บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 755 พี่จอหงวนหายไปแล้ว
เรื่องเล่าแบ่งออกเป็นสอง วันนั้นหลังจากลู่หยวนกับหยวนหย่งอี้ออกไปด้วยกัน ก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย
ที่จริงวันที่สองตอนกลางคืนคนที่บ้านก็ออกไปตามหาแล้ว จนใจตอนที่ลู่หยวนออกไป ก็ไม่ได้บอกว่าไปที่ไหน และยิ่งไม่เคยชินกับการพาผู้ติดตามไปด้วย จึงต่างก็ไม่รู้ว่าจะไปตามหาเขาได้ที่ไหน
ปกติลู่หยวนก็เคยออกจากบ้านไปสองสามวันแล้วค่อยกลับมา แต่ปกติก็บอกกล่าวก่อน ครั้งนี้ไม่พูดอะไรสักคำก็หายสาบสูญไปเลย ทำให้เป็นห่วงกันอย่างมาก
ดังนั้น ตระกูลลู่หาไม่เจอ จึงได้สั่งคนไปยังจวนหยวน ถามหาว่าเขาได้มาไหม
ตระกูลหยวนเชิญหยวนหย่งอี้ออกมาถาม หยวนหย่งอี้บอกว่าสองวันก่อนได้ออกไปกับลู่หยวน แต่ว่าเมื่อวานกับวันนี้ไม่ได้เจอเขา
คนที่ตระกูลลู่ส่งมา พูดขึ้นว่า “คุณชายของเราไม่กลับบ้านตั้งแต่คืนวันก่อนแล้ว”
หยวนหย่งอี้ตกใจอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เห็นตั้งแต่คืนก่อนแล้ว? ก็คือหลังจากวันที่ออกไปกับข้า เขาก็ไม่ได้กลับไป?”
“ไม่ได้กลับไป คุณชายออกไปตั้งแต่เที่ยง จากนั้นก็ไม่เคยกลับมา”บ่าวใช้ตระกูลลู่พูด
หยวนหย่งอี้คิดถึงคำพูดของคนเฒ่าที่ศาลเจ้าภูเขา ในใจก็เต้นตึกตักขึ้นมาในทันใด
เกิดเรื่องแล้วจริงๆหรือเปล่า?
หลังจากบ่าวตระกูลลู่กลับไปรายงาน ฮูหญิงลู่จึงมาด้วยตนเอง ถามว่าวันนั้นพวกเขาไปที่ไหน ไปทำอะไร ได้มีเรื่องกับใครหรือเปล่า
หยวนหย่งอี้ล้วนเล่าให้ฟังหมดทุกอย่าง แม้กระทั่งยังบอกเรื่องที่ทั้งสองคนคุยกันแล้วว่าจะยกเลิกงานแต่งงาน
ฮูหญิงลู่เป็นคนอารมณ์ค่อนข้างรุนแรง ได้ยินเช่นนี้ ก็สงสัยหยวนหย่งอี้ขึ้นมาทันที จึงพูดขึ้นว่า “เขาจะอยากยกเลิกงานแต่งงานได้อย่างไร? งานแต่งงานของพวกเจ้าเหลืออีกแค่ไม่กี่วัน เจ้าจะต้องพูดไปเรื่อยแน่ ข้าว่าเจ้าต่างหากที่อยากจะยกเลิกงานแต่งงานใช่ไหม? เจ้าพูดจาไม่น่าฟังกับเขา? เขาก็เลยไปแล้วไม่กลับมาใช่ไหม?”
หยวนหย่งอี้พูดอธิบายว่า “ฮูหยิน ข้าสาบาน คนที่บอกว่าเราไม่เหมาะสมกันคือพี่ลู่….”
“พี่ลู่อะไร?” ฮูหญิงลู่ฟังประโยคนี้แล้วก็ไม่พอใจ ลากหน้ายาวพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเป็นสาวเป็นแส้ กลับเรียกพี่เรียกน้องกับผู้ชาย นั่นยังเป็นคู่หมั่นของเจ้าด้วยนะ เหมาะสมเสียที่ไหน?”
ฮูหยินใหญ่ของตระกูลหยวนได้ยินเช่นนี้ ก็ไม่พอใจ ลากหน้ายาวยิ่งกว่านาง พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นสาวเป็นแส้แล้วทำไมถึงไม่สามารถเรียกพี่เรียกน้องกับผู้ชาย? และคนคนนั้นก็เป็นคู่หมั้นของเจ้า ตอนที่ฮูหญิงลู่กับใต้เท้าลู่ยังไม่แต่งงานกัน ไม่เคยเรียกว่าพี่ชายลู่หรือ? เรียกพี่ชายลู่ได้ แล้วพี่ลู่จะเรียกไม่ได้หรือ? นี่ไม่เท่ากับเป็นการที่ขุนนางวางเพลิงได้ แต่ห้ามประชาชนจุดตะเกียงหรือ?”
ฮูหยินใหญ่หยวนได้ยินเรื่องจะยกเลิกงานแต่งงาน ในใจก็แอบร้อนใจ กำลังคิดว่าเดี๋ยวค่อยถามหลานสาวอย่างละเอียด กลับคิดไม่ถึงว่าฮูหญิงลู่จะพูดจาไม่น่าฟังขนาดนี้ นางค่อนข้างปกป้องเข้าข้างคนของตนเอง จึงไม่ทันได้คิดถึงเรื่องยกเลิกงานแต่งงาน ตอบกลับขึ้นมาในทันที
ฮูหญิงลู่ได้ยินฮูหยินใหญ่หยวนพูดเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าตอนเองพูดค่อนข้างเกินไป แต่ภายในใจก็ร้อนใจที่ลูกชายหายสาบสูญไป ยังได้ยินเรื่องยกเลิกงานแต่งงาน ระงับอารมณ์ไม่ได้ในทันใด แต่นางก็เป็นคนที่ถูกสอนมาอย่างดี หลังจากที่รู้ว่าตนเองวู่วามเกินไปแล้ว ก็รีบกล่าวขอโทษฮูหยินใหญ่
ฮูหยินใหญ่หยวนก็ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล ในเมื่อฮูหญิงลู่ขอโทษแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกัดไม่ปล่อย จึงพูดขึ้นว่า “ตอนนี้การตามหาจอหงวนสำคัญที่สุด ได้ไปหาที่บ้านเพื่อนสนิทของเขาแล้วหรือยัง?”
ฮูหญิงลู่พูดขึ้นอย่างโศกเศร้าว่า “ตามหาทั่วแล้ว หลังจากที่ออกไปในวันนั้น ก็ไม่ได้กลับมาเลย ที่ผ่านมาถึงแม้จะเคยไปอยู่หลายวัน แต่ข้างกายก็จะต้องพาคนไปด้วย หรือไม่ก็บอกกับที่บ้านก่อน ไม่เคยมีที่ไม่เจอหลายวันแล้วก็ไม่รู้ว่าไปที่ไหน”
ในหัวสมองของหยวนหย่งอี้ ก็คิดถึงคำพูดของผู้เฒ่าที่ศาลเจ้าภูเขาขึ้นมาอีก ภายในใจแอบหวาดหวั่น แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา กลัวจะเป็นการทำให้ฮูหญิงลู่ตกใจ จึงพูดเสนอความคิดเห็นว่า “ไม่งั้น ไปแจ้งความที่กรมการพระนครก่อนไหม?”
ฮูหญิงลู่ได้ยินว่าแจ้งความ ภายในใจก็ยิ่งหวาดหวั่นขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “คงไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องแล้วจริงๆใช่ไหม?”
ฮูหยินใหญ่หยวนพูดปลอบว่า “อย่าเพิ่งคิดไปเรื่อย การแจ้งความใช่ว่าจะเกิดเรื่องแน่นอนแล้ว ที่ทำการปกครองค่อนข้างกว้างขวาง ให้ที่ทำการปกครองไปตามหาตามโรงเตี๊ยม หรือตรวจค้นที่หน้าประตูเมือง อย่างน้อยก็สามารถรู้ได้ว่าเขาออกจากเมืองไปหรือเปล่า”
ฮูหญิงลู่ครุ่นคิดดูก็จริง จึงพูดกับฮูหยินใหญ่ว่า “ฮูหยินใหญ่ เรื่องยกเลิกงานแต่งงาน รอตามหาลู่หยวนเจอ ถามชัดเจนแล้ว ค่อยว่ากันดีไหม?”
“ตามหาคนสำคัญกว่า ฮูหยินรีบไปเถอะ ตระกูลหยวนก็จะส่งคนออกไปตามหา”ฮูหยินใหญ่พูดขึ้น
ฮูหญิงลู่พูดขึ้นอย่างซาบซึ้งว่า “ขอบคุณมาก”
หยวนหย่งอี้ส่งนางออกไปด้วยตนเอง พูดปลอบใจหลายประโยค มองดูนางขึ้นรถม้าไปแล้ว ค่อยรีบกลับมาหาท่านย่า เล่าเรื่องที่ผู้เฒ่าศาลเจ้าภูเขาพูดให้ฮูหยินใหญ่ฟัง
ฮูหยินใหญ่ฟังแล้ว ก็ขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า “คำพูดคนทรง เชื่อถือไม่ได้ คงเพราะเห็นเจ้าบริจาคเงิน จึงพูดหลอกลวงพวกเจ้า เชื่อถือไม่ได้”
“แต่” ใบหน้าหยวนหย่งอี้บูดบึ้ง ตาคิ้วเต็มไปด้วยความกังวล พร้อมพูดขึ้นว่า “เขาจะไปไหนได้ล่ะ? ตามที่คนของตระกูลลู่พูด วันนั้นเขาส่งข้ากลับมาแล้ว ก็ไม่ได้กลับบ้าน ก็เท่ากับว่า ที่จริงหลังจากที่ไปจากประตูจวนของพวกเรา เขาก็หายตัวไปแล้ว”
ฮูหยินใหญ่จับไม้ค้ำยันแล้วก็ลุกขึ้นมา พร้อมพูดปลอบหลานสาวว่า “อาจจะไปเที่ยวเล่นที่บ้านเพื่อน คนยังหนุ่มยังแน่น จะอยู่ติดบ้านได้อย่างไร? เจ้าอย่าคิดมาก ท่านย่าจะส่งคนไปตามหาตอนนี้เลย”
พูดเสร็จ ฮูหยินใหญ่หยวนก็ออกไปสั่งการ สั่งคนในจวนออกไปตามหาลู่หยวน
หยวนหย่งอี้คิดไปคิดมาก็ไม่ถูก อยู่กับเขามาสักพักแล้ว รู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่จะไม่บอกกล่าวอะไรเลย จะต้องเกิดเรื่องแล้วจริงๆแน่
คิดถึงเช่นนี้ นางเองก็นั่งไม่ติดแล้ว จึงไปยังจวนอ๋องฉู่ไปเรียกอะซี่กับหมันเอ๋อ ออกไปตามหาพร้อมกัน
หยวนชิงหลิงได้ยินว่าลู่หยวนหายตัวไป ก็ค่อนข้างเป็นห่วง พูดกับทังหยาง ให้ทังหยางส่งทหารในจวนอกไปช่วยตามหา
ทางด้านตระกูลลู่ได้ไปแจ้งความที่กรมการพระนคร คนที่ไปแจ้งความคือลู่หู่ลูกชายคนโตของตระกูลลู่ คนที่ต้อนรับลู่หู่คืออ๋องฉีนายทะเบียนกรมการพระนคร
อ๋องฉีถามเรื่องราวทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ลู่หู่ก็พูดถึงเรื่องที่หยวนหย่งอี้จะยกเลิกงานแต่งงาน ในใจอ๋องฉีกลับรู้สึกดีใจขึ้นมาเล็กน้อย
เขารู้สึกว่าบางทีอาจเป็นเพราะเรื่องยกเลิกงานแต่งงาน ลู่หยวนรับไปได้ จึงออกไปเที่ยงเล่น แต่ประโยคนี้ไม่ได้พูดกับลู่หู่ เพียงพูดกับลู่หู่ว่ากรมการพระนครจะส่งคนออกไปตามหา
หลังจากลู่หู่ไปแล้ว เขาเอาเรื่องนี้ไปแจ้งกับผู้ช่วยเจ้ากรม จอหงวนฝ่ายบู๊หายสาบสูญ ผู้ช่วยเจ้ากรมก็ค่อนข้างตื่นเต้น จึงส่งคนไปสืบถามว่า ลู่หยวนออกไปจากเมืองหลวงหรือเปล่า
หยู่เหวินเห้ากลับมาตอนพลบค่ำ อ๋องฉีจึงเล่าเรื่องที่ลู่หยวนหายตัวไปให้เขาฟัง
หยู่เหวินเห้าดื่มน้ำเย็นไปลงไปเป็นเหยือก ได้ยินเขาพูด จึงหันไปมอง พร้อมพูดกับเขาว่า “ส่งคนไปตามหาแล้วหรือยัง?”
“ผู้ช่วยเจ้ากรมส่งคนออกไปแล้ว” อ๋องฉีขยับเข้าไปกระซิบพูดขึ้นว่า “คนของตระกูลลู่พูดว่า ก่อนที่ลู่หยวนจะหายตัวไป เจ้าอ้วนเพิ่งพูดกับเขาเรื่องยกเลิกงานแต่งงาน”
“ใบหน้าของเจ้านั่น มีความสุขหรือ?” หยู่เหวินเห้าเอนพิงเก้าอี้อยู่อย่างอ่อนเพลีย แลมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นอย่างเหน็บแนม
อ๋องฉีกระโดดขึ้นนั่งบนโต๊ะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ค่อนข้างมีความสุข”
“ไหนบอกว่าจะอวยพรคนอื่นไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงไม่พอใจ? ความสูงส่งของเจ้าล่ะ? ความเย่อหยิ่งของเจ้าล่ะ? ความใจกว้างของเจ้าล่ะ?”
“ให้พวกเขาไปเจอผีเถอะ ล้วนไม่สำคัญเท่ากับเจ้าอ้วน” อ๋องฉีโบกมือ ยิ้มหัวเราะเหมือนดั่งสายลมฤดูใบไม้ผลิ พร้อมพูดขึ้นว่า “หากยกเลิกงานแต่งงานแล้วจริงๆ ข้าจะจีบนางกลับมา ถึงตอนนั้น ข้าจะไปขอโทษลู่หยวนด้วยตนเอง”
เขาพูดเองเออเอง มองเห็นหยู่เหวินเห้า เหนื่อยล้าเหมือนหมาแก่นอนอยู่ด้านข้างโต๊ะ จึงเดินเข้ามาหาเขาอย่างว่าง่ายและบีบไหล่ให้กับเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ชาย เหนื่อยแล้วใช่ไหม? มีข่าวแผนที่ทางการทหารแล้วหรือยัง?”
“ยัง”หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด