บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 785 อาการป่วยของไทเฮาหนักขึ้น
อ๋องฉีเอนร่างไปทางด้านหลัง พระอาทิตย์ยามเย็นได้จมหายไปแล้ว เหลือไว้เพียงแสงสีส้มที่ปลายขอบฟ้า
“เพราะข้ารู้สึกโดดเดี่ยวมาก ”เขาพูดเสียงแผ่ว ถอนหายใจเบาๆ “ยิ่งคึกคักเท่าไหร่ ก็ยิ่งโดดเดี่ยว เรื่องราวทั้งหมดเหมือนจะไม่เกี่ยวกับข้าเลยแม้แต่น้อย ราวกับได้ตัดขาดจากโลกนี้ รสชาติเช่นนี้ น่าจะเหมือนกับเจ้าในตอนนี้ เจ้าแค่มีชีวิตอยู่ในโลกของเจ้า ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ ออกมาก็ไม่ได้ ”
ความมืดค่อยๆเข้าปกคลุมท้องฟ้า ทั้งแผ่นฟ้าและผืนดินราวกับถูกคุมขังอยู่ในคุกใต้ดินที่มืดมิด ไม่มีแสงสว่าง
เมื่อถึงปลายเดือนหก ฮองเฮาฉู่ในที่สุดก็อดทนต่อไปไม่ไหว ร้องขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้หมิงหยวน นางต้องการจะจัดการเรื่องการแต่งงานของอ๋องฉีแล้ว
ฮ่องเต้หมิงหยวนเรียกตัวอ๋องฉีเข้าวัง บอกเรื่องนี้ให้รับทราบ อ๋องฉีคัดค้าน ครั้งแรกพูดจากันด้วยถ้อยคำที่รุนแรงเกินไปหน่อย สองพ่อลูกจึงทะเลาะกันจนลงเอยได้ไม่สวยนัก
แม้ว่าฮ่องเต้หมิงหยวนจะทรงกริ้ว แต่เคยผ่านเรื่องหยู่เหวินจุนมาแล้ว มีความสนใจในเรื่องของลูกชายมากขึ้นมาบ้าง ให้หยู่เหวินเห้าไปช่วยคุยกับเขา จะใช้ชีวิตคนเดียวโดดเดี่ยวตลอดไปก็ไม่ดี
หยู่เหวินเห้าจึงจัดงานเลี้ยงขึ้นที่จวน เชิญเขามาดื่มเหล้า
เมื่อเมาได้สามสี่ส่วนแล้ว หยู่เหวินเห้าจึงถามเขาว่า “เจ้าไม่ยินดีจะเลือกพระชายา เหตุผลเพราะหยวนหย่งอี้ใช่หรือไม่”
อ๋องฉีรินเหล้า หลุบสายตาลง “ถ้าหากข้าบอกกับท่านพี่ว่าไม่ใช่ เกรงว่าท่านพี่จะไม่เชื่อ แต่ถ้าหากจะบอกว่าเพราะนาง ก็ไม่ใช่ทั้งหมด”
“แล้วยังมีเหตุผลอะไรอีกเล่า”หยู่เหวินเห้าถามขึ้น
อ๋องฉีเอยหน้าขึ้น แววตาสว่างสดใส “จะแต่งงานทำไม”
หยู่เหวินเห้ายกเหล้าขึ้นดื่มคำหนึ่ง พูดว่า “จะคุยให้ลึกซึ้งหรือ”
“อย่างน้อยก็อย่าบอกข้าว่า เพื่อเพิ่มจำนวนลูกหลานเท่านั้น”
หยู่เหวินเห้ายิ้ม “นี่เป็นเหตุผลที่คนทั่วไปแต่งงานกัน แน่นอนว่า อ๋องเลือกพระชายา ก็สามารถมีเหตุผลอื่นๆได้อีกมากมาย”
“ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่คนที่ตนเองชื่นชอบ แต่งงานกันแล้วจะเป็นอย่างไร ก็แค่มีคนอยู่ในจวนเพิ่มมาหนึ่งคนเท่านั้น”อ๋องฉีเอ่ยอย่างโดดเดี่ยว
“เห็นได้ชัดว่าคนคนนั้นไม่ใช่หยวนหย่งอี้ ถ้าหากยังอยากจะแต่งงานกับนาง เสด็จพ่อสามารถมีพระบัญชาได้”
“ข้าเคยบอกว่า นี่เป็นแค่หนึ่งในเหตุผลเท่านั้น”อ๋องฉีพิงอยู่กับพนักเก้าอี้ สายตาเต็มไปด้วยความว้าเหว่“ถ้าหากคนคนนั้นเป็นนาง ก็ไม่แน่ว่าข้าจะแต่งด้วย”
“หืม ”หยู่เหวินเห้ารู้สึกคาดไม่ถึงในคำตอบนี้
อ๋องฉีมองเขา พูดว่า “นางกับลู่หยวนมีสัญญาแต่งงานกันมาก่อนแล้ว แม้ว่าตอนนี้ได้ยกเลิกสัญญาแต่งงานกันแล้ว แต่ในใจนางยังมีข้าอยู่หรือไม่ ไม่รู้ ที่จริงบอกว่าไม่แต่งก็แค่ให้หน้าตัวเองบ้างไม่กี่ส่วน ข้าไม่อยากจะทำให้นางต้องลำบาก ถ้าหากต้องบังคับให้เสด็จพ่อมีพระบัญชา นางไม่อาจไม่แต่ง นั่นไม่เท่ากับว่าทำให้ความรู้สึกที่เหมือนฟางเส้นสุดท้ายระหว่างข้ากับนางต้องขาดสะบั้นลงหรือ”
“ดูเหมือนจะมีเหตุมีผลมาก”หยู่เหวินเห้าอมยิ้ม รินเหล้าให้เขาด้วยตนเอง “เจ้าเจ็ด เจ้าโตแล้ว แต่ว่า ทางด้านหยวนหย่งอี้ เจ้าจะไม่ลองพยายามหน่อยหรือ”
อ๋องฉียิ้มขม “ข้าสามารถพยายามได้ด้วยหรือ ข้าพยายามตอนนี้ก็เท่ากับไร้คุณธรรม อย่างน้อยต้องรอให้พี่ลู่ฟื้นขึ้นมาก่อนจึงจะนับว่ายุติธรรม”
“ตระกูลลู่ได้รับหยวนหย่งอี้เป็นลูกบุญธรรมแล้ว แม้ลู่หยวนจะฟื้นขึ้นมา ระหว่างพวกเขาก็ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้”หยู่เหวินเห้าพูด
“นั่งเป็นความยินยอมพร้อมใจของตระกูลลู่กับตระกูลหยวน เคยถามพี่ลู่หรือไม่ ”อ๋องฉีส่ายหน้า “นี่มันไม่ยุติธรรมเลย อย่างน้อยต้องให้พี่ลู่เป็นคนบอกจึงจะถูกต้อง”
หยู่เหวินเห้าตบที่ไหล่ของเขา “เจ้าทำเช่นนี้ มีคุณธรรมมาก แต่ว่า ลู่หยวนอาจไม่ฟื้นขึ้นมา ถ้าหากไม่ฟื้น ชาตินี้จะไม่แต่งงานแล้วหรืออย่างไร ”
“ยอมขาดแคลนดีกว่าได้ของไม่ดี ”อ๋องฉีเอ่ยอย่างจริงจังหนักแน่น
หยู่เหวินเห้าพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี ในเมื่อเจ้าตัดสินใจเช่นนี้ คนเป็นพี่อย่างข้าย่อมต้องสนับสนุนเจ้า ทางเสด็จพ่อ ข้าจะเป็นคนไปพูดเอง มีเรื่องอะไร ข้าจะช่วยเจ้าแบกรับเอง”
อ๋องฉีมองเขา สายตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณ”
ตอนนี้ฮ่องเต้หมิงหยวนให้ความไว้วางใจกับหยู่เหวินเห้ามาก บางทีอาจเป็นเพราะเหน็ดเหนื่อยหรือไม่ก็เพราะร่างกายไร้เรี่ยวแรงแล้วจริงๆ เริ่มรู้จักเรียนรู้ที่จะเคารพความคิดเห็นของลูกชาย และฟังคำพูดของลูกชาย ฉะนั้น หยู่เหวินเห้าได้คุยกับพูดเขาแล้ว เขาก็
ไม่ได้ยืนกรานจะให้อ๋องฉีเลือกพระชายา
เพราะอาการป่วยของไทเฮายิ่งอยู่ก็ยิ่งแย่ลง ฉะนั้น ฮ่องเต้หมิงหยวนตัดสินใจให้คนไปรายงานให้อ๋องเว่ยทราบ อนุญาตให้เขาหาเวลาว่างกลับเมืองหลวงเพื่อมาเยี่ยมเยียน
ส่วนทางด้านหยู่เหวินจุน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เอ่ยถึง
ผ่านเดือนเจ็ดไปแล้ว อากาศยิ่งอยู่ก็ยิ่งร้อนขึ้น ไทเฮาได้แต่นอนซมอยู่บนเตียงลุกไม่ไหวแล้ว
ขึ้นสามค่ำเดือนแปด บนถนนหลวงนอกเมืองหลวงมีม้าเร็วตัวหนึ่งกำลังห้อตะบึงมาอย่างรวดเร็ว คนที่ควบม้าอยู่ดูเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางตะลอนๆ เสื้อผ้าสกปรก ฝุ่นเปื้อนเต็มไปหน้า
ตอนที่เขามาถึงประตูเมืองหลวง ถ้าหากไม่ได้แสดงป้ายคาดเอว ก็คงไม่มีใครรู้ว่าบุรุษหน้าดำคล้ำที่อยู่ตรงหน้านี้จะเป็นอ๋องเว่ยที่เคยหล่อเหล่าสง่างามมาก่อน
หลังจากอ๋องเว่ยกลับเมืองหลวงแล้ว ก็ไม่ยอมหยุดพักผ่อน รีบเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าทันที
ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่พบเขา ได้แต่ให้มู่หรูกงกงมาส่งสาร ให้เขาไปพบไทเฮาที่ตำหนักหรงเหอ
ย่าหลานพบหน้ากัน อ๋องเว่ยคุกเข่าอยู่หน้าเตียง ไทเฮาใช้แรงกายทั้งหมดที่มีพยายามประคองร่างขึ้นมาจ้องมองเขาอยู่พักใหญ่ จากนั้นก็มีน้ำตาไหลพรากออกมา เอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “ทำไมเจ้าไม่ส่งข่าวคราวเลยสักนิด เคยคิดถึงคนแก่อย่างข้าหรือไม่”
อ๋องเว่ยคลานไปหน้าเตียง ร้องไห้อย่างเจ็บปวดใจโดยไร้สุ้มเสียง
ไทเฮาไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่ดึงมือเขาเอาไว้ กำชับนักหนาว่าต้องพาจวิ้นจู่จิ้งเหอกลับมา ปฏิบัติต่อนางให้ดี อย่าได้ทำให้นางต้องเสียใจอีก
อ๋องเว่ยรับคำ แต่หัวใจกลับเจ็บปวดแทบทนไม่ไหว เขาไม่มีสิทธิ์จะไปเข้าใกล้นางแล้ว
เมื่อได้พบอ๋องเว่ยแล้ว คนที่ในใจของไทเฮาคิดถึงอยากจะพบก็เหลือแค่หยู่เหวินจุนคนเดียวเท่านั้น
แต่ว่า นางจะเอ่ยปากรับสั่งให้เขาเข้าวังไม่ได้จริงๆ ลูกชายอกตัญญูที่สาปแช่งเสด็จพ่อของตัวเอง ยังมีสิทธิ์อะไรจะเข้ามาในราชวังของตระกูลอีก
ด้วยเหตุนี้ ปมในใจของนางก็ยิ่งขมวดเกลียวหนักขึ้น อยากจะพบเขาโดยเร็ว แต่ก็เกลียดชังเขาที่สุด
ฮ่องเต้หมิงหยวนรู้สึกร้อนใจในอาการป่วยของไทเฮา เรียกตัวหยวนชิงหลิงกับคุณย่าหยวนเข้าวังเพื่อทำการรักษาไทเฮา หลังจากคุณย่าหยวนตรวจวินิจฉัยแล้ว บอกว่าอาการป่วยของไทเฮามีลมแทรกซึมเข้าไปในปอด เป็นโรคที่ไม่มียาหรือวิธีการใดรักษาได้
ฮ่องเต้หมิงหยวนเรียกตัวหยวนชิงหลิงไปถาม หยวนชิงหลิงเองก็จนปัญญาไร้หนทางช่วย
ฮ่องเต้หมิงหยวนโมโหมาก,“แม้แต่โรคเรื้อน วัณโรคปอดที่เป็นโรคร้ายแรงยังรักษาให้หายได้ ไทเฮาก็ใช่จะป่วยหนักอะไร ทำไมจึงไม่สามารถรักษาให้หายได้ ”
หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างจนใจว่า “เสด็จพ่อ ถ้าหากรู้สาเหตุของโรค ยังพอให้ยารักษาได้ ไทเฮานั้นมีปมในใจยากจะคลายได้ เสียใจจนกระเทือนตับและทำให้ร่างกายจิตใจอ่อนเพลียตามไปด้วย ลูกไร้หนทางจริงๆเพคะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนร้อนใจจนไฟสุมอก ตำหนิยกใหญ่ ไล่นางออกจากวังไป
อ๋องเว่ยยังไม่ได้รับบัญชาให้ไปจากเมืองหลวง เพราะในใจของฮ่องเต้หมิงหยวนเองก็รู้ดีแก่ใจ เกรงว่าไทเฮาจะเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ฉะนั้นจึงให้เขารออยู่ในเมืองหลวงไปก่อน
หลังจากนั้นตอนที่อ๋องหวยเข้าวังเพื่อน้อมทักทาย ได้ไปพบฮ่องเต้หมิงหยวนที่ห้องทรงพระอักษร บอกว่าไทเฮาเอาแต่คิดถึงหยู่เหวินจุน จะอนุญาตให้หยู่เหวินจุนเข้าวังสักครั้งได้หรือไม่ เพื่อพูดคุยก่อนจากลากับไทเฮา
ฮ่องเต้หมิงหยวนโมโหเล็กน้อย เม้มปากไม่พูดจา ได้แต่จ้องมองอ๋องหวย
อ๋องหวยเห็นท่าทีเช่นนี้ ก็ไม่กล้าขอร้องอีก
หลังจากนั้นฮ่องเต้หมิงหยวนได้เรียกตัวอ๋องชินเป่าเข้าวัง เขาเป็นอ๋องชินจือหลี่ ถ้าหากอ๋องชินเป่าเห็นด้วยกับเรื่องนี้ แล้วทำไมจะไม่ได้ ได้แต่กตัญญูสุดความสามารถ
อ๋องชินเป่าก็รู้สึกว่าราชสำนักกับวังหลังควรจะแบ่งแยกออกจากกัน หยู่เหวินจุนมีโทษถูกขับให้เป็นชนชั้นเลว แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังมีเลือดเนื้อเชื้อไขของไทเฮาอยู่ ตอนนี้ไทเฮาอาการไม่ดี ต้องการพบหน้าหลานคนโตเป็นครั้งสุดท้าย เป็นหลักตามธรรมชาติของมนุษย์
หลังจากฮ่องเต้ไตร่ตรองอยู่เป็นเวลานาน ก็เห็นด้วย เพียงแต่เขาไม่ได้มีรับสั่งด้วยตนเอง ให้คนของจวนโสวฝู่ไปส่งสาร อนุญาตให้เขาเข้าวังสักครั้ง แต่ว่าจะใช้เวลาอยู่ในวังนานไม่ได้ ยิ่งไม่สามารถพูดจาที่รุนแรงเกินไป ถ้าหากพูดจาไม่ระวัง ทำให้ไทเฮาต้องเสียใจมีน้ำโหขึ้นมา จะถูกประหารอย่างไม่ต้องสงสัย