฐานะที่เขาเป็นผู้ปกครองใหญ่ จึงบอกคนให้จัดการจัดของวัตถุสินค้าฉลองปีใหม่ให้ทั้งสองจวน
ในการค้าของวงศ์ตระกูลมีการทำผ้าไหมแพรต่วน จึงบอกคนให้เลือกผ้าไหมแพรต่วนชั้นดีแล้วส่งไปถึงจวนอ๋องฉู่ด้วยตนเอง
เขาก็ไม่ได้ว่างที่จะไม่มีอะไรทำเช่นนี้ แต่เข้ามาดูหมาป่าสุดโปรดของพวกเด็กๆแวบหนึ่งก็ดี
พวกเด็กๆเดินได้แล้ว อากาศเย็นขนาดนี้ เล่นกับพวกหมาป่าหิมะบนพื้นหิมะอย่างมีความสุขสุดๆ พวกเด็กอ้วนเดินไม่มั่นคงแต่กลับวิ่งเร็ว โซซัดโซเซ ร่างกายน้อยๆที่หกล้มครู่หนึ่งก็ล้มลงไปแล้ว หกล้มแล้วก็ไม่ร้องไห้ กอดหมาป่าหิมะก็หัวเราะเอิ๊กเอิ๊กเอิ๊กใหญ่ ใบหน้าเล็กๆหนาวเย็นจนแดงก่ำ แนบหน้าอิงแอบกับหมาป่าหิมะ น่ามองเข้ากันได้ดีเป็นที่สุด
ท่านชายสี่มองจนลุ่มหลงแล้ว ในใจรู้สึกหดหู่ เมื่อไหร่ หมาป่าหิมะจะสามารถติดเขาเช่นนั้นเหมือนที่ติดพวกเด็กๆได้นะ!
“ท่านปู่!” ซาลาเปาเห็นเขามา ปล่อยหมาป่าหิมะทันทีแล้วพุ่งเข้ามาทางเขา เด็กอ้วนๆเดินไม่มั่นคง โถมตัวไปที่เท้าของท่านปู่โดยตรง
เมื่อเงยหน้าขึ้น พ่นเกล็ดหิมะทั้งปากออกมา
ท่านชายสี่อุ้มเขาขึ้นมา กล่าวอย่างเคร่งขรึม: “พูดอีกครั้ง ไม่อนุญาตให้เรียกว่าท่านปู่!”
“ท่านแม่บอกว่าก็คือท่านอาจารย์ปู่!” ซาลาเปาออกเสียงไม่ถูกต้อง แต่ก็ความหมายนี้ ดีใจจนพยายามเอาหัวอ้วนๆโตๆซุกเข้าในอ้อมอก
หนาวจนขากรรไกรของท่านชายสี่สั่นเทา เจ้าเด็กน้อยเหล่านี้ไม่หนาวเลยหรือ? สวมใส่น้อย อายุน้อยก็คือดี
ท่านชายสี่มักคิดจะผ่าสมองของพวกเขาออกเสมอ อยากดูซิว่าในหัวของพวกเขาใส่อะไรไว้กันแน่ ทำไมเด็กที่ยังไม่ถึงหนึ่งขวบ ถึงได้เฉลียวฉลาดขนาดนี้
ก่อนหน้านี้เดือนหนึ่งพวกเขาพูดจาได้ จากนั้นหลังจากพูดได้แล้วก็สามารถพูดได้มากมายแล้ว เพิ่งเริ่มจะเดินได้ ก็สามารถวิ่งได้แล้ว
เด็กบ้านใครจะมีความเก่งกาจได้ขนาดนี้ล่ะ
“ไป ไปกินถังหูหลู่!” ท่านชายสี่โบกมือ ข้ารับใช้ด้านหลังก็เอาถังหูหลู่ ออกมามัดหนึ่ง
พวกเด็กๆหยิบอย่างชอบอกชอบใจแล้วเดินไป
ท่านชายสี่เห็นดังนั้น รีบเรียกข้ารับใช้หยิบเนื้อหม้อหนึ่งออกมาอีก นั่งยองลงยิ้มตาหยีมองดูพวกหมาป่าหิมะ “เจ้าพวกลูกรัก มานี่ ท่านปู่เอาเนื้อให้กิน”
พวกหมาป่าหิมะกระโจนเข้ามาด้วยความคล่องแคล่วแข็งแรง แบ่งกินเนื้อในหม้อ
ท่านชายสี่มองดูด้วยจิตใจเบิกบาน ตอนนี้ของกินก็ให้แล้ว ควรจะลูบได้แล้วสินะ ครั้นแล้วก็ยื่นมือเข้าไปคิดจะลูบหมาป่าหิมะของทังหยวนเล็กน้อย จะรู้ได้อย่างไรว่าหมาป่าหิมะของทังหยวนกลับงับมาทีหนึ่ง จ้องมองเขาอย่างดุดัน แยกเขี้ยวร้องโฮ่งโฮ่งสองที
หากไม่ใช่ว่าท่านชายสี่เก็บมือกลับอย่างรวดเร็ว นิ้วมือนี้ก็ขาดไปนิ้วหนึ่งแล้ว
“ท่านต้องเป็นคนไม่ดีแน่!” ด้านหลัง เสียงที่สดใสดังมาอย่างตั้งใจ
ท่านชายสี่หมุนตัวกลับไปมองด้วยจิตใต้สำนึก เห็นเพียงแม่นางตัวเล็กๆที่ไว้มวยผมสองข้างยืนอยู่ด้านหลัง สวมชุดขนเป็ดสีเหลืองของในวัง คลุมด้วยเสื้อคลุมสีแดงเพลิง เสริมให้ใบหน้ารูปไข่แดงระเรื่อเด่นขึ้น ใบหน้านั่นนุ่มนวลอิ่มเอิบ ฉ่ำน้ำเหมือนกับว่าเมื่อหยิกก็สามารถหยิกเป็นน้ำออกมาได้
ในดวงตาของนางแฝงไปด้วยเจตนาร้าย ขนคิ้วดำเข้มสองข้างตั้งขึ้น ริมฝีปากสีแดงเชอร์รี่เป็นวงขึ้นมา เป่าผิวปากเสียงหนึ่ง ก็เห็นหมาป่าหิมะทิ้งเนื้อแล้ววิ่งเข้ามา
นางนั่งยองลงมาลูบหมาป่าหิมะ ระหว่างคิ้วปรากฏเป็นรอยยิ้ม “เด็กดี เด็กดี!”
“ท่านเป็นคนไม่ดีที่ไหน? หมาป่าน้อยไม่เคยดุร้ายกับคนมาก่อน นอกจากคนไม่ดี ท่านต้องเป็นคนไม่ดีแน่ บอกมา ท่านมาทำอะไรที่จวนอ๋องฉู่?”
สาวน้อยอุ้มหมาป่าหิมะตัวหนึ่งยืนขึ้นมา เดิมมาด้านหน้าท่านชายสี่ ซักถามอย่างเฉียบขาด
ท่านชายสี่มองดูหมาป่าหิมะในอ้อมแขนของนางอย่างเชื่องๆ แต่ก่อนหน้านี้ตัวเองแตะนิดหน่อยก็ไม่อนุญาต น้อยใจจนอยากร้องไห้
“ตาเฒ่า ถามท่านอยู่นะ” สาวน้อยเห็นเขาไม่พูดจา จึงเปล่งเสียงเอ่ยถามอีก