บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 807 ความสามารถในการเฝ้าบ้านของหมอผีดำ
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 807 ความสามารถในการเฝ้าบ้านของหมอผีดำ
อ๋องชินเป่าแทบไม่อยากเชื่อ แต่ต่อให้ไม่เชื่อ ก็จะต้องลองทำตามที่หยวนชิงหลิงพูด
เขาเติบโตมากับพระชายาตั้งแต่เล็ก รู้ว่านั่นคือยาพิษอะไร และก็รู้ว่าพิษนี้ร้ายแรงขนาดไหน ไม่มียาถอนพิษ เมื่อกินลงไปแล้ว ภายในเจ็ดวันจะมีเลือดออกทั้งเจ็ดทวารจนตาย ก่อนตาย จะต้องผ่านความเจ็บปวดทุกอย่างมากมาย จนสุดท้ายตายอย่างอนาถ ทั่วทั้งร่างกายไม่มีชิ้นเนื้อดี
ดังนั้น วินาทีที่เขาเห็นพี่สะใภ้กินยาพิษลงไป หัวใจแทบแตกสลาย
นางไม่เห็นแก่ไมตรีจิตความรักใคร่ต่อกัน เขายังคงจำได้ถึงความรักที่นางเลี้ยงดูมา
เขาหยิบมีดสั้นออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “จะเอาเลือดเท่าไหร่ ข้าทำเอง”
หยวนชิงหลิงรีบพูดห้ามขึ้นว่า “ไม่ ท่านอ๋องอย่าทำไปเรื่อย ในเมื่อจะเอาเลือดแห่งความเกลียดแค้น เพราะฉะนั้นต้องเอาเลือดตรงขั้วหัวใจของท่านอ๋อง ไม่ต้องมาก ขอเพียงไม่กี่หยดก็พอ ข้ามีเครื่องมือในการเก็บเลือดโดยเฉพาะ ท่านอ๋องเพียงแค่นอนราบให้ดีก็พอ”
อ๋องชินเป่าจ้องมองดูนางด้วยแววตามืดมน พร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องไร้สาระ” ใช้เลือดเป็นยาข้าเคยได้ยิน แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีการแบ่งใช้เลือดส่วนไหน
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างสงบว่า “หากท่านอ๋องไม่เชื่อ ข้ากลับก็ได้”
อ๋องชินเป่าจ้องมองดูนางอย่างเย็นชาสักพัก ค่อยปล่อยวางการป้องกันแล้วปล่อยให้นางเข้ามาใกล้
ยาชา ฉีดเข้าไปได้อย่างคล่องตัว อะซี่ตาไวมือไว รีบปิดประตูทันที หันกลับมาก็เห็นหมันเอ๋อ ใช้มือแกะเสื้ออ๋องชินเป่าเปิดออก นางพูดขึ้นอย่างแปลกประหลาดใจว่า “หมันเอ๋อ เจ้าดูคุ้นเคยกับการถอดเสื้อผ้าของผู้ชายมากเลยนะ”
ตอนนี้หมันเอ๋อยิ่งอยู่ก็ยิ่งกล้าหาญแล้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “อย่าเพิ่งพูดเรื่องพวกนั้น มาช่วยพระชายารัชทายาท”
อะซี่รู้ว่าต้องรวดเร็ว จึงไม่พูดอะไรไปเรื่อยอีก รีบมาช่วยยกอ๋องชินเป่าวางลงบนพื้น ให้เขานอนราบ
เสื้อท่อนบนถูกแกะออก ตรงใกล้ๆหัวใจ มีก้อนนูนรูปร่างเหมือนเล็บก้อนหนึ่งจริงๆด้วย หมันเอ๋อสูดลมหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ผิด เป็นวิชาหลอนจิตไม่ผิด”
เมื่อวานได้เลือดลูกของกู้จือมา หมันเอ๋อก็สันนิษฐานแล้วว่า มนต์สะกดจิตนี้อาจจะไม่สามารถคลายได้ ดังนั้นเมื่อวานจึงปรึกษากันว่าให้เขาดื่มลงไปก่อน ค่อยให้พระชายาใช้วิธีกระตุ้นให้โกรธเกลียดเจ็บปวดด้วยวาจาที่รุนแรง ให้เลือดพุ่งไหลเวียน เมื่อเลือดไหลเวียนอย่างรวดเร็ว จะพบกับเลือดแห่งการสาปแช่ง ค่อยๆสะสม ก่อตัวเป็นรูปนูนอยู่เหนือหัวใจ เพียงแค่กรีดให้เลือดไหลออกมา ก็สามารถแก้คำสาปได้
ด้านนอกเห็นว่าประตูถูกปิดกะทันหัน จึงเรียกหาท่านอ๋องอยู่หลายที น้ำเสียงร้อนใจ เมื่อได้ยินเสียงหมาป่าคำราม ทุกอย่างเงียบสงบ
หยวนชิงหลิงผ่าหนังแยกออกเนื้ออย่างชำนาญ อะซี่ทำตามที่หมันเอ๋อพูด กดบนและล่างด้วยสองนิ้ว ดันแรงไปในทิศทางที่นูน แล้วก็เห็นเลือดพุ่งออกมา
ในขณะที่เลือดกำลังสาดกระเซ็น เม็ดสีแดงสดเม็ดหนึ่งถูกบีบออกมาจากในเนื้อ สิ่งนั้นก็เหมือนเมล็ดข้าว กระทั่งน้อยกว่าบ้าง
หมันเอ๋อพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “พระชายารัชทายาท คือสิ่งนี้ รีบทำลายทิ้ง”
หยวนชิงหลิงยกมือใช้มีดแทงลง สามารถตัดสิ่งนั้นออกเป็นชิ้นๆได้
หลังจากที่เมล็ดข้าวนั่นแตกสลาย ก็ยังมีเลือดไหลออกมา หมันเอ๋อสูดลมหายใจพร้อมพูดขึ้นว่า “เลือดไม่เยอะ ดูแล้วน่าจะเลี้ยงมาประมาณหนึ่งปีกว่า”
“นี่คืออะไรหรือ?”อะซี่น่าตกใจ เม็ดเล็กๆนั่น ทำไมถึงได้มีเลือดไหลออกมาเยอะขนาดนี้
“หนอนของวิชาหลอนจิต”
“หนอน? โอ้สวรรค์ วิชาหลอนจิตคือพิษกู่หรือ?”อะซี่รู้สึกเสียวซ่าไปถึงหนังศีรษะขึ้นมาในทันใด
หมันเอ๋อพูดขึ้นว่า “มนต์สะกดวิชาลวงตาส่วนใหญ่ของหนานเจียง ล้วนใช้หนอนเป็นตัวนำ”อะซี่ คิดไม่ถึงว่านางจะไม่รู้ เรื่องนี้คนหนานเจียงต่างก็รู้
หยวนชิงหลิงรีบเย็บบาดแผลให้กับอ๋องชินเป่าอย่างรวดเร็ว และก็ถามขึ้นอย่างค่อนข้างแปลกใจว่า “หมันเอ๋อ เมื่อกี้นั่นคือหนอนกู่หรือ? เจ้าบอกว่าวิชาหลอนจิต เพียงแค่ต้องเอาเลือดออกมาก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ใช่ ปกติเป็นเช่นนี้ แต่หากหนอนเติบใหญ่แล้ว ก็จะต้องเจาะเอาหนอนออกมา” หมันเอ๋อใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดบนพื้น แล้วก็ใช้ไฟเผาทิ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “หนอนแข็งแกร่งมาก หากไม่เผาทิ้งจะสามารถเกิดขึ้นใหม่ได้อีก”
เกี่ยวกับพวกพิษกู่อะไรประเภทนี้ หยวนชิงหลิงเข้าใจในยุคปัจจุบันก็คือแบคทีเรีย แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาทำอย่างไรกันแน่ ทำไมสิ่งที่คนทำขึ้นมาสามารถควบคุมแบคทีเรีย ให้เคลื่อนไหวในร่างกายของคนอีกคนได้
หลังจากเย็บบาดแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว หยวนชิงหลิงถามหมันเอ๋อว่า “แบบนี้เขาก็สามารถได้สติขึ้นมาแล้วหรือ?”
“จะค่อยๆมีสติ แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็เคยถูกวิชาหลอนจิตครอบงำ ภายในร่างกายยังคงหลงเหลือสิ่งนี้ รออีกไม่กี่วัน ก็จะได้สติขึ้นมาอย่างสมบูรณ์”
“ขอให้ยังมีจิตใต้สำนึก มีความสามารถในการแบ่งแยกผิดชอบชั่วดีก็พอ” หยวนชิงหลิงมองดูเขาแวบหนึ่ง รู้สึกว่าในฤดูหนาวแบบนี้แล้วก็เพิ่งรับการผ่าตัด นอนอยู่บนพื้นตลอดไม่ค่อยดี จึงพูดขึ้นว่า “เราไปกันเถอะ ให้คนเข้ามาประคองเขาลุกขึ้น รอค่ำหน่อยค่อยให้อ๋องชินเฟิงอันมาดู”
อะซี่เช็ดมือ มองดูหมันเอ๋อพร้อมพูดขึ้นว่า “หมันเอ๋อ ดูเหมือนเจ้าจะรู้อะไรมากมาย ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ค่อยรู้เรื่องชัดเจนขนาดนี้ไม่ใช่หรือ?”
หมันเอ๋อเองก็อึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เดิมข้าน้อยไม่รู้เรื่องแน่ชัดจริงๆ เพียงแค่เคยได้ยินคุณยายพูด แต่เมื่อกี้ที่เห็นแล้ว ในใจกลับรู้ว่าต้องทำอย่างไรขึ้นมาในทันใด”
อะซี่พูดขึ้นว่า “นั่นช่างน่าแปลกจริงๆ”
ทั้งสามคนเปิดประตูออกไป พ่อบ้านชรากับทหารจวนอยู่ด้านนอก เพราะมีหมาป่าหิมะเฝ้าไว้ จึงไม่กล้าเข้าใกล้
หยวนชิงหลิงพูดกับพ่อบ้านชราว่า “บนตัวท่านอ๋องมีบาดแผลเล็กน้อย ระวังด้วยนะ”
พ่อบ้านชราถามขึ้นอย่างตกใจว่า “บาดแผล? ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บหรือ?”
“ไม่เป็นอะไรมาก สองวันก็หายดีแล้ว”หยวนชิงหลิงพูดจบ พาคนกับหมาป่าหิมะจากไปอย่างรวดเร็ว
เรื่องนี้ เกี่ยวข้องเชื่อมโยงค่อนข้างใหญ่โต ทำให้เป็นกังวลใจน่าเป็นห่วงจริงๆ
หากอ๋องชินเป่าถูกหงเย่ควบคุม งั้นความทะเยอทะยานของคนเซียนเปย ช่างมากมายนัก ใช้วิธีที่เท่าแมวดิ้นตาย หวังอยากครอบครองแคว้นต้าโจวกับเป่ยถังสองประเทศใหญ่ ให้ปีกเขาคู่หนึ่ง คงจะบินขึ้นฟ้าไปแล้ว
ตอนที่รถม้ากลับไป หมันเอ๋อก็นั่งอยู่ภายในรถม้า นางเกาะอยู่ตรงหน้าต่างแล้วก็มองออกไปข้างนอก ท่าทีค่อนข้างเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย
“หมันเอ๋อ เจ้าเป็นอะไร? ตั้งแต่ออกมาจากจวนอ๋องชินเป่า เจ้าก็แลดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว”อะซี่ถามขึ้น
หมันเอ๋อหันหน้ากลับมา ส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไร ก็แค่คิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้”
“เรื่องอะไร?”อะซี่ถามขึ้น
“เรื่องในครอบครัว” หมันเอ๋อใช้สองมือบีบนวดขมับของตนเอง พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่ว่า ก็เหมือนกับฝันไป ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ”
อะซี่หัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นเรื่องจริงหรือเท็จเจ้ายังไม่รู้ หัวสมองของเจ้าเคยถูกชนหรือ?”
หลังจากหยวนชิงหลิงเช็ดมีดผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว ก็หันไปมองดูหมันเอ๋อ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าคิดเรื่องอะไรขึ้นมาได้หรือ?”
หมันเอ๋อได้ยินหยวนชิงหลิงถามขึ้นมาอย่างจริงจัง จึงตอบว่า “ข้าน้อยคิดขึ้นมาได้ว่า วิชาหลอนจิต นอกจากหมอผีดำก็ไม่มีใครรู้แล้ว”
หยวนชิงหลิงหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้เจ้าพูดแต่แรกแล้ว เจ้าพูดว่าวิชาหลอนจิต ก็คือความสามารถในการเฝ้าบ้านของสาวหมอผีดำ”
หมันเอ๋อพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยสบายใจว่า “ใช่ แต่ไม่รู้ทำไม ข้าน้อยกลับรู้ว่าต้องใช้วิชาหลอนจิตยังไงขึ้นมาในทันใด”
อะซี่พูดขึ้นอย่างตกใจว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไร? เจ้าเป็นสาวหมอผีดำหรือ?”
“ไม่ใช่นี่” หมันเอ๋อเองก็ปวดหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่เมื่อกี้ข้าน้อยเห็นหนอนนั่น ก็คิดขึ้นมาได้ว่าวางพิษกู่ยังไง โดนผีครอบงำหรือเปล่า?”
หยวนชิงหลิงเห็นนางสับสน จึงพูดปลอบนางว่า “เจ้าอาจจะเห็นตอนที่เจ้ายังเด็ก ต่อมาค่อยๆลืมไปแล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นจึงคิดขึ้นมาได้ นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ต้องคิดมาก บางทีเจ้าอาจจะรู้แค่นี้ ไม่เข้าใจสาระสำคัญจริงๆ”
“เป็นแบบนี้หรือ?”หมันเอ๋อถามขึ้น