บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 718 สมปรารถนาทุกประการ
แต่หยวนชิงหลิงราวกับว่ายังอยู่ในความฝัน กล่าวพึมพำ: “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เขากอดนาง เอาศีรษะซบบนหน้าอกของนาง เสียงสั่นเล็กน้อย “ข้ากลับมาจากในวัง ก็เห็นเจ้าร้องไห้ตลอด บอกว่าเจ็บมาก เรียกอย่างไรก็ไม่ตื่น เป็นเวลากว่าครึ่งชั่วยามเต็มๆ เจ้าฝันเห็นอะไร? ข้าตกใจแล้ว”
“ข้าฝันเห็นอะไร?” หยวนชิงหลิงสั่นเทาขึ้นมาอย่างฉับพลัน ความสิ้นหวังในจิตใจของในความฝันยังสะบัดไม่ออกไป “ข้าฝันถึงเสื้อกันหนาวชุดหนึ่งที่มีเลือด ในเสื้อกันหนาวนั่นซ่อนเข็มแหลมไว้มากมาย ยังฝันว่าเจ้าและข้าล้วนอยู่ในแม่น้ำ…….”
“ไม่ต้องพูดแล้ว เป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น ไม่พูดแล้ว ไม่พูดแล้ว” หยู่เหวินเห้ายื่นมือไปปิดปากนางไว้ ในใจตกใจกลัวอยู่ครู่หนึ่ง
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าคนทั้งคนง่วงนอนจนไม่ไหวแล้ว ค่อยๆหลับตาลง นางไม่ได้ฝันอันตรายเช่นนี้มานานแล้ว
“ช่วงนี้เหนื่อยมากใช่หรือไม่? รอเรื่องการอภิเษกสมรสของหลิงเอ๋อร์ผ่านไปแล้ว ข้าออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนเจ้า” หยู่เหวินเห้าลูบผมของนาง กล่าวเบาๆ
หยวนชิงหลิงลืมตาขึ้นมองเขาอย่างฉับพลัน “ออก……ออกไปเดินเล่น?”
“ใช่แล้ว พาเจ้าไปผ่อนคลายจิตใจ ในปีนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายเกินไปแล้ว เจ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมชนิดนี้ตลอด คนจะย่ำแย่ได้ พวกเราเดินจากไปสักหน่อย ผ่อนคลายจิตใจ รอจนเมื่อหยวนหย่งอี้แต่งงานค่อยกลับมา”
หยวนชิงหลิงงงงันครู่หนึ่ง “ท่าน……ท่านสามารถจากไปได้หรือ?”
“ไม่มีอะไรสำคัญกว่าเจ้า” เขาถอนหายใจเบาๆ “เมื่อครู่เจ้าทำให้ข้าตกใจหมดเลย รอให้ผ่านเรื่องการอภิเษกสมรสของหลิงเอ๋อร์ไปก่อน พวกเราก็ไป เจ้ามีสถานที่ไหนที่อยากไปหรือไม่?”
หยวนชิงหลิงนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ได้ยินเสียงหลอนของตัวเอง “ข้าไม่รู้ว่าอยากไปที่ไหน แต่สามารถออกไปเดินเที่ยวได้ก็ดี”
หยู่เหวินเห้าจูบนางนิดหน่อย “ดี ข้าจะวางแผน”
หยวนชิงหลิงมองดูพู่ระย้าที่ห้อยลงมาจากผ้าม่านด้านข้าง พู่ระย้าถูกลมพัดผ่านเล็กน้อย กวัดแกว่งไปมาด้านหน้าของนาง ด้านนอกมีแสงส่องเข้ามา ท้องฟ้าสว่างแล้ว
“เจ้านอนอีกสักหน่อยเถอะนะ” หยู่เหวินเห้ามองดูนางด้วยความสงสาร “ดูสิดวงตาของเจ้าบวมหมดแล้ว”
“ไม่แล้ว ข้าต้องตื่นแล้ว คาดว่าท่านย่าคงทำทังหยวนแล้ว” คำขอพรปีใหม่ของนาง ท่านย่ามักจะทำให้นางสมปรารถนาเสมอ “ถูกแล้ว ทำไมท่านถึงได้กลับมาเช้าเช่นนี้? ไม่ใช่ว่าต้องอยู่โต้รุ่งคืนส่งท้ายปีเก่าในพระราชวังหรือ?”
“อยากอยู่เป็นเพื่อนข้างกายเจ้า ดังนั้นอ้างว่าดื่มมากแล้วก็จากมาแล้ว” หยู่เหวินเห้าปล่อยนาง ยื่นมือไปดึงนางให้นางลุกขึ้น “เช่นนั้นพวกเราไปกินทังหยวนพร้อมกัน กินทังหยวนแล้ว ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พวกเราจะไม่แยกจากกันไปตลอดชีวิต”
มองดูรอยเขียวช้ำใต้ดวงตาของเขา ยังมีอาการความร้อนใจในดวงตาที่ไม่ซ่อนไม่ทันอีก หยวนชิงหลิงรู้ว่าฝันร้ายของตัวเองทำให้เขาตกใจแล้วจริงๆ ในวันปกติจะพูดเรื่องนี้น้อยมาก คนคนนี้ไม่เข้าใจรสนิยมการพูดคำหวาน วันนี้เขากลับผิดปกติ จึงรู้ว่าในใจของเขาเป็นความหวาดกลัว
ระยะนี้นางพูดความในใจกับเจ้าห้าน้อยมาก การสนทนาระหว่างพวกเขาก็น้อยมาก แต่ตอนนี้นางกลัวว่าในวันที่ดูเหมือนเงียบสงบไร้ระลอกคลื่น จะแอบซ่อนกระแสน้ำไหลทะลัก
ก็เหมือนกับเรื่องการอภิเษกสมรสของหยู่เหวินหลิง ดูแล้วเป็นการจับคู่ที่น่าพอใจมาก แต่ใครจะรู้ล่ะว่าทั้งสองล้วนถูกหลอกใช้? วันนั้นนางก็แปลกใจ เหมือนว่าหลิงเอ๋อร์ไม่ได้แปลกใจเลยสักนิด นางบอกว่าเฝ้าปรารถนาความอิสระ แต่ในใจของนางจะไม่รู้เรื่องการอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงได้อย่างไรกันว่าอันที่จริงก็คือการแลกเปลี่ยนอย่างหนึ่ง? เพียงแค่พยายามทำให้การแลกเปลี่ยนเรื่องนี้เป็นไปอย่างยุติธรรม
มองกว้างออกไปอีก ตอนนี้อ๋องอานอ๋องจี้ดูเหมือนจะสงบเงียบลงมาแล้ว ก็ไม่ได้ดูเหมือนจะหลงรักในอำนาจมากนัก แต่ใครจะรู้อีกล่ะว่าเบื่องลึกจะทำอะไรอีกกันแน่?
หยวนชิงหลิงถูกหยู่เหวินเห้าพยุงลุกจากเตียง ในใจยังเกิดความหวาดหวั่นพรั่นพรึงไปหมด
ฉีกเสื้อผ้าอาภรณ์ด้านนอกออกเป็นช่องหนึ่ง ด้านในเป็นบาดแผลเต็มไปหมด ก็ดีกว่าภายใต้เสื้อกันหนาวสีแดงสดนั่น ที่แอบซ่อนเข็มที่แหลมคมอยู่นับหมื่นพัน
ทังหยวนของท่าย่าทำเสร็จแล้ว ทังหยวนห้าสี มีไส้มันเทศ ไส้งา ไส้ถั่ว ไส้มันฝรั่งและไส้ถั่วแดง ทำอย่างละเอียดงดงามเป็นที่สุด เห็นนางมาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน: “มากินทังหยวน”
ซาลาเปากำลังกินอยู่ คนเดียวจัดการไปสามถ้วยแล้ว แม่นมกำลังป้อน ไหนจะรู้เลยว่าเข้าปากแล้วร้อนมาก ซาลาเปากระทืบเท้าอย่างรีบร้อน ทั้งกลัวว่าน้องชายจะแย่งของเขา ยกมือขึ้นกั้นขวางไม่ให้พวกน้องชายเข้ามา ยังจะผลักข้าวเหนียวเล็กน้อยอีกด้วย
หยวนชิงหลิงกลั้นหัวเราะไม่ได้ “เจ้านี่ ไม่รู้จักรักและทะนุถนอมน้องชายสักนิด”
หยู่เหวินเห้าก็มองอย่างจนปัญญา “ท่าทางน่าตี”
“สอนตั้งแต่เด็ก ถ้าต้องการตี ก็ตีตอนนี้” หยวนชิงหลิงเดินเข้าไป อุ้มข้าวเหนียวไว้ทันที “ท่านพี่ไม่ให้กินใช่หรือไม่? เราตีท่านพี่ดีไหม?”
ข้าวเหนียวเหลือบมองซาลาเปาแวบหนึ่ง ซาลาเปาก็เพ่งมองมาอย่างดุดัน ยกมือน้อยๆอ้วนๆขึ้นมาข่มขู่ข้าวเหนียว ข้าวเหนียวกล้ำกลืนฝืนทนความโกรธทันที “ไม่ตีท่านพี่!”
หยู่เหวินเห้าฝ่ามือหนึ่งตกลงบนก้นของซาลาเปา “ยังจะใช้ความเป็นพี่รังแกคนตัวเล็กกว่าอีก? มีความสามารถนะเจ้า!”
ซาลาเปากลัวท่านพ่อ กล้าโกรธไม่กล้าเปล่งเสียง ทำได้เพียงหยุดมือ ไม่ได้กั้นขวางไว้อีก
หยวนชิงหลิงให้พวกเขาวางลงทั้งหมดก่อน คุกเข่าโน้มศีรษะติดพื้นคำนับอวยพรปีใหม่ให้ท่านย่า
ท่านย่าเตรียมอั่งเปาไว้ล่วงหน้าแล้ว ยิ้มอย่างสบายใจเป็นที่สุด
หลังจากอวยพรปีใหม่แล้ว จึงเริ่มกินทังหยวน ทิ้งไว้ให้เย็นขึ้นหน่อยแล้วก็กินง่าย ซาลาเปาคำหนึ่งกินไปห้าลูก โยกตัวบอกว่าอร่อยอร่อยอร่อย ย่าทวดทำอร่อย สีหน้าท่าทางจริงจังตลกเป็นอย่างมาก
ท่านย่าหยวนกินไปสองลูกก็หยุดแล้ว อมยิ้มมองดูครอบครัวใหญ่นี้ ข้าวเหนียวกินอย่างสุภาพที่สุด ฟันแปดซี่กัดไปคำหนึ่ง ถูมืออ้วนๆไปมาอย่างหวานชื่น
ทังหยวนก็ยังดี แค่รีบร้อนไปหน่อย และกลัวว่าพี่ชายจะมาแย่งอีก ดังนั้นมักจะตีมือของแม่นมให้นางรีบหน่อยเสมอ
กินทังหยวนแล้ว ก็ไปเดินเล่นด้านนอกลาน สัมผัสกลิ่นอายของปีใหม่เล็กน้อย ท่านย่าไม่ไป นางกลัวหนาว
บนคอของตอเป่าและพวกหมาป่าหิมะล้วนผูกอั่งเปาใหญ่ๆไว้ซองหนึ่ง วิ่งบนพื้นหิมะ คิดไม่ถึงว่าหมาป่าและสุนัขอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน ก็หลงใหลแล้ว
ปีนี่ท่านชายสี่ฉลองปีใหม่ที่นี่ เมื่อคืนกลับบ้านทางนั้นไปกินอาหารกับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา กลับมาประมาณห้าทุ่มตีหนึ่ง วันนี้ท่านย่าหยวนบอกให้คนส่งทังหยวนไปให้เขา หลังจากเขากินแล้ว ในใจคิดถึงหมาป่าหิมะ จึงออกมาด้วย
ศาลานี้ไม่ใหญ่ ปิดกำแพงไว้สามด้าน ด้านหนึ่งเปิดออก แม้ว่าลมแรง แต่ด้านในเผาถ่าน ก็ยังพอใช้ได้
บนโต๊ะจัดวางผลไม้เชื่อมเมล็ดแตงโมและอื่นๆไว้ หลังจากที่ท่านชายสี่เข้ามาก็เริ่มแทะเมล็ดแตงโม เป็นธรรมดาที่หยวนชิงหลิงจะต้องพาเด็กมาอวยพรปีใหม่กับเขา หยู่เหวินเห้าไม่ได้ทำความเคารพ ในความคิดของเขา แม้ว่าท่านชายสี่จะเป็นอาจารย์ของยายหยวน แต่ตัวเองไม่ยินยอมจะถูกท่านชายสี่กดทั้งชีวิต ดังนั้นจึงไม่เต็มใจอวยพรปีใหม่
แต่เมื่อเห็นท่านชายสี่สะบัดตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงออกมาใบหนึ่งด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เขาเบิกตาโต แล้วทำความเคารพอย่างเร่งรีบ “หยู่เหวินเห้าอวยพรปีใหม่อาจารย์ ขอให้อาจารย์สุขภาพแข็งแรง สมดั่งปรารถนาทุกประการ ร่ำรวยเงินทอง”
ท่านชายสี่กล่าวด้วยสีหน้าเฉยชา: “อืม ขอให้ท่านรัชทายาทร่ำรวยเงินทอง สมดั่งปรารถนาทุกประการ”
ไม่ได้ให้!
หยู่เหวินเห้ารอครู่หนึ่ง ก็ยังไม่ให้ หมุนตัวไปด้วยความโกรธ มองดูพวกหมาป่าหิมะวิ่งเล่น อั่งเปาบนคอนั่นก็ลอยเคลื่อนไหวตาม เขาถาม: “ใครให้อั่งเปาพวกหมาป่าน่ะ?”
“ข้าให้!” ท่านชายสี่กล่าวอย่างสบายใจ
สุนัขและหมาป่าล้วนปี มีแค่เขาที่ไม่มี วันปีใหม่วันแรก ก็ใจดำกับเขาขนาดนี้เชียว