บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 744 ส่งศพเสียนเฟย
เวลาได้ผ่านไปหลายวันแล้ว หยู่เหวินเห้าไม่เคยเอ่ยถามคำถามนี้
ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากถาม แต่ในใจรู้ดี คงไม่ได้ทิ้งคำพูดดีๆอะไรเอาไว้ให้ เพราะถ้าเป็นคำพูดดีๆ ไหนเลยนางจะได้รับผลกรรมเช่นนี้
แต่ว่าวันนี้ได้ถูกความยินดีในงานมงคลของหลิงเอ๋อร์ชะล้างความเจ็บปวดให้บรรเทาลงไปบ้าง ทำให้หัวใจของเขาก่อเกิดความหวังขึ้นมาเล็กน้อย บางที อาจมีข้อความเพียงเล็กน้อยที่ควรค่าในการพูดออกมาก็เป็นได้
หยวนชิงหลิงมองสายตาของเขามีมีแววแห่งความรอคอยวาบผ่านไปชั่วครู่ ในใจก็ยิ่งรู้สึกเป็นทุกข์ ถ้าหากนางบอกว่าไม่มี ล้วนเป็นคำพูดที่โหดร้าย เกรงว่าจะยิ่งทำให้เขาเสียใจเข้าไปใหญ่
ถ้าหากบอกว่ามี แต่งเรื่องสักหน่อยก็ไม่ยาก แต่เขาจะเชื่อหรือ
สุดท้ายหยวนชิงหลิงเลือกจะพูดออกมาเสียงเบาว่า “คำพูดช่วงแรกๆล้วนเป็นคำพูดที่ดีมาก แต่ตอนที่ข้ากำลังหมุนตัวจะจากไป ข้าได้ยินนางเรียกชื่อของท่าน ข้าหันกลับไปมองนาง นางร้องไห้”
มือของหยู่เหวินเห้าสั่นเล็กน้อยอยู่ชั่วครู่ “แล้ว เจ้าฟังออกถึงน้ำเสียงกลับใจของนางหรือไม่”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “ข้าไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ ตอนที่ข้าจากมา นางไม่ได้กรีดร้องเหมือนก่อนหน้านั้น แต่นิ่งสงบมาก”
หยู่เหวินเห้ายกแก้วน้ำชาไว้ในมือ พูดเสียงเบาว่า “บางที นางอาจจะเข้าใจชัดเจนในช่วงเวลาสุดท้าย”
หยวนชิงหลิงพยักหน้าเบาๆ ไม่พูดอะไรอีก มองใบหน้าที่ครุ่นคิดอย่างเคร่งขรึมของเขา นางหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในวาระสุดท้ายของเสียนเผยจะเป็นช่วงเวลาที่ตื่นรู้อย่างแท้จริง
ตอนที่เจ้าหญิงกลับราชวังหลังแต่งงานสามวัน หยวนชิงหลิงกับหรงเยว่ก็เข้าวังไปพร้อมกัน
ดูเจ้าหญิงจะดีใจมากกว่าก่อนหน้านี้อยู่บ้าง หลังจากไปคำนับในตำหนักต่างๆแล้ว ก็นั่งคุยกับพวกหวงกุ้ยเฟยและหยวนชิงหลิงอยู่ที่ตำหนักเหอเต๋อ
หวงกุ้ยเฟยได้ไล่บ่าวรับใช้ในวังออกไปจนหมด จึงดึงมือของเจ้าหญิงขึ้นมาและถามว่า “เขาดีกับเจ้าหรือไม่ ”
เจ้าหญิงพูดว่า “ข้าเคยพบกับเขาแต่สองครั้ง แต่เขาดีมากจริงๆ ”
หวงกุ้ยเฟยนิ่งอึ้ง “เพิ่งเจอกันสองครั้ง?”
“ใช่แล้ว ครั้งแรกคือวันแต่งงานวันนั้น เขาเข้ามาเปิดผ้าคลุมหน้า พูดไม่กี่คำจากนั้นก็เดินออกไป ยังมีอีกครั้งก็คือการกลับราชวังในวันนี้ เขาเข้าวังมาพร้อมกับข้า ”
เมื่อหวงกุ้ยเฟยได้ยินเช่นนี้ ก็ตกใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ สบสายตากับหยวนชิงหลิงและหรงเยว่ นี่มันเรื่องอะไรกัน ก็แต่งงานกันแล้วมิใช่หรือ ไม่ได้นอนด้วยกันหรือ
แต่ไหนแต่ไรมาหวงกุ้ยเฟยก็คิดว่าเจ้าหญิงเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง แม้ว่าตอนนี้จะแต่งงานไปแล้ว แต่เพราะว่ายังไม่ได้ร่วมหลับนอนกับราชบุตรเขย ฉะนั้นจึงไม่กล้าถาม
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าเรื่องที่เป็นส่วนตัวเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องถาม นางรู้สึกว่าเรื่องเช่นนี้ไม่ได้กำหนดแน่นอนว่าต้องทำในคืนวันแต่งงานเท่านั้น และนางยังรู้สึกว่าเป็นอย่างนี้ก็ยิ่งดี
กลับเป็นหรงเยว่ที่มองนางอย่างประหลาดใจ ถามออกไปว่า “ทำไม พวกเจ้าไม่ได้นอนด้วยกันหรอกหรือ”
ก่อนที่หยู่เหวินหลิงจะแต่งงาน นางข้าหลวงชี้แนะได้มีการให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องระหว่างสามีภรรยา ฉะนั้นเมื่อหรงเยว่ถามเช่นนี้ออกไป นางเองก็รู้ว่าหมายถึงอะไร ใบหน้าก็มีแววเหนียมอายผุดขึ้นมา พูดด้วยเสียงอันเบาหวิวว่า “ไม่ได้นอนด้วยกัน”
“ทำไมกัน ”หรงเยว่เบิกตากว้าง “นี่มันเป็นเรื่องที่มีความสุขมากนะ”
หยวนชิงหลิงที่กำลังดื่มชาอยู่ พอได้ยินคำพูดนี้ของหรงเยว่ ก็พ่นน้ำชาออกมาจากปากทันที ไออยู่ชั่วครู่ สำลักจนหน้าแดงไปหมดแล้ว
หรงเยว่มองนางอย่างประหลาดใจ “ท่านจะหน้าแดงทำไมกัน ท่านคลอดลูกตั้งสามคนแล้ว ไม่ใช่จะไม่รู้สักหน่อยว่าเรื่องอย่างนี้มันมีความสุขมากแค่ไหน”
หยวนชิงหลิงโบกมือ จากนั้นก็เช็ดที่มุมปาก บอกออกไปว่ารับไม่ได้ในความตรงไปตรงมาของนาง “เอาล่ะ หยุดพูดเถอะ มีความสุขหรือไม่ เจ้ารับรู้ด้วยตนเองก็พอ จะพูดออกมาทำไมกัน ”
หรงเยว่ยิ่งอยากรู้ มองนางและถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “ท่านพูดเช่นนี้ คงไม่ได้หมายความว่ารัชทายาทไม่ได้เรื่องหรอกนะ ตามหลักแล้วก็ต้องเป็นนี่นา ลูกก็ให้กำเนิดออกมาแล้ว อีกทั้งยังยิงดอกเดียวได้ถึงสาม เป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ”
นางพูดจบ ก็มองไปทางหวงกุ้ยเฟย ใบหน้าเต็มไปด้วยคำถาม
หวงกุ้ยเฟยเชอะหนึ่งเสียง ด่าด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้ามองข้าทำไมกัน จริงจังกันหน่อย เจ้าเด็กโง่”
หรงเยว่รู้สึกว่าผู้หญิงพวกนี้ไม่ค่อยจะเปิดเผยกันเลย “ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่นา ทุกคนต่างก็เป็นหญิงที่แต่งงานแล้ว พูดแล้วจะเป็นอย่างไรไป ก็แค่แบ่งปันประสบการณ์ ข้าจะบอกพวกท่านให้นะ เจ้าหกร่างกายแม้จะอ่อนแอไปบ้าง แต่ในด้านนี้ละก็ ยังคง……”
“หุบปาก”หยวนชิงหลิงถลึงตามองนาง “ทำไมจึงกล้าพูดเรื่องเช่นนี้ต่อหน้าเจ้าหญิง”
เจ้าหญิงยังไม่ได้เข้าหอทำเรื่องอย่างว่ากับท่านชายสี่เหลิ่งเลย
นางจำได้ว่าตอนนั้นหลังจากที่ได้อยู่กับเจ้าห้าแล้ว เจ้าห้าเองก็เอาแต่พรรณนาเรื่องในห้องหอของพวกเขาไปทั่ว เห็นที หรงเยว่ก็คงจะเป็นคนประเภทนั้นเหมือนกัน ถ้าหากยังไม่หยุดยั้งไว้ละก็ เกรงว่าคงจะบรรยายถึงรายละเอียดที่ทำกับเจ้าหกออกมา อดไม่ได้ที่จะโมโหและรู้สึกขำ
หรงเยว่มองไปทางเจ้าหญิง เจ้าหญิงกลับเบิกดวงตาทั้งคู่จนกว้างมองนางอย่างอยากรู้ ราวกับอยากจะสืบหาความจริงว่าในเรื่องนี้นั้นพี่หกเป็นอย่างไรกันแน่
ที่จริงหยวนชิงหลิงก็พอจะเดาออกแล้วว่าพวกเขายังไม่ได้เข้าหอหลับนอนด้วยกัน ด้วยนิสัยของท่านชายสี่เหลิ่งที่ใจเย็นเนิบช้า เพิ่งจะเคยพบหน้ากันแค่สองสามครั้งก็คุ้นเคยจนสามารถนอนร่วมเตียงเดียวกันได้ เขาคงไม่สามารถทำได้
เขาไม่ปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า
ฉะนั้น ขณะที่หรงเยว่กำลังจะพูดอย่างละเอียด หยวนชิงหลิงก็เรียกให้นางหยุดเสียก่อน “เอาล่ะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว พูดเรื่องที่จริงจังกันบ้าง”
“พูดเรื่องจริงจังอะไรกัน ”หรงเยว่มองนาง
หยวนชิงหลิงจงใจเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนา พูดว่า “เจ้าบอกว่าจะช่วยข้าหาท่านหมอ เจ้าหาได้หรือยัง”
“เรื่องนี้ง่ายมาก ตั้งแต่ท่านรักษาคนไข้บนเขาโรคเรื้อนจนหายดี มีหมอมากมายเดินทางมาเพราะชื่อเสียงของท่าน ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องรับสมัคร ขอเพียงท่านบอกมาคำเดียว ก็มาได้ตลอดเวลา”หรงเยว่พูด
หยวนชิงหลิงยิ้ม รู้สึกว่าเรื่องนี้ได้กินเวลายาวนานไปสักหน่อยแล้ว ยังคงหวังว่าจะสามารถทำให้เป็นจริงโดยเร็ว
ท่านชายสี่เหลิ่งได้นั่งพูดคุยอยู่กับพ่อตาในห้องทรงพระอักษร พูดคุยกันประมาณหนึ่งถึงสองชั่วยาม เลยเวลาอาหารแล้ว ฮ่องเต้ก็ยังไม่ปล่อยคนออกมา
ในห้องทรงพระอักษร ท่านอ๋องทั้งหลายต่างก็อยู่ด้วย ฮ่องเต้พูดคุยตั้งแต่เรื่องราษฎรไปจนถึงเรื่องชลประทาน พูดตั้งแต่เรื่องค่าใช้จ่ายของคลังหลวงไปจนถึงค่าใช้จ่ายส่วนพระองค์ แต่สรุปได้เพียงคำเดียวว่า ตอนนี้ราชสำนักลำบากยิ่งนัก
เขายิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ ทุกคนยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกหิว ต่างก็มองไปทางท่านชายสี่เหลิ่ง อดไม่ได้ที่อยากจะจับตัวท่านชายสี่เหลิ่งเอาไว้แล้วรีดเค้นเอาตั๋วเงินทั้งหมดที่มีอยู่ติดตัวเขาออกมามอบให้กับฮ่องเต้หมิงหยวนเสีย จะได้รับโอกาสในการปลดปล่อยเสียที
ดีที่ท่านชายสี่เหลิ่งเองก็เป็นคนที่คลุกคลีอยู่ทนแวดวงการค้ามาหลายปี รู้ที่จะจับใจความและจุดประสงค์ในคำพูดได้ ฉะนั้น เขาเผยสีหน้าเศร้าอาดูรออกมา ถอนหายใจลึกๆในความยากลำบากของท่านพ่อตา จากนั้นก็ยอมช่วยเหลืออย่างใจกว้าง ยินดีจะบริจาคเงินจำนวนห้าแสนตำลึงในการซ่อมแซมและสร้างทำนบและเขื่อน จากนั้นจะบริจาคอีกสองแสนตำลึงเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส่วนพระองค์
ฮ่องเต้หมิงหยวนได้บรรลุเป้าหมายแล้ว ย่อมต้องมีแต่คำชื่นชมต่อท่านชายสี่เหลิ่ง ให้เหล่าท่านอ๋องต่างก็เรียนรู้จากท่านชายสี่เหลิ่งบ้าง
เหล่าอ๋องทั้งหลายต่างก็คุ้นชินกับวิธีการขอเงินของบิดาจนเป็นเรื่องปกติมาตั้งนานแล้ว และต่างก็รู้จักใช้นโยบายอือออตากันไป รับคำแต่ไม่ทำตาม
วันรุ่งขึ้นหลังจากกลับราชวังหลังแต่งงานสามวัน ในวังได้ประกาศจัดพิธีศพ เสียนเฟยป่วยหนักไม่สามารถรักษาได้ สิ้นพระชนม์ไปแล้วเมื่อคืน กรมวังกับกรมพิธีการจะร่วมกันจัดพิธีศพ
ก่อนตายเสียนเฟยไม่ได้รับการเลื่อนฐานันดรขึ้น หลังจากตายไปแล้วจึงไม่มีชื่อเสียงหลังตายจาก แม้จะเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดรัชทายาท แต่ว่ารัชทายาทได้ยอมรับหวงกุ้ยเฟยเป็นมารดาแล้ว บวกกับเคยล่วงเกินไทเฮา ด้วยเหตุนี้ ยังคงทำพิธีฝังศพตามธรรมเนียมพระชายาเช่นเดิม
วันที่ยี่สิบเอ็ดเดือนหนึ่ง เสียนเฟยถูกฝังไว้ในสุสานพระชายา
ฮ่องเต้หมิงหยวนได้อนุญาตให้หยู่เหวินเห้าส่งศพได้ในฐานะลูกชาย วันนั้น ได้มีฝนตกพรำๆ ฝนในต้นฤดูใบไม้ผลิหนาวเย็นมาก ด้วยเหตุนี้ขบวนส่งศพได้เดินทางอย่างเร่งรีบ ระหว่างทางก็มีไม่กี่คนที่ร่วมส่งขบวนศพ
ช่างน่าเศร้าใจเสียเหลือเกิน
หยู่เหวินเห้ากลับมาในวันรุ่งขึ้น เข้าประตูมาก็หนาวจนตัวสั่น แม่นมสี่ได้เตรียมต้มน้ำขิงไว้แล้ว ให้เขาดื่มติดต่อกันสองถ้วยเพื่อขับไล่ความหนาวเย็นออกไป
ดวงตาของหยู่เหวินเห้าแดงก่ำ คงจะร้องไห้ไปยกใหญ่ หลังจากที่เสียนเฟยจากไปแล้วสิบกว่าวัน เขาจึงร้องไห้ออกมาได้
ดูเขายังคงเศร้าใจมากเป็นอย่างมาก ไม่ได้กลับไปยังกรมการพระนคร หยวนชิงหลิงกับเขาไปยังเขาโรคเรื้อนพร้อมกัน พาสวีอีกับหมันเอ๋อและอะซี่ไปด้วย คนป่วยบนเขาโรคเรื้อนได้เดินทางกลับบ้านไปมากกว่าครึ่งแล้ว ที่เหลือก็ยังคงทำการรักษาอย่างกระตือรือร้นเหมือนเดิม