บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 733 เห็นแก่ส่วนรวมเป็นหลัก
สักพัก ไท่ซ่างหวงเข้ามาแล้ว หยู่เหวินเห้ารีบประคองหยวนชิงหลิงลุกขึ้นมาถวายบังคม
ไท่ซ่างหวงยกมือ นั่งลงพร้อมพูดขึ้นว่า “บาดเจ็บทั้งสองคน นั่งลงเถอะ”
มองดูใบหน้าที่โศกเศร้าของทั้งสองคน แล้วไท่ซ่างหวงพูดขึ้นว่า “ข้าก็จะไม่พูดอะไรมาก สักพักฮ่องเต้จะเรียกพบพวกเจ้า ข้อเสนอของเขา ไม่ว่าในใจของพวกเจ้าจะยินยอมหรือไม่ ล้วนต้องตอบตกลง เห็นแก่ส่วนรวมเป็นหลัก”
หยู่เหวินเห้าถามขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เรื่องที่จะปลดองค์ชายรัชทายาทหรือ? หลานยอมตกลง หลานไม่สนใจ”
ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าไม่สนใจ แต่มีคนสนใจ ขอเพียงมีคนอื่นสนใจ เจ้าไม่สนใจก็ต้องสนใจ วันนี้เสด็จพ่อเรียกเหล่าขุนนางมาหารือ ว่าจะรักษาตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทของเจ้าไว้ได้อย่างไร ความรับผิดชอบของเจ้าใหญ่หลวง ต้องเสียสละบ้าง ก็เป็นเรื่องที่สมควร”
หยู่เหวินเห้าค่อนข้างแปลกใจ จึงถามขึ้นว่า “ไม่ปลดข้าหรือ?”
ยังจะมีวิธีอะไร? เรื่องนี้ปิดบังไว้ไม่ได้หรอก แม่ขององค์ชายรัชทายาทแห่งเป่ยถัง เป็นนางสนมที่ลอบฆ่าไทเฮา ตัวองค์ชายรัชทายาทเองก็ไม่แตกต่างอะไรกับกบฏ
“ทำตามที่เสด็จพ่อเจ้าสั่งเถอะ ข้ายังคงขอพูดประโยคนั้น เห็นแก่ส่วนรวมเป็นหลัก”ไท่ซ่างหวงพูดขึ้น
หยู่เหวินเห้าส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “รู้แล้ว”
ไท่ซ่างหวงมองดูหยวนชิงหลิง ดวงตาอ่อนโยน พร้อมพูดขึ้นว่า “ยังเจ็บแผลไหม?”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างน่าสงสารว่า “เจ็บ”
ไท่ซ่างหวงเม้มริมฝีปาก พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ็บก็อดเอา บอกข้า ข้าก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้”
หยวนชิงหลิงคิดในใจอย่างน่าสงสารว่า แล้วท่านยังจะถาม?
ไท่ซ่างหวงลุกเดินออกไป สักพัก มู่หรูกงกงก็มาเชิญพวกเขาทั้งสองคนไปยังห้องทรงพระอักษรด้วยตนเอง
หยวนชิงหลิงถูกประคองไป ถึงแม้บาดแผลจากด้านหลัง แต่ตอนที่ขยับสะเทือนบาดแผลก็ยังคงเจ็บอย่างมาก
หยู่เหวินเห้า ลก็ถูกปิ่นปักผมแทงตรงตำแหน่งสะบักหลัง แต่หลายวันผ่านมาแล้วอาการดีขึ้นบ้างแล้ว แต่รู้ว่าเจ็บอย่างไร จึงปกป้องนางเดินมาตลอดทาง
มาถึงด้านนอกห้องทรงพระอักษร กลับเห็นหยู่เหวินหลิงก็ถูกประคองเดินมา
สีหน้าของนางซีดเซียว มองเห็นหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิง เม้มริมฝีปาก น้ำตาไหลพราก ดิ้นหลุดจากการประคองของนางข้าหลวง แล้ววิ่งไปกอดหยู่เหวินเห้า ซบกอดเขาไว้แล้วก็ร้องไห้พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ห้า ท่านแม่บ้าไปแล้ว”
หยู่เหวินเห้าประคองหยวนชิงหลิงไว้ข้างหนึ่ง กอดนางไว้ข้างหนึ่ง ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “พี่ห้ารู้แล้ว ไม่เป็นไร ล้วนผ่านไปแล้ว”
เขาประคองหยู่เหวินหลิงให้ยืนอย่างมั่นคง ดูใบหน้าเศร้าๆของนาง บนใบหน้ากับบนหน้าผากต่างก็มีบาดแผล ตรงหน้าผากค่อนข้างหนัก ไม่ได้ พันแผลไว้ เพียงแค่ทายาไว้ แดงก่ำไปทั่ว ตรงคอของนาง พันแผลไว้ แต่ผ้าพันแผลสีขาวเปื้อนไปด้วยเลือด เขารู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมา น้องสาวคนนี้สดใสไร้เดียงสามาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้จำเป็นที่จะต้องถูกบีบบังคับให้เติบโต
“พี่สะใภ้ห้า อาการบาดเจ็บของเจ้าสาหัสไหม?”หยู่เหวินหลิงจับมือหยวนชิงหลิงไว้ ตอนที่นางถูกยกลงมา สติความรู้สึกที่ยังมีคือได้ยินเสียงตกใจของทุกคน นางรู้ว่าท่านแม่ทำร้ายพี่สะใภ้ห้า
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ข้าไม่เป็นอะไรมาก ไม่เป็นไร”
นางยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้กับหยู่เหวินหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ เสด็จพ่อเรียกพบพวกเรา ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไร เราเข้าไปกันก่อนเถอะ”
“ได้”หยู่เหวินหลิงก็เช็ดหน้าตนเองไปเรื่อย เช็ดไปจนถึงบาดแผลบนหน้าผาก แล้วนางก็สูดหายใจอย่างเจ็บปวด
มู่หรูกงกงพาทั้งสามคนเข้ามา กลับเห็นเต๋อเฟยกับฮองเฮาฉู่ก็อยู่ข้างใน
นอกจากพวกนางแล้ว เลขานุการเจ้ากรมพิธีการ อ๋องชินจือหลี่ก็อยู่ เขาเป็นผู้อาวุโสของตระกูลหยู่เหวิน แผนภูมิหยกประจำราชวงศ์ล้วนเป็นเขาเป็นคนเขียน(**อ๋องชินจือหลี่มีหน้าที่ปฏิบัติกฎของมารยาทในงานพิธีต่างๆ)
ราชครูเหว่ย เซียวเหยากง โสวฝู่ฉู่ ทั้งสามคนต่างก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ไถ้ซือ ต่างก็หันมามองทางด้านพวกเขา
ฮ่องเต้หมิงหยวนนั่งอยู่ตรงกลาง ท่าทีดูเคร่งขรึม
หลังจากที่ทั้งสามคนคุกเข่าถวายบังคมเสร็จแล้ว ก็ถูกพาไปนั่ง
หยู่เหวินเห้ามองเห็นเช่นนี้ ในใจก็พอเข้าใจบ้างแล้ว สีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก แต่สุดท้ายแล้วก็ยังคงข่มไว้
ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นภายในวังหลายวันนี้ ข้าก็จะไม่พูดถึงอีกแล้ว ทุกคนต่างก็รู้ดี ตอนนี้สำหรับเป่ยถังแล้ว หรือเป็นช่วงเวลาค่อนข้างคับขัน ในปีนี้ข้ากำลังส่งเสริมธุรกิจอย่างจริงจัง ส่งเสริมความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับแคว้นต้าโจว กลับมาเก็บภาษีการค้าอีกครั้ง เพื่อเพิ่มพูนกองคลัง เป่ยถังในสามถึงห้าปีข้างหน้า ทนรับการคุกคามไม่ไหว เพราะฉะนั้น ตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท จะสั่นคลอนไม่ได้ ประเทศจะต้องมั่นคง ถึงจะไม่มีการแย่งชิงกันในราชสำนักและวังหลัง”
ตอนที่เขาพูด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ่อนล้าและจนใจ ตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่จนถึงตอนนี้ เพิ่งผ่านไปเพียงหกเจ็ดวันสั้นๆ เขาแลดูแก่ลงไปอย่างมาก จอนด้านข้างขาวเหมือนดั่งเปื้อนน้ำค้าง
เพื่อประเทศนี้ เขาเหนื่อยทั้งกายใจอย่างมากแล้วจริงๆ
“แต่” ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดต่อว่า “เสียนเฟยแม่องค์ชายรัชทายาทไร้ศีลธรรม เกิดการวิวาทเกี่ยวกับตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท ว่าที่กษัตริย์เป่ยถัง แม่ผู้ให้กำเนิดองค์ชายจะต้องเป็นผู้บริสุทธิ์มีคุณธรรม ประพฤติดีมีศีลธรรม เพื่อเป็นการรับประกันว่าต่อไปวังหลังจะไม่ส่งผลกระทบต่อราชสำนัก ญาติต่างชาติไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ส่วนสียนเฟยแม่ขององค์ชายรัชทายาทเลวทรามต่ำช้า เรื่องที่กระทำลงไป ขัดต่อจริยธรรมมนุษย์ ไม่สามารถเป็นแบบอย่างแม่ของแผ่นดินที่ดี การที่โอรสสวรรค์กระทำผิด มีความผิดเทียบเท่าประชาชน ข้าตัดสินใจที่จะลงโทษการกระทำของเสียนเฟย ใครก็ห้ามร้องขอ ผู้ใดร้องขอถือมีความผิดร่วม”
ตอนที่ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดเช่นนี้ หันไปมองดูหยู่เหวินเห้ากับหยู่เหวินหลิงแว็บหนึ่ง เห็นทั้งสองคนก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไร จึงพูดต่อไปว่า “แต่ เมื่อกี้ข้าก็พูดแล้ว เป่ยถังจะปลดองค์ชายรัชทายาทไม่ได้ ข้าได้หารือกับผู้อาวุโสเหล่าขุนนางแล้ว เต๋อเฟยไม่มีบุตร ให้องค์ชายรัชทายาทกับเจ้าหญิงไปเป็นบุตรของเต๋อเฟย นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เต๋อเฟยเลื่อนตำแหน่งเป็นหวงกุ้ยเฟย มีอำนาจรองจากฮองเฮา”
เมื่อพูดเช่นนี้ออกมา หยู่เหวินเห้าทั้งสามคนเงยหน้าขึ้นมาทันที แม้แต่เต๋อเฟย ก็ตกใจจนแทบจะตกลงมาจากเก้าอี้
ต่างหันไปมองฮ่องเต้หมิงหยวนพร้อมกัน คำพูดที่ว่าฮ่องเต้ตรัสคำไหนคำนั้น นี่ถือเป็นความจริงหรือ?
ภายในใจหยู่เหวินเห้าสับสนอย่างมาก ใช่ว่าเขาไม่รักใคร่เต๋อเฟย แต่เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แม่ผู้ให้กำเนิดก็ยังอยู่ กลับต้องรับเต๋อเฟยมาเป็นแม่ เท่ากับ…..
เขาไม่รู้จะพูดอธิบายถึงความรู้สึกในตอนนี้อย่างไร แค่รู้สึกเศร้าที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
ฮ่องเต้หมิงหยวนเห็นหยู่เหวินเห้ากับเต๋อเฟยต่างก็เงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “ข้าตัดสินใจแล้ว ห้ามคัดค้านเด็ดขาด”
เต๋อเฟยคุกเข่าลง พูดขึ้นด้วยเสียงสั่นว่า “ทูลฮ่องเต้ หม่อมฉันมีดีอะไรที่จะสามารถเป็นแม่ขององค์ชายรัชทายาท?”
“เจ้าไม่ยินยอมหรือ?”ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูเต๋อเฟยพร้อมถามขึ้น
เต๋อเฟยส่ายหัว น้ำตาไหลเปื้อนขนตา พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “หม่อมฉันไม่กล้าแม้แต่จะฝัน ว่าจะมีบุญวาสนาเช่นนี้”
“องค์ชายรัชทายาทไม่ยินยอมหรือ?”ฮ่องเต้หมิงหยวนหันมามองหยู่เหวินเห้าด้วยแววตาเฉียบคม
หยู่เหวินเห้ารู้สึกอัดอั้นภายในอกหายใจไม่ออก เขาหันไปมองเต๋อเฟยอย่างยากลำบาก เต๋อเฟยก็มองดูเขา แววตาก็สับสนอย่างบอกไม่ถูกพูดไม่ออกเหมือนกัน แต่หยู่เหวินเห้ามองเห็นถึงความรอคอย เพียงแต่นางไม่กล้าที่จะเผยความรอคอยนี้ออกมาให้เห็น
เขาหันไปมองหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงจับมือของเขาไว้ ในเวลาแบบนี้ เขาไม่มีทางเลือก จะต้องตอบตกลง ดังนั้นนางจึงพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ไท่ซ่างหวงพูดว่า เห็นแก่ส่วนรวมเป็นหลัก”
สุดท้าย หยู่เหวินเห้าพยักหัวอย่างยากลำบาก พร้อมพูดขึ้นว่า “ลูก ไม่มีความใดใด”
เต๋อเฟยปิดหน้าร้องไห้
ฮ่องเต้หมิงหยวนยังไม่โล่งอก ท่าทีกลับดูค่อนข้างเคร่งขรึมขึ้นมา พูดกับอ๋องชินจือหลี่ว่า “รบกวนเสด็จลุงแก้ไขแผนภูมิหยกประจำราชวงศ์”
อ๋องชินจือหลี่ลุกขึ้นพนมมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้วางใจ จะทำพิธีการคืนนี้ ข้ากลับไปแล้วก็จะรีบแก้ไขทันที”
พิธีการที่ว่า ก็คือคุกเข่ายอมรับความเป็นแม่ หากเป็นปกติสามารถกระทำอย่างยิ่งใหญ่ วันนี้ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบง่าย