บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 735 ให้หยวนชิงหลิงไปพบ
ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดต่อว่า “อีกอย่าง ด้วยความเฉลียวฉลาดของเจ้า จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าทำไมข้าถึงยกเจ้าหญิงให้กับเหลิ่งซี่? แต่เจ้ากลับขัดขวาง ไม่เห็นด้วยกับงานแต่ง ขัดขวางไม่ให้ข้าดำเนินตามนโยบายแผ่นดิน สุดท้ายยังจับตัวเจ้าหญิงเป็นตัวประกันอยู่ในตำหนักชิ่งหยู ทำร้ายเจ้าหญิงเสียโฉม ยังทำร้ายพระชายารัชทายาท เจ้าบอกว่าจะคุยต่อลงกับข้า ข้อต่อลงเงื่อนไขนี้ก็เกี่ยวข้องกับตระกูลซูไหม? ทุกสิ่งอย่างที่เจ้าวางแผน ไม่ได้ทำเพื่อลูกชายลูกสาวของเจ้า ในใจในปากของเจ้า ล้วนคิดถึงแต่ตระกูลซู สียนเฟย ในฐานะที่เป็นแม่ เจ้าควรจะละอายใจตายเสียที”
“หม่อมฉันจะทำร้ายเจ้าหญิงได้อย่างไร?” เสียนเฟยส่ายหัวอย่างเจ็บปวด น้ำตาไหลพรากเหมือนดั่งฝน ใบหน้าเปื้อนไปด้วยน้ำมูกน้ำตา ดูย่ำแย่น่าสงสารอย่างบอกไม่ถูก พร้อมพูดขึ้นว่า “ถึงหม่อมฉันจะจับตัวเจ้าหญิงเป็นตัวประกัน แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายนาง หม่อมฉันยอมรับว่าในใจคิดถึงตระกูลซู แต่ฮ่องเต้พระองค์ส่งเสริมหลักความเมตตากรุณาและความกตัญญูกตเวที ไม่ควรที่จะมีความกตัญญูกตเวทีก่อนหรือ? หม่อมฉันกตัญญู ผิดตรงไหน?”
“เสียนเฟย” ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูนาง สีหน้านอกจากขุ่นเคืองแล้ว ยังมีอารมณ์ที่ค่อนข้างสับสน เป็นสามีภรรยากันมาตั้งแต่วัยหนุ่ม พวกเขาอยู่ด้วยกันมากกว่ายี่สิบปี ยังไงก็มีความผูกพันกัน ไม่เช่นนั้นวันนี้ก็คงไม่มาเจอหน้านาง เห็นนางร้องไห้กลายเป็นเช่นนี้ เขาส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ากตัญญู แต่เจ้าตกอยู่ในสภาพทุกวันนี้ ตระกูลซูมีใครทุกข์ใจเพื่อเจ้า? มีใครเจ็บปวดเพื่อเจ้า? ตั้งแต่หลังจากข่าวที่เจ้าลอบฆ่าไทเฮาถูกพูดออกจากวังไป คนตระกูลซูก็จากไปแล้วแปดเก้าส่วน ทำไมพวกเขาถึงจากไปในใจเจ้าไม่รู้ดีหรือ? พวกเขากลัวที่จะต้องรับโทษพร้อมกับเจ้าเสียนเฟย ที่ผ่านมาพวกเจ้าร่วมมือกันทำเรื่องไม่ดีมามากแค่ไหน? คงจะสนองที่เจ้าในวันนี้จนหมดแล้ว หากความกตัญอยู่ของเจ้ามีประโยชน์ งั้นคนในตระกูลของเจ้าก็จะต้องมาร้องขอเพื่อช่วยเจ้า เจ้าได้ยินเสียงร้องไห้ของหลิงเอ๋อร์ไหม? วันนี้นางเกือบตายอยู่ในมือของเจ้า แต่เจ้ากลับคิดถึงแต่ตระกูลซู มองเห็นพวกเขาไหม?”
เสียนเฟยหลับตา น้ำตาไหลพรากตกลงมา ในที่สุดนางก็ร้องไห้ออกมาอย่างบีบคั้นหัวใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “หม่อมฉันผิดไปแล้ว”
ฮ่องเต้หมิงหยวนส่ายหัวอย่างเจ็บปวด “แต่เจ้าเกลียดผิดที่ยากที่จะหวนคืนแล้ว”
“ไม่” เสียนเฟยพูดขึ้นอย่างย่ำแย่ว่า “ฮ่องเต้ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว ต่อไปจะไม่ทำลายผลประโยชน์ขององค์ชายรัชทายาทเพื่อตระกูลซูแล้ว หม่อมฉันจะไม่สนใจตระกูลซูแล้ว ขอฮ่องเต้โปรดอภัยให้กับหม่อมฉัน แม่ขององค์ชายรัชทายาทจะตายเพราะกระทำความผิดไม่ได้ ฮ่องเต้พระองค์ให้โอกาสหม่อมฉันอีกครั้ง”
ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นว่า “ข้าเคยให้โอกาสเจ้าแล้วหลายครั้ง กักบริเวณเจ้า บอกคนภายนอกว่าเจ้าป่วยหนัก ข้ารอให้เจ้าสำนึกผิดมาตลอด หากไม่จำเป็นอย่างที่สุด ข้าไม่อยากที่จะทำให้องค์ชายรัชทายาทเสียใจ แต่เจ้าไม่เห็นความสำคัญ ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงขั้นลอบฆ่าไทเฮา จับตัวเจ้าหญิงเป็นตัวประกัน เจ้ากระทำผิดอย่างไม่สามารถให้อภัยแล้ว ก่อนที่ข้าจะมา ได้แต่งตั้งให้เต๋อเฟยเป็นหวงกุ้ยเฟยที่ตำหนักเหอเต๋อแล้ว องค์ชายรัชทายาทกับเจ้าหญิงรับหวงกุ้ยเฟยแม่ เจ้าที่เป็นแม่ผู้ให้กำเนิด ประวัติในพระราชวังจะไม่ถูกบันทึกไว้”
ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดจบ ก็ไม่หันมามองนาง ลุกขึ้นแล้วก็จากไป
“ไม่” เสียนเฟยร้องตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวด พูดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดว่า “องค์ชายรัชทายาทมีแม่ ทำไมจะต้องรับเต๋อเฟยเป็นแม่? ฮ่องเต้ ฮ่องเต้พระองค์กลับมา พระองค์กลับมาพูดให้ชัดเจน หม่อมฉันไม่ได้กระทำผิดอย่างไม่สามารถให้อภัย หม่อมฉันถูกใส่ร้าย จะต้องเป็นเต๋อเฟยที่ว่าจ้างให้จางกงกงมาพูดหลอกลวงหม่อมฉัน ต๋อเฟย เจ้าไม่ได้ตายดีแน่”
“ฮ่องเต้ ในฐานะที่เป็นแม่ลูกกัน พระองค์ให้หม่อมฉันได้เจอองค์ชายรัชทายาท ให้หม่อมฉันได้เจอองค์ชายรัชทายาท ให้หม่อมฉันได้บอกลาเขา ขอโทษเขา……”
ฮ่องเต้หมิงหยวนหยุดฝีเท้าอยู่ด้านนอก มู่หรูกงกงพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ฮ่องเต้ หากองค์ชายรัชทายาทพบเสียนเฟย เกรงว่าจะใช้ความรู้สึกในการกระทำ แต่หากไม่ให้พบ ยังไงก็เป็นแม่ลูกกัน ทำร่ำลาก่อนตาย ก็ควรที่จะได้พูดคุยกัน”
ฮ่องเต้หมิงหยวนเงียบขรึมไปสักพัก ภายในตำหนัก เสียนเฟยร้องเรียกชื่อหยู่เหวินเห้าอยู่อย่างเจ็บสุดขาดใจ ได้ยินแล้วก็ทุกข์ใจ
ฮ่องเต้หมิงหยวนเงยหน้าขึ้น มองดูท้องฟ้าที่มืดครึ้ม ไม่เห็นแม้แต่ดวงดาว เขาคิดถึงตอนที่รับเสียนเฟยเข้ามาอยู่ในจวน ใบหน้าที่ไร้เดียงสานั่นเหมือนดั่งหลิงเอ๋อร์ เขาพูดอย่างสุขุมว่า “เชิญพระชายารัชทายาทมา คิดว่า หากนางสำนึกผิดแล้วจริงๆ ก็คงจะไม่มีความเกลียดชังพระชายารัชทายาทแล้ว เจ้ารอฟังอยู่ด้านนอก แค่ฟังก็พอ แล้วกลับมารายงานข้า”
มู่หรูกงกงรับคำว่า “ขอรับ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนเดินไปอย่างรวดเร็ว
มู่หรูกงกงไปยังพระตำหนักฉินคุนด้วยตนเอง หยู่เหวินเห้าได้เห็นว่าฮ่องเต้จะให้หยวนชิงหลิง ก็คัดค้านทันที
มู่หรูกงกงพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “องค์ชายรัชทายาท ให้พระชายารัชทายาทไปเถอะ นี่เป็นการที่ฮ่องเต้ให้โอกาสเสียนเฟยเป็นครั้งสุดท้าย”
หยู่เหวินเห้าตกตะลึงก่อน มองดูสายตาที่บ่งชัดของมู่หรูกงกง ในใจก็เข้าใจขึ้นมาในทันใด เขาถอนหายใจอย่างหนักแน่น มองดูหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าระวังตัวด้วย”
“องค์ชายรัชทายาทวางใจ ข้าน้อยจะรอรับใช้อยู่ด้านข้าง” มู่หรูกงกงพูดขึ้น
หยู่เหวินเห้ามองดูมู่หรูกงกงด้วยสายตาซับซ้อน ความหมายของมู่หรูกงกงเขาเข้าใจดี ต่อให้เจ้าหยวนอยากแอบบอกอะไรท่านแม่ เพราะมีมู่หรูกงกงอยู่ด้วย จึงไม่สามารถที่จะทำได้
หยู่เหวินหลิงร้องไห้ พร้อมเดินมาพูดขึ้นว่า “สามารถเอาของกินไปให้ท่านแม่ได้ไหม? เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน นางไม่ได้ทานอะไรเลย”
มู่หรูกงกงพยักหัวพร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ได้”
หยู่เหวินหลิงรีบสั่งคนไปเตรียม วิ่งเข้าวิ่งออกด้วยอาการบาดเจ็บ เพื่อเฝ้าดูให้เสียนเฟยได้ทานกับข้าวร้อนๆ
เมื่อเตรียมกล่องข้าวเรียบร้อยแล้ว มู่หรูกงกงรับมา พร้อมพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “พระชายารัชทายาท เชิญ”
หยวนชิงหลิงมองดูหยู่เหวินเห้า ในใจทรมานอย่างมาก เรื่องที่หยู่เหวินเห้าเข้าใจ นางก็เข้าใจ เมื่อกี้ฮ่องเต้ไปพบเสียนเฟย หากท่าทีเสียนเฟยไม่ดี งั้นฮ่องเต้จะไม่อนุญาตให้พวกเขาเจอกัน เสียนเฟยจะต้องทำตัวดี หรือสำนึกผิด ดังนั้นฮ่องเต้จึงยอมให้โอกาส
นางเกลียดเสียนเฟยอย่างที่สุด แต่การตายของเสียนเฟย จะต้องทำให้เจ้าห้าเสียใจ งั้นนางยอมที่จะให้เสียนเฟยมีชีวิตอยู่ เพราะต่อให้เสียนเฟยมีชีวิตอยู่ ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางให้นางอยู่ในวัง ยังไงก็รับหวงกุ้ยเฟยเป็นแม่แล้ว
นางหันกลับไปกอดหยู่เหวินเห้า พร้อมพูดขึ้นว่า “อย่าคิดมาก อย่าคิดมาก”
หยู่เหวินเห้าก็กอดนางกลับ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมอย่างที่สุดว่า “อย่ากระตุ้น….นาง”
ในใจหยวนชิงหลิงเจ็บปวด หันกลับไปน้ำตาไหล
เสียนเฟย เจ้าบีบบังคับให้เขากลายเป็นอะไรไปแล้ว?
หยู่เหวินหลิงร้องไห้อยู่ตลอด อยากที่จะไล่ตามออกไป กลับถูกหยู่เหวินเห้าดึงไว้ กลับหันกลับมาซบอกหยู่เหวินเห้า พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ห้า ทำอย่างไรดี? ทำอย่างไรดี?”
หยู่เหวินเห้าลูบเส้นผมของนางแววตาหมองหม่น พูดพึมพำขึ้นว่า “ทุกอย่าง แล้วแต่ตัวนางเอง”
ด้านนอกหนาวมาก หยวนชิงหลิงออกมาแล้วก็หนาวสั่น มู่หรูกงกงเดินอยู่ข้างหน้า ฝีเท้าค่อนข้างโซเซ หลายวันนี้เกิดเรื่องมากมายขนาดนั้น เขาก็เหนื่อยมากแล้ว
ออกมาจากพระตำหนักฉินคุน ก็เห็นเกี้ยวของหวงกุ้ยเฟยอยู่ด้านนอก หวงกุ้ยเฟยก็ออกมายืนอยู่ด้านนอก กำลังลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือไม่
มู่หรูกงกงพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “เมื่อกี้ตอนที่ข้าน้อยมา หวงกุ้ยเฟยก็อยู่ตรงนั้นแล้ว”
หยวนชิงหลิงครุ่นคิด พร้อมพูดขึ้นว่า “กงกงรอสักครู่”
นางเดินไปหาหวงกุ้ยเฟย หวงกุ้ยเฟยก็มองเห็นนาง รีบเดินไปรับ แล้วก็จับมือของนางไว้
“ทำไมท่านแม่มาเดินวนอยู่ตรงนี้?”หยวนชิงหลิงเรียกท่านแม่อย่างคล่องปาก ยังไงก็สนิทสนมกับเต๋อเฟย
เต๋อเฟยถอนหายใจ มองดูพระตำหนักฉินคุน พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ารู้ว่าในใจเจ้าหญิงจะต้องทรมานอย่างมาก แต่เมื่อกี้อยู่ที่ตำหนักเหอเต๋อ ข้าก็ไม่สามารถพูดปลอบอะไรได้มาก อยากมาอยู่เป็นเพื่อน แต่ก็กลัวไม่เหมาะสม ดังนั้นจึงเดินวนอยู่ที่นี่ไม่ได้เข้าไป”