บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 757 ลู่หยวนฟื้นแล้ว
อ๋องฉีได้ข่าวว่าเกิดเรื่องกับลู่หยวน ก็รีบเดินทางมายังจวนอ๋องฉู่
ได้ยินทังหยางพูดว่าอาการลู่หยวนแย่มาก มีอันตรายถึงชีวิตได้ตลอดเวลา ในใจของเขาก็ทรมานอย่างมาก
เดิมเขามีความคิดอคติกับลู่หยวน ต่อมาค่อยๆทำความเข้าใจเขา รู้ตัวว่าเขาเป็นหนุ่มที่มีความรับผิดชอบคนหนึ่ง ฝีมือการต่อสู้ล้ำเลิศ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีอุปนิสัยใจกว้างมองโลกในแง่ดี ถึงได้ปล่อยวางหยวนหย่งอี้ และอวยพรพวกเขาอย่างจริงใจ ตอนนี้ได้รู้เรื่องและตกใจกับข่าวร้ายนี้ เขารู้สึกเสียใจและเจ็บปวด
เขาไปปลอบคนของตระกูลลู่ และในฐานะกรมการพระนคร เขารับปากว่าจะจับตัวคนร้ายกลับมาให้ได้
ใต้เท้าลู่จิตใจกระวนกระวายจนชาไปหมดแล้ว ได้ยินคำปลอบของอ๋องฉี ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นอย่างโศกเศร้าว่า “เขาไม่เคยมีเรื่องกับใคร เป็นใครกันที่ลงมือกับเขาโหดเหี้ยมขนาดนี้?”
อ๋องฉีถอนหายใจ แม้แต่คนทื่ออย่างเขาก็ยังรู้เลยว่า เรื่องราวไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
เรื่องราวทูลไปถึงฮ่องเต้หมิงหยวน ฮ่องเต้หมิงหยวนให้ความสำคัญอย่างมาก และก็มีราชโองการมายังจวนอ๋องฉู่ ให้หยวนชิงหลิงช่วยรักษาลู่หยวนอย่างดีที่สุด เพราะลู่หยวนอาจจะเคยเห็นใบหน้าของคนสวมชุดดำ
ตอนนี้ข่าวคราวแผนที่ทางการทหารยังเป็นปริศนา ถึงแม้จะส่งคนไปแคว้นต้าโจวแล้ว แต่การไปกลับ แค่การเดินทางก็ต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองเดือน ที่สำคัญที่สุดก็คือ แผนที่ทางการทหารฉบับนี้ หากตกอยู่ในมือของผู้ไม่ประสงค์ดี สำหรับเป่ยถังถือว่าตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก
ระหว่างการผ่าตัด เกิดการเสียเลือดมาก จะต้องได้รับการเติมเลือดอย่างเร่งด่วน โชคดีที่หยวนชิงหลิงได้จัดเตรียมไว้ก่อนแล้ว
การผ่าตัดดำเนินไปกว่าสองชั่วโมง ตอนที่หยวนชิงหลิงออกมาจากห้องผ่าตัด ท่าทีเหนื่อยล้าอย่างมาก
คนของตระกูลลู่โอบล้อมเข้ามาถามอาการ หยวนชิงหลิงนั่งอยู่ตรงหน้าระเบียง ถูนวดน่องที่เป็นตะคริวเล็กน้อย พร้อมพูดขึ้นว่า “ก้อนเนื้อร้ายได้ถูกตัดออกแล้ว แต่มีการติดเชื้อ ตอนนี้ต้องรอดูอาการว่าการติดเชื้อสาหัสหรือไม่ และศีรษะของเขาเคยได้รับการกระแทกอย่างหนัก เบื้องต้นมีเลือดคลั่งในสมอง หวังว่าอาการจะไม่สาหัส”
“ดังนั้น ตอนนี้ยังคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามชะตากรรมฟ้าลิขิต”
หยวนชิงหลิงมองดูนาง พยักหัวยังจนใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “นอกจากปล่อยให้เป็นไปตามชะตากรรมฟ้าลิขิตแล้ว ยังต้องดูแรงใจของตัวเขาเองด้วย”
ใต้เท้าลู่พยุงฮูหยินลุกขึ้นมา พูดขอบคุณหยวนชิงหลิงพร้อมทั้งน้ำตา
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “หยวนหย่งอี้ดูแลอยู่ข้างใน ตอนนี้คาดว่ายังคงไม่ตื่นขึ้นมา รอดูอาการไปก่อนเถอะ ทั้งสองสามารถแบ่งคนพักอยู่ในจวนอ๋อง หากมีสถานการณ์อะไร จะได้รู้ในทันที”
ฮูหญิงลู่ร้องไห้พร้อมถามขึ้นว่า “ข้าสามารถเข้าไปดูเขาได้ไหม?”
“ได้ เปลี่ยนชุดแล้วก็เข้าไปได้”หยวนชิงหลิงเรียกหมันเอ๋อมาพานาง ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเปลี่ยนรองเท้า แล้วเข้าไปภายในห้องผ่าตัด
อ๋องฉีเดินมา ขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้ห้า อาการแย่มากเลยหรือ?”
หยวนชิงหลิงเงบหน้ามองดูอ๋องฉี ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมพูดขึ้นว่า “แย่มาก”
“มีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นขึ้นมาไหม?”
“ไม่รู้” หยวนชิงหลิงลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “หยวนหย่งอี้เสียใจมาก หากเจ้าไม่มีธุระอะไรก็อยู่ที่นี่ปลอบใจนางเถอะ”
อ๋องฉีพยักหัว มองดูด้านใน พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ คืนนี้ข้าจะอยู่เฝ้าที่นี่เป็นเพื่อนพวกเขา”
ท่านย่าหยวนก็ออกมาแล้ว ถึงแม้นางจะเป็นแค่ผู้ช่วย แต่เหนื่อยยิ่งกว่าหยวนชิงหลิงที่เป็นคนผ่าตัด หยวนชิงหลิงลุกขึ้นมาพยุงนางกลับไป พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านรีบทานอาหารแล้วก็ไปพักผ่อน คงจะเหนื่อยมากล่ะสิ?”
ท่านย่าหยวนขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “เหนื่อยยังพอทนไหว แค่กลัวว่าคนหนุ่มคนนี้จะอดทนไม่ไหว”
“ท่านย่า ท่านเป็นแพทย์แผนจีนมีฝีมือ ท่านดูสิ อาการของเขาถึงขั้นไหน?”แพทย์แผนจีนวิเคราะห์อาการ จากการดูและได้ยิน แต่ส่วนมากหยวนชิงหลิง จะต้องใช้อุปกรณ์เสริมในการวิเคราะห์อาการ
ท่านย่าหยวนพูดขึ้นอย่างหนักใจว่า “ไม่ดี”
หยวนชิงหลิงได้ยินท่านย่าก็พูดเช่นนี้ ในใจเหมือนมีก้อนหินก้อนใหญ่ทับไว้
ม้าของลู่หยวนหาเจอแล้ว เจอที่ข้างแม่น้ำซีซู บังเหียนม้าไม่ได้ถอดออก ถูกมัดอยู่ข้างต้นไม้ คนที่ผ่านไปมามากมายต่างก็มองเห็น แต่ไม่กล้าแตะต้อง นึกว่าคนสำคัญคนไหนนอนค้างคืนอยู่บนเรือ แล้วทิ้งม้าไว้ตรงนี้
ในแม่น้ำซีซู มีเรือท่องเที่ยวมากมาย คุณชายขุนนางคนสำคัญส่วนมากในเมืองหลวง ชอบมาหาความสุขกันที่นี่
หลังจากแสงสว่างหลังพลบค่ำที่นี่ส่องสว่าง ก็จะเริ่มคึกคัก แต่แสงสว่างจะไม่เพียงพอ ไม่มีใครอยากให้คนอื่นเห็นว่าตนเองขึ้นมาบนเรือท่องเที่ยว
เพราะเหตุนี้ ใต้เท้าหยางพาคนมาถามถึงสถานการณ์ในคืนนั้นที่นี่ ก็ไม่มีใครเห็นว่าม้าตัวนี้มาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วไม่รู้ว่าใครเป็นคนนำมามัดไว้ที่นี่
ใต้เท้าหยางกลับไปรายงานหยู่เหวินเห้า หยู่เหวินเห้าสั่งให้เขาพาคนขึ้นไปยังเรือท่องเที่ยว ต้องถามทุกอย่าง ค้นทุกที่บนเรือท่องเที่ยว ตอนนี้ไม่ว่าเบาะแสอะไรก็จะปล่อยไปไม่ได้
เดิมเรือท่องเที่ยว ไม่ได้เปิดกิจการที่ถูกกฎหมาย จึงกลัวถูกที่ทำการปกครองตรวจค้นอย่างที่สุด แต่ดีที่ครั้งนี้ไม่ใช่การดำเนินการตรวจค้นอย่างละเอียด แม่เล้ากับแม่นางบนเรือท่องเที่ยว ต่างให้ความร่วมมืออย่างมาก บอกว่าในคืนนั้นไม่เคยเห็นคนสวมชุดดำ ส่วนแขกที่รับรอง ก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
เบาะแสมาถึงตรงนี้ แล้วก็เหมือนจะขาดแล้ว
หยู่เหวินเห้าก็ทนไม่ไหวแล้ว กลับจวนไปพักผ่อนสักพัก ได้เล่าเรื่องนี้ให้หยวนชิงหลิงฟัง หยวนชิงหลิง ได้ยินว่าม้าปลอดภัยดี จึงพูดขึ้นว่า “จูงม้ามาได้ไหม? ข้าลองถามม้าดู”
หยู่เหวินเห้าเหนื่อยจนหัวเราะไม่ออก พูดขึ้นว่า “เจ้าฟังภาษาม้ารู้เรื่องหรือ?”
หยวนชิงหลิงยิ้มจางๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “การถ่ายโอนวัตถุ หากคนชุดดำเคยขี่ม้า บางทีอาจจะทิ้งหลักฐานไว้”
หยู่เหวินเห้าคิดถึงก่อนหน้านี้ ที่หยวนชิงหลิงช่วยสืบคดี จึงสั่งทังหยางไม่จูงม้ามาที่จวนอ๋อง
หยวนชิงหลิงไปยังคอกม้า อยู่ในคอกม้าสักพักแล้วก็ออกมา นางค่อนข้างหดหู่ เพราะถึงแม้นางจะสามารถพูดคุยกับม้าได้ แต่ม้ากลับไม่รู้จักคนคนนี้ พูดอีกอย่างก็คือ หากลู่หยวนไม่เคยขี่ม้าไปเจอคนคนนี้ ม้าก็จะไม่รู้จัก
รอยเลือดบนอานม้า น่าจะเป็นของคนร้าย แต่มีรอยเลือดก็ไม่มีประโยชน์ ที่นี่ไม่มีอุปกรณ์ตรวจDNA
แต่หยวนชิงหลิงกลับดึงตอเป่าไป ให้เขาดมกลิ่น หลังจากดมกลิ่นแล้ว ตอนที่หยู่เหวินเห้าออกไปตามหาคนร้าย ให้พาตอเป่าไปด้วย
ด้วยเหตุนี้ ตอเป่าจึงเป็นสุนัขตำรวจที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง
สืบตามหาต่ออีกอยู่หลายวันก็ไม่พบอะไร ไม่พบเบาะแสแผนที่ทางการทหาร เบาะแสคนร้ายก็ไร้ร่องรอย แม้กระทั่งจนถึงตอนนี้ ยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนทำ
หยู่เหวินเห้าเคยสงสัยเจ้าสี่กับพี่ใหญ่ แต่คนข้างกายพี่ใหญ่ที่สามารถใช้ได้มีไม่กี่คน คนคนนี้หากลู่หยวนรู้จัก และสามารถทำให้ลู่หยวน ไม่ระมัดระวังตนเอง ทางด้านพี่ใหญ่ไม่มีคนเช่นนี้
ทางด้านเจ้าสี่…..หยู่เหวินเห้ายังต้องสืบต่อ
แต่อ๋องอานกลับมาหาถึงที่ด้วยตนเอง พูดกับหยู่เหวินเห้าว่า เรื่องนี้ไม่ใช่คนของเขาทำ เขาไม่ได้มีความคิดที่จะขโมยแผนที่ทางการทหาร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลงมือกระทำ
หยู่เหวินเห้าหงุดหงิดอย่างที่สุดแล้ว คนคนนี้เขาจะต้องรู้จักแน่ บางทีอาจจะเป็นคนที่ปรากฏ
ตัวอยู่ข้างกายของเขาบ่อยๆ แต่เขากลับสวมม่านปิดหน้าไว้อย่างลึกลับ ยังไงก็ไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา
หลังจากผ่าตัดวันที่สี่ หยวนหย่งอี้วิ่งไปหาหยวนชิงหลิงอย่างตื่นเต้น พร้อมพูดว่าลู่หยวนฟื้นแล้ว
หยวนชิงหลิงได้ยินเช่นนี้ ก็รีบถือกล่องยาแล้วก็ไปดู หยู่เหวินเห้าเพิ่งกลับมา เห็นหยวนชิงหลิงถือกล่องยาวิ่งไป ก็รีบถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“คนฟื้นขึ้นมาแล้ว”หยวนหย่งอี้หอบพร้อมพูดขึ้น ใบหน้าเต็มล้นไปด้วยความตื่นเต้น
หยู่เหวินเห้าค่อยโล่งอก แล้วก็ตามไปพร้อมกัน ลู่หยวนฟื้นขึ้นมาก็ดีแล้ว จะต้องรู้แน่ว่าคนชุดดำเป็นใคร