บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 795 หมาป่าหิมะที่ตามรอยไป
ฮ่องเต้หมิงหยวน ไม่ได้มีพระราชโองการให้กองทหารรักษาพระองค์เข้าปิดล้อมจวนอ๋องชินเป่า เรื่องที่พระศพของฮ่องเต้ฮุยจงถูกขโมยไป ไม่อาจถูกแพร่งพรายต่อสาธารณชนได้เด็ดขาด หากประชาชนในราชวงศ์เป่ยถังหรือประเทศอื่น ๆ รู้เรื่องนี้เข้า จะต้องกลายเป็นจุดด่างพร้อยที่ไม่อาจลบเลือนได้อย่างถึงที่สุดของตระกูลหยู่เหวินเป็นแน่
แม้ว่าพระองค์จะทรงกริ้วโกรธเพียงใด และถึงแม้ว่าพระองค์จะอยากสับร่างของอ๋องชินเป่าให้แหลกเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น แต่อย่างไรก็ยังต้องอดทนกล้ำกลืนไฟโทสะนั้นเอาไว้ แล้วทำได้แค่รอให้อ๋องชินเฟิงอันมาถึง แล้วปล่อยให้เขาไปเจรจา
พระองค์ทรงมีพระราชโองการห้ามคนในเมืองหลวงออกนอกเคหสถาน สั่งให้ตรวจสอบทางเข้าออกที่ประตูเมืองอย่างเข้มงวด เมื่อไหร่ก็ตามที่พบเจอคนที่น่าสงสัย ก็จะถูกกักตัวและตรวจสอบอย่างเข้มงวดก่อนทันที
เรือสินค้าลำหนึ่งแล่นไปตามแม่น้ำ มุ่งหน้าตรงไปทางซีเจ้อ
เรือสินค้ามีขนาดใหญ่มาก แต่กลับไม่กินน้ำลึก จะเห็นได้ว่าเรือไม่ได้บรรทุกสินค้า บวกกับระดับการแล่นของเรือที่ล่องไปตามแม่น้ำ ยังเดินทางได้รวดเร็วอย่างมากอีกด้วย
ใบเรือบนเสากระโดงกางปีกตามลม มีคนบนดาดฟ้าคอยเฝ้ามองดูผืนน้ำรอบ ๆ ชนิดไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ราวกับว่ากำลังระวังป้องกันว่าจะมีเรือไล่ตามมาหรือไม่ เมื่อเทียบกับเรือพาณิชย์ทั่ว ๆ ไป มันช่างดูแปลกประหลาดสิ้นดี
สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกแปลกประหลาดใจยิ่งกว่าคือ ที่ใต้เสากระโดงเรือ มีหมาป่าสีขาวบริสุทธิ์ตัวหนึ่งหมอบอยู่ หมาป่าตัวนั้นใบหูตั้งชัน ดวงตาแดงก่ำ นอนหมอบนิ่งไม่ขยับ ราวกับกำลังตั้งท่าเผชิญหน้ากับลูกเรือสองคนอย่างเคร่งเครียด
ชายร่างใหญ่ในชุดดำเดินออกมาจากดาดฟ้าเรือ จ้องไปที่หมาป่าหิมะอย่างระแวดระวัง พลางพูดกับลูกเรือทั้งสองว่า “เฝ้าจับตาให้ดีกว่านี้ อย่าให้ใครตามมาโดยไม่รู้ตัว”
“ทราบแล้วขอรับ ท่านอู๋!” หนึ่งในลูกเรือตอบรับ
อีกคนหันไปมองหมาป่าหิมะ แล้วถามว่า “ท่านอู๋ จะจัดการกับมันอย่างไรดีขอรับ?”
เห็นได้ชัดว่าท่านอู๋ไม่มีวิธีแก้ปัญหาแล้วจริง ๆ บนเรือลำนี้มียอดฝีมือไม่ต่ำกว่าสิบคน ต่อสู้กับหมาป่าตัวนั้นเกินกว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว แต่กลับไม่อาจแตะต้องกระทั่งเส้นขนของมันได้แม้แต่เส้นเดียว จะให้ทำอย่างไรได้?
“จะอย่างไรมันก็เป็นแค่สัตว์ป่าตัวหนึ่ง เป็นไปได้รึที่มันจะช่วยคนได้จริง ๆ น่ะ? ” ท่านอู๋แค่นเสียงเย็นชาขึ้นมาเสียงหนึ่ง “ไม่ต้องไปสนใจมัน รอให้ไปถึงซีเจ้อเมื่อไหร่ ค่อยคิดหาวิธีไล่มันไปที่แม่น้ำ แล้วกดมันให้จมน้ำตายไปซะ! ”
“ตอนนี้ก็ไล่มันลงแม่น้ำไม่ได้อีก ถ้ารอไปจนถึงจุดข้ามฟาก ก็น่ากลัวว่าคงจะทำให้มันยอมเคลื่อนไหวไม่ได้”
ท่านอู๋มีท่าทีที่ดูหงุดหงิดอย่างมาก “ตอนนี้เราต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันพวกทหารไล่ตามก่อนเป็นอันดับแรก หากทำให้งานใหญ่ของท่านอ๋องเกิดความเสียหาย ก็จงระวังหัวของพวกเจ้าให้ดีเถอะ”
“รับทราบ!” เมื่อทั้งสองได้ยินประโยคนี้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว รีบตอบรับทันที
ท่านอู๋หันหลังแล้วเดินเข้าไปข้างใน หมาป่าหิมะก็ยืนขึ้นแล้วเดินตามเขาเข้าไปด้วย ในเวลานี้ท่านอู๋โกรธสุดขีดแล้วจริง ๆ ชักดาบแล้วหันหลังกลับไป สับดาบในมือเข้าที่บริเวณส่วนหัวของหมาป่าหิมะเต็มแรง
หมาป่าหิมะกระโดดพลิ้วตัวหลบอย่างรวดเร็ว แรงกระโดดนั้นสูงมากจนถึงกับข้ามหัวของเขาไปเลยตรง ๆ จากนั้นก็เดินกร่างอย่างวางท่าเข้าไปข้างในต่อ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ท่านอู๋ก่นด่าสาปแช่งอย่างเกรี้ยวกราด “ไอ้สัตว์หน้าขนนี่มันถูกฝึกฝนขัดเกลามารึ!? ไม่เคยพบเคยเห็นหมาป่าที่ไหนมันจะมีความสามารถมากมายขนาดมาก่อนเลย ! เมื่อก่อนข้าอยู่ที่ภูเขาฉินฆ่าหมาป่าไปไม่ต่ำกว่าร้อยตัวแท้ ๆ!”
หมาป่าหิมะเดินเข้าไปในห้องโดยสารเรือ ย่าหยวนนอนหลับอยู่ในห้องโดยสารนั้น ตลอดทางที่ผ่านมา นางถูกจับมัดเพื่อใช้เป็นตัวประกัน เหน็ดเหนื่อยจนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว หลังจากขึ้นเรือมา ก็รู้สึกเวียนหัวคลื่นไส้ไม่หยุด ถึงกับอาเจียนไปสองครั้ง สุดท้ายเพราะไม่มีทางเลือกอื่น นางจึงทำได้แค่ผล็อยหลับไปอย่างอ่อนแรง
ตอนที่นางถูกพาขึ้นเรือ นางรู้ว่าหมาป่าของซาลาเปาตามมาด้วย ตอนนั้นนางยังกลัวว่าหมาป่าของซาลาเปาจะเกิดเรื่องร้าย แต่คิดไม่ถึงว่าคนพวกนั้นจะทำอะไรมันไม่ได้เลยแม้แต่ปลายขน จึงทำให้นางรู้สึกวางใจได้ในที่สุด
ตอนนี้ หมาป่าของซาลาเปานอนหมอบอยู่ข้างเตียง ใช้อุ้งเท้าตะกุยแขนเสื้อของย่าหยวน ส่งเสียงครางในลำคอดังงี้ด ๆ
ท่านย่าหยวนยื่นมือออกไปลูบหัวมัน แล้วพูดเบา ๆ ว่า “เด็กดี ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
หูที่ตั้งชันของหมาป่าหิมะค่อย ๆ ลู่ต่ำลง มันนอนหมอบลงข้างเตียงเพื่อคอยเฝ้าคุ้มกัน
มีคนเดินเข้ามา เป็นหญิงสาวที่สวมชุดสีแดงทับทิมคนหนึ่ง ในมือยกถาดใส่อาหารใบหนึ่งมาด้วย บนถาดมีโจ๊กกับเนื้อวางอยู่
หมาป่าหิมะย่ออุ้งเท้าไปด้านหลังครั้งหนึ่ง แล้วกระโจนขึ้นไปในอากาศ ทะยานร่างมาทิ้งตัวลงตรงหน้าหญิงสาวคนนั้นได้อย่างพอดิบพอดี หญิงสาวผู้นี้มีนามว่าเฝิงโร่ เดิมทีเป็นเพียงสาวใช้ธรรมดาในจวนอ๋องชินเป่า แต่ตัวตนที่แท้จริงของนาง กลับเป็นนักฆ่าคนหนึ่ง ถูกซื้อตัวกลับไปทำงานที่จวนอ๋องชินเป่าด้วยเงินจำนวนมหาศาล
เมื่อครู่นี้ นางก็เป็นคนหนึ่งที่ต่อสู้พัวพันกับหมาป่าของซาลาเปาด้วย นางรู้ซึ้งถึงความสามารถของมันดี มาตอนนี้เมื่อเห็นมันพุ่งทะยานผ่านอากาศเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก็อดรู้สึกตื่นตระหนกไม่ได้ แต่เพราะท่านอู๋สั่งไว้ว่าอย่าไปยั่วโมโหมัน เพื่อหลีกเลี่ยงอะไรก็ตามที่อาจก่อให้เกิดความผิดพลาดต่อแผนการ จนทำให้เรื่องสำคัญต้องล่าช้าออกไป ดังนั้นนางจึงค่อย ๆ คุกเข่าลง ยกถาดใส่อาหารขึ้นให้เห็น “ข้ามาส่งอาหาร เจ้าอยากกินเนื้อหรือไม่?”
พูดจบ ก็โยนเนื้อลงไปที่พื้น
มันเป็นเนื้อดิบชิ้นหนึ่ง ยังมีเลือดฉ่ำ ๆ หนักประมาณสามหรือสี่ชั่ง บนพื้นผิวของเนื้อดิบชิ้นนั้นมีชั้นของผงสีขาวบางอย่างเคลือบอยู่ หมาป่าของซาลาเปาดูเหมือนจะหิวจัดจริง ๆ มันอ้าปากแล้วเขมือบเนื้อชิ้นนั้นเข้าไปหมดภายในคำเดียว
“อย่า…” ย่าหยวนเพิ่งจะลุกขึ้นยืน ได้เห็นผงที่เคลือบอยู่บนเนื้อก็รีบร้องห้าม แต่หมาป่าของซาลาเปากลับกินเนื้อเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ได้ยินเสียงห้ามของย่าหยวน แม้แต่จะหันไปมองก็ยังไม่หันกลับไปมองสักนิด เคี้ยวสองสามทีก็กลืนเนื้อชิ้นนั้นลงคอไปอย่างรวดเร็ว
เฝิงโร่หัวเราะด้วยสีหน้ามืดมน วางโจ๊กลงบนพื้น “สุดท้ายก็เป็นแค่สัตว์หน้าขน จะเก่งไปกว่าคนได้อย่างไรล่ะ?”
“เจ้า… เจ้าวางยาพิษมันรึ? เป็นยาพิษชนิดไหนกัน? ยาถอนพิษล่ะ ?” ท่านย่าหยวนร้อนใจแทบตายแล้ว นางไม่สนใจอาการวิงเวียน ฝืนดิ้นรนเดินโซซัดโซเซเข้าไป คว้าแขนเสื้อของเฝิงโร่จนแน่น “เจ้ามอบยาถอนพิษมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ยาถอนพิษ!”
เฝิงโร่ยื่นมือออกไปพยุงนาง พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า: “ฮูหยินใหญ่ ต่อให้เป็นคนก็ยังช่วยท่านไม่ได้เลย ไม่ต้องพูดถึงหมาป่าตัวหนึ่งหรอก ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ ก็จงดื่มโจ๊กชามนี้ซะ”
“เอายาถอนพิษมาให้ข้า …” ย่าหยวนโกรธจัด บวกกับอาการเมาเรือ ชั่วขณะนั้นทั้งเลือดและน้ำย่อยในกระเพาะของนาง ต่างก็ไหลมาผสมปนเปกันจนปั่นป่วนไปหมด ทำให้นางแทบจะอาเจียนออกมาอยู่แล้ว
“ สารหนู ไม่มียาถอน ด้วยปริมาณขนาดนี้ แม้แต่เทพเซียนก็ช่วยมันไม่ได้! ” เฝิงโร่ใช้มือข้างหนึ่งพยุงแขนของนาง พูดอย่างเย็นชาว่า : “ท่านห่วงตัวเองก่อนจะดีกว่า พวกเราจะไม่ทำให้ท่านต้องลำบาก ขอแค่ท่านทำตัวว่าง่ายเชื่อฟัง พวกเราต่างก็รับเงินผู้อื่นมาเพื่อทำงานกันทั้งนั้น อย่าทำให้มันยากสำหรับพวกเราจะดีกว่า”
เมื่อย่าหยวนได้ยินคำว่าสารหนู ตรงหน้าของนางพลันเปลี่ยนเป็นมืดดำไปชั่วขณะ ทั้งโกรธแค้นทั้งโศกเศร้า “มันไม่เคยกัดพวกเจ้าเลยด้วยซ้ำ ทำไมพวกเจ้าถึงต้องทำร้ายมันด้วย? ทำไมพวกเจ้าถึงได้โหดเหี้ยมถึงขนาดนี้? นี่ยังรู้จักกฎหมายกันอยู่หรือไม่?”
“ แค่นี้ก็เรียกว่าโหดเหี้ยมแล้วรึ? ” เฝิงโร่คล้ายได้ฟังเรื่องที่ตลกที่สุดในใต้หล้าเข้าไป ค่อย ๆ เผยรอยยิ้มเย้ยหยัน ขณะที่สายตาก็จ้องมองย่าหยวน “กฎหมายรึ? อายุท่านก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วนะ ทำไมถึงยังไร้เดียงสาได้ขนาดนี้ล่ะ? เดิมทีข้าก็ไม่ใช่คนใจดีมีเมตตาอะไรหรอก ถ้าไม่ได้เห็นว่าท่านสูงอายุขนาดนี้แล้ว ก็คงไม่มัวมาใจดีกับท่านแบบนี้แน่ กินซะ ดูแลตัวเองให้ดี ระหว่างทางนี้ยังต้องเดินทางอีกหลายวันกว่าจะถึงที่หมาย อย่ามาตายบนเรือลำนี้เสียล่ะ อย่ามาสร้างความลำบากให้พวกเรา ข้าจ่ายค่าตอบแทนความเสียหายนี้ไม่ไหวหรอกนะ”
พูดจบ ก็หันกลับไปมองหมาป่าของซาลาเปา ผ่านไปแล้วครู่หนึ่ง พิษควรจะกำเริบได้แล้ว
ย่าหยวนได้ยินก็โกรธมาก แต่นางเองก็จนใจไม่อาจทำอะไรได้ นางทำได้แค่กอดหมาป่าของซาลาเปาแน่น ร้องไห้จนน้ำตานองหน้า “เป็นเพราะข้าทำร้ายเจ้าแท้ ๆ เลย”
หมาป่าของซาลาเปาใช้หัวตัวเองดุนดันที่คางของท่านย่า ตะกุยแผ่นไม้กระดานเรืออย่างกระปรี้กระเปร่า ไม่มีท่าทางว่าถูกพิษให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
เฝิงโร่คิดว่าหมาป่าตัวนี้ เดิมทีมันก็แตกต่างจากตัวอื่นอยู่แล้ว บางทีอาจต้องใช้เวลาอีกสักครู่กว่าพิษจะกำเริบ ดังนั้นจึงไม่สนใจมันอีก หันหลังกลับแล้วเดินออกไปทันที
ชั่วขณะที่นางหันหลังกลับไป จู่ ๆ หมาป่าของซาลาเปาก็กระโดดออกจากอ้อมแขนของท่านย่า แล้วพุ่งทะยานเข้าใส่เฝิงโร่อย่างดุดัน
เฝิงโร่ตอบสนองได้รวดเร็วมาก ทันทีที่ได้ยินการเคลื่อนไหว นางก็หลบไปข้าง ๆ ทันที จึงเห็นว่าหมาป่าตัวนั้นกระโจนเข้ามาจากด้านข้างของนาง ไม่รอให้นางทันมีปฎิกริยาตอบสนอง หมาป่าก็กระโจนกลับเข้ามาอีกครั้ง ครั้งนี้การโจมตีรวดเร็วเหนือคาด นางอยากหลบให้พ้นก็ทำได้แค่ต้องหนีแบบไม่คิดชีวิต แต่จนใจที่ห้องโดยสารเรือแห่งนี้มีพื้นที่คับแคบ นางแสดงฝีมือไม่ได้ ทำได้เพียงก้าวเท้าถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว แต่เพราะเท้าข้างหนึ่งไปเหยียบใส่ชามโจ๊กที่นางเพิ่งจะวางไว้บนพื้นเข้า ฝีเท้าจึงซวนเซล้มลง นางเห็นเพียงลำแสงสีขาวสายหนึ่งกระพริบอยู่ตรงหน้า หมาป่าหิมะกระโจนเข้ามา แล้วกัดเข้าที่ใบหูของนางจนเต็มเขี้ยว
เฝิงโร่ก็นับว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง นางอดทนต่อความเจ็บปวด ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปทำท่าคล้ายจะโจมตีหมาป่าหิมะ แต่กลับพลาดโจมตีใส่อากาศไปอย่างไม่คาดคิด หลังจากที่หมาป่าหิมะกัดหูของนางแล้ว ก็กระโจนขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง จากนั้นก็ทิ้งตัวลงสู่พื้นอย่างมั่นคง ที่มุมปากยังมีคราบเลือดของนางติดอยู่ให้เห็น
เฝิงโร่เจ็บจนแทบจะเป็นลมไปให้ได้แล้ว นางกลัวว่าหมาป่าหิมะจะกระโจนเข้ามาอีก จึงยื่นมือไปกระชากตัวย่าหยวนมาบังไว้ข้างหน้าตัวเองทันที