บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 725 พวกเขาจะห่างเหินกันไหม
ไท่ซ่างหวงไม่พูดอะไร คำพูดนี้ แม้แต่ฮ่องเต้เองยังไม่อยากเชื่อ
ไม่ผิด ตอนนี้ภายในราชสำนักตลอดจนประชาชน คนที่สนับสนุนหยู่เหวินเห้ามีจำนวนมาก ต่อไปพวกเขาก็จะปกป้องเขา รักใคร่เขา แม้กระทั่งพวกนักกวี ยังจะมีผลงานเขียนบทกลอนบทกวี เกี่ยวกับผลงานของหยู่เหวินเห้าในขณะที่เป็นองค์ชายรัชทายาท
แต่พวกเขาจะไม่มีทางยอมรับองค์ชายรัชทายาทที่มีแม่มีมลทิน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ยังมีองค์ชายองค์โต กับองค์ชายสืบสายเลือดโดยตรงเป็นตัวเลือก
เสียนเฟยลอบฆ่าไทเฮา ได้ทำให้ความที่หยู่เหวินเห้า ถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายรัชทายาทโดยความชอบธรรม เป็นมลทินแล้ว
หยู่เหวินเห้าสามารถเป็นข้าราชบริพาร เป็นอ๋องชินของเป่ยถัง แต่กลับยากที่จะถูกยกให้เป็นว่าที่กษัตริย์
นี่เป็นสาเหตุสำคัญ ที่ไท่ซ่างหวงรีบเร่งมายังพระตำหนักฉินคุน
ภายในตำหนักเหลือเพียงหยู่เหวินเห้า ไท่ซ่างหวงสองสามีภรรยากับฮ่องเต้หมิงหยวนสี่คน ที่เหลือล้วนอยู่ข้างนอก ภายในตำหนักเงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงใดๆ แม้แต่เสียงลมหายใจก็เหมือนถูกกลั้นไว้
หยู่เหวินเห้าคุกเข่าอยู่บนพื้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ลูกไร้คุณธรรมศีลธรรม ไม่คู่ควรกับตำแหน่ง ขอเสด็จพ่อปลดออกจากตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท”
คิ้วฮ่องเต้หมิงหยวนนูนกระตุกขึ้นมา เวลานี้เขาอยากที่จะหั่นสับเสียนเฟยให้ละเอียด
นางสนมวังหลังสร้างเรื่องส่งผลกระทบต่อตำแหน่งว่าที่กษัตริย์ ตลอดที่ผ่านมาก็เคยมี แต่เคยได้ยินก็คือนางสนมทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ลูกชายของตนเองได้ครองตำแหน่งว่าที่กษัตริย์ แต่ไม่เคยเห็นคนที่กระทำให้ลูกของตนเอง ถูกปลดจากตำแหน่งว่าที่กษัตริย์
ช่างเป็นเรื่องที่ฟังแล้วน่าอนาถใจจริงๆ
“ปิดเรื่องนี้ไว้ก่อนเถอะ เจ้าก็อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก” ในใจฮ่องเต้หมิงหยวนรู้สึกผิดต่อลูกชายของ ตนเอง ทำได้เพียง คิดหาทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเขาไว้
แต่แม่ลูกกายเดียวกัน จะสามารถปกป้องได้นานแค่ไหน? เรื่องนี้ไม่สามารถที่จะปกปิดไว้ได้
ภายในวังมีหูตาของราชวงศ์ขุนนางมากเท่าไหร่
ยังไม่ต้องพูดถึงขุนนางพวกนั้น แค่เพียงภายในราชวงศ์ จะมีคนมากแค่ไหนที่จะเอาเรื่องนี้มาวิพากษ์วิจารณ์?
ฮ่องเต้หมิงหยวนปวดหัวอย่างมาก
ไท่ซ่างหวงก็ดูโกรธโมโหอย่างมาก เขาลงทุนลงแรงอย่างมาก อบรมสั่งสอนจนหยู่เหวินเห้ามีวันนี้ ในที่สุดก็ได้เป็นองค์ชายรัชทายาท เมื่อคิดว่าผืนแผ่นดินมีคนสืบทอดแล้ว กลับเกิดเรื่องขึ้น
การสนับสนุนหยู่เหวินเห้าขึ้นมาเป็นองค์ชายรัชทายาท เขาเคยคิดถึงความคัดค้านอย่างมากมายในราชสำนัก แต่เพราะมีขุนนางเก่าแก่อย่างโสวฝู่ฉู่กับราชครูเหว่ยเซียวเหยากงพวกนี้ เขาคิดว่าตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทของหยู่เหวินเห้า เริ่มแรกอาจจะไม่มั่นคง แต่ท้ายที่สุดแล้วก็จะสามารถมั่นคง
ใครจะไปคิดว่าเขาจะมีแม่ที่ประสงค์ร้ายต่อลูกชายตนเองเช่นนี้?
ใครจะไปคิดว่า เสียนเฟยจะใจกล้า ลอบฆ่าทำร้ายไทเฮา?
ไท่ซ่างหวงพูดต่อด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “อีกอย่าง เรื่องนี้สาเหตุเกิดจากองค์ชายรัชทายาท จุดไฟเผาตระกูลซู ฮ่องเต้ ลองครุ่นคิดก่อนเถอะ เรื่องนี้หากไต่สวนขึ้นมา คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องมีเยอะมาก”
ฮ่องเต้หมิงหยวนเงียบ เขารู้ แต่เรื่องนี้จะโทษองค์ชายรัชทายาทไม่ได้ เริ่มตั้งแต่จะดองกับตระกูลเหลิ่ง ตระกูลซูก็สร้างความเดือดร้อนมาตลอด เขาเองยังเกือบทนไม่ไหว อยากที่จะมีราชโองการลงโทษหลายคน
ไทเฮาเงียบไม่พูดไม่จา ก่อนหน้านี้ถูกเสียนเฟยทำร้าย มากสุดก็แค่เจ็บปวดใจแล้วก็ผิดหวัง แต่ตอนนี้ฟังคำพูดของไท่ซ่างหวงพวกแล้ว นางตกตะลึง ร่างกายเย็นเฉียบไปทำตัว
ภายในใจของนาง ไม่มีความรู้สึกสงสารตระกูลซูอีกแม้เพียงนิด คิดเพียงอย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรที่จะสามารถปกป้ององค์ชายรัชทายาทไว้ได้ ส่วนเสียนเฟย ตายเป็นร้อยครั้งก็ไม่เสียดาย
ไทเฮาไม่ใช่คนใจอ่อน สามารถปกครองวังหลังคนเดียวมาได้นานหลายปีขนาดนี้ เพราะนางเองมีความใจเย็นอยู่ระดับหนึ่ง เพราะเสียนเฟยเป็นคนตระกูลซู หลายปีมานี้จึงให้ท้ามาตลอด
ไท่ซ่างหวงให้หยู่เหวินเห้าไปรักษาตัวก่อน แล้วค่อยกลับจวน
หยู่เหวินเห้าโศกเศร้าอย่างมาก เขาโค้งคำนับแล้วก็จากไป
เขารู้ว่าครั้งนี้ท่านแม่ไม่มีทางมีชีวิตรอดแล้ว เขาก็ไม่ได้เสียดายตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท เพียงแค่รู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ชีวิตพลิกคว่ำไปแล้ว
หลังจากออกจากวัง ไม่ได้ตรงกลับไปยังจวน เขาไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้าหยวนชิงหลิงอย่างไร
เขาไปที่จวนเหลิ่งจิ้งเหยียน เหลิ่งจิ้งเหยียนเลี้ยงสุรา สั่งคนใช้ทำกับแกล้มมาหลายอย่าง หยู่เหวินเห้าเอาแต่ดื่มสุราอย่างเดียว ไม่ทานกับแกล้ม ดื่มรวดทีเดียวหลายแก้ว พร้อมพูดกับเหลิ่งจิ้งเหยียนว่า “ข้าไม่ได้พาคนมาด้วย รบกวนสั่งคนในจวนไปบอกเจ้าหยวนที บอกว่าข้าอยู่ที่นี่ น่าจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล”
เหลิ่งจิ้งเหยียนพยักหัว ออกใบสั่งข้ารับใช้ประจำตัว ให้เขาไปแจ้งที่จวนอ๋องฉู่
ตอนที่กลับมา มองเห็นใบหน้าที่เคร่งเครียดของหยู่เหวินเห้า จึงถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
มือทั้งสองข้างของหยู่เหวินเห้าค้ำยันอยู่บนโต๊ะ เงยหน้าขึ้นแล้วก็หัวเราะให้กับเขา พร้อมพูดขึ้นอย่างโศกเศร้าว่า “เรื่องที่ข้าจุดไฟเผาตระกูลซู เจ้ารู้แล้วมช่ไหม?”
เหลิ่งจิ้งเหยียนพูดขึ้นว่า“จะไม่รู้ได้อย่างไร? เรื่องนี้รู้กันไปทั้งบ้านทั้งเมือง ทุกคนต่างก็รู้หมดแล้ว ไทเฮาถือโทษโกรธหรือ? เจ้าอย่าเป็นกังวลมาก ไทเฮาเป็นคนมีเหตุผล ผ่านไปสักพักก็หายโกรธแล้ว เรื่องที่ตระกูลซูกระทำมาหลายปีนี้ ไทเฮารู้เห็นมาตลอด แต่ไม่ว่ายังไงก็เป็นครอบครัวของตนเอง จะโกรธโมโหก็ต้องมีบ้าง อย่าทุกข์ใจไปเลย”
หยู่เหวินเห้าหายใจเข้าลึกๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จย่าโกรธ ข้ารู้ว่ายังไงก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนที่จุดไฟเผาตระกูลซู ข้าก็เคยคิดแล้วว่าจะทำอย่างไรให้นางประทานอภัย แต่ ไม่ว่าข้าจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าท่านแม่จะรู้เรื่องนี้”
เขามองดูเหลิ่งจิ้งเหยียน แววตาค่อยๆแตกสลาย พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านแม่แทงทำร้ายเสด็จย่า”
“เพล้ง”ดังขึ้น จอกสุราในมือเหลิ่งจิ้งเหยียนหล่นลง สุราหกราดเต็มพื้น เขามองดูหยู่เหวินเห้าอย่างย่ำแย่ตกใจ แล้วค่อยหยิบผ้ามาเช็ดสุราที่เปื้อนบนตัว
เหลิ่งจิ้งเหยียนเก็บกวาดเศษแก้วบนพื้นด้วยตนเอง เอาเศษแก้วที่แตกวางกองไว้ด้านข้าง คนที่พูดเก่งอย่างเขา ตอนนี้กลับพูดอะไรไม่ออกขึ้นมาในทันใด
เหลิ่งจิ้งเหยียนคลุกคลีอยู่ในวงการการเมืองมานานหลายปี รู้ว่าสถานการณ์ในครั้งนี้ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ง่ายๆขนาดนั้น จึงไม่พูดอะไร ดื่มสุราเป็นเพื่อนเขาอย่างเดียว
คนของจวนเหลิ่งไปส่งข่าวแล้ว หมันเอ๋อรายงานให้หยวนชิงหลิงรับรู้ ในขณะเดียวกัน องครักษ์ลับผี ก็มารายงานเรื่องที่เกิดขึ้นภายในวัง
หยวนชิงหลิงฟังแล้ว เพียงแค่พูดว่ารู้แล้ว จากนั้นก็เดินเข้าห้องไป
นางนั่งอยู่บนเก้าอี้ ภายในห้องเต็มไปด้วยความเงียบเหงา เมื่อกี้ตอนที่เปิดประตู ไอความเย็นยังคงไม่หายไปในทันใด เย็นจนมือเท้าของน้ำเย็นเฉียบไปหมด
ด้านนอกมีเสียงระฆังดังขึ้น “ตุ้มตุ้มตุ้ม”เที่ยงคืนแล้ว
วันนี้ ช่างยาวนานเสียเหลือเกิน เหมือนผ่านไปแล้วหนึ่งปี
หยวนชิงหลิงรู้สึกเหนื่อยล้า แต่ก็ไม่ยอมนอน นวดระหว่างคิ้ว แสงเทียนสลัวๆ เงาของนางปรากฏอยู่บนผนัง
นางเหมือนกำลังเห็นตอนแรกเริ่ม ภายในห้องหอเฟิ่งหยี ล้อมรอบไปด้วยแสงเทียนสีแดง แสงเทียนสั่นไหว เหมือนดั่งเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
ภายในใจของนางกลัวอยู่เพียงเรื่องเดียว นั่นก็คือเจ้าห้าสงสัยในตัวนะ
หยวนชิงหลิงคนก่อน ทำให้เขาสูญเสียความเชื่อมั่นจากฮ่องเต้ ทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหายย่อยยับ
และนางในตอนนี้ ที่จริงก็ทำให้เขาสูญเสียไปเยอะมาก ตอนนี้นางก็ไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรผิดกันแน่ ทำไมเสียนเฟยถึงได้เกลียดนางเข้ากระดูกเช่นนี้
ทั้งๆที่ในใจของพวกนางต่างก็รักคนคนเดียวกัน ต่างก็คาดหวังให้เขาได้ดี
หรือจะต้องเป็นเหมือนคนอย่างพระชายาอานถึงจะดี? รู้ทุกอย่างแต่ไม่พูด เพียงแค่แอบเป็นกังวลอยู่ยังลับๆ
ได้ยินเสียงข้าวเหนียวน้อยร้องไห้อยู่ในห้องด้านข้าง พวกเด็กๆจะต้องตื่นขึ้นมาดื่มนม ปัสสาวะ ตอนกลางคืน แต่จะร้องไห้น้อยครั้งมาก
แม่นมกำลังปลอบโยนด้วยเสียงเบา สักพักก็เงียบลง
นางขึ้นไปบนเตียง นั่งคลุมผ้าห่มไว้ มองดูช่องแหว่งตลอด เขาก็ยังไม่กลับมา
คืนนี้คงไม่กลับมาแล้วมั้ง? พวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากันและกันยังไงแล้ว
เสียนเฟยลอบฆ่าไทเฮา โชคชะตากำหนดไว้ ตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทของเขา ก็คงไม่อาจรักษาไว้ได้ สาเหตุเกิดจากเขาจุดไฟเผาตระกูลซู เขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องได้หรือ? ต่อให้ไม่มีใครถือโทษ เขาจะสามารถสบายใจได้หรือ?
หยวนชิงหลิงอ่านเรื่องประวัติศาสตร์ รู้ว่าภายในสังคมอำนาจกษัตริย์ ศักดิ์ศรีของกษัตริย์เป็นสิ่งที่ไม่สามารถท้าทายได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าลอบฆ่าไทเฮา
ในหัวของนางคิดไปเรื่อยเปื่อยมากมาย คิดถึงว่าหากเจ้าห้าห่างเหินกับนางล่ะ พวกเขาอยู่ด้วยกันต่อไปไม่ได้แล้ว นางควรจะทำอย่างไร?