บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 816 เกือบทำให้หมันเอ๋อตกใจตาย
หยวนชิงหลิงยกแขนเสื้อขึ้น พูดเสียงเรียบว่า “ร้องไห้หรือ ข้าไม่มีทางร้องไห้ คำโกหกสร้างเรื่อง ทำไมข้าต้องร้องไห้ด้วย”
ฉู่หมิงหยางยังคงยิ้มเย็น นางค่อยๆนั่งลง ทั้งสองคนนั่งเผชิญหน้าอยู่คนละฝั่ง ห่างกันไม่ถึงหนึ่งจั้ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความเป็นศัตรูคู่อาฆาต
“เจ้าพูดได้ถูกต้อง เมื่อก่อนข้าเคยชื่นชอบเขาจริง ชายหนุ่มที่หล่อเหลาแข็งแกร่งเช่นนั้น ผู้หญิงคนไหนจะไม่รัก ”สายตาของฉู่หมิงหยางแฝงแววเยาะเย้ยอยู่หลายส่วน “เจ้าเองก็รักเขาอย่างสุดหัวใจมิใช่หรือ เพียงแต่เจ้าใช้วิธีการที่สกปรกจนได้เขาไป แล้วก็คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ เดิมที่ข้าเองก็คิดว่าเขาปกป้องเจ้าถึงเพียงนั้น ในใจต้องมีแต่เจ้าแน่ แต่หลังจากที่เขาใกล้ชิดข้า ฟังความลำบากในใจของเขา จึงรู้ว่าเขาต้องแบกรับความกดดันและความลำบาก หยวนชิงหลิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าหน้าตาเจ้าน่ารังเกียจเพียงใด”
“โปรดอธิบายให้ฟังหน่อย”หยวนชิงหลิงพูด กดทับความรู้สึกที่ราวกับจะขนลุกขนชันขึ้นมา “แต่ว่า พูดกันตามความจริงแล้ว แม้ว่าลูกในท้องของเจ้าจะเป็นของเขา ก็คงเป็นเจ้าที่ยั่วยวนเขาก่อน เขาก็แค่เล่นๆเท่านั้น ”
มุมปากของฉู่หมิงหยางยังคงมีรอยยิ้มเย็นชาอยู่ “เจ้าคิดอย่างนั้นจริงหรือ เจ้าคิดอย่างนั้นก็ถือว่าผิดแล้ว ตอนแรกที่ข้ากลับบ้านมารดา เป็นเพราะเขาได้ให้คนส่งจดหมายให้ข้าด้วยวิธีต่างๆนานา เชิญชวนข้าให้ออกไปพบกันข้างนอก เดิมทีข้ารู้สึกเกลียดชังเขาอย่างที่สุด คิดว่าเขาคงมีแผนการอื่นเป็นแน่ ด้วยเหตุนี้ จดหมายที่เขาส่งมาให้ข้าทั้งหมด ข้าได้ทำลายจนหมดสิ้น เหลือเพียงฉบับสุดท้าย ยังคงเก็บไว้กับตัว ลายมือของเขาเจ้านั้นคุ้นเคยเป็นอย่างดี ”
นางหยิบเอาจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ จดหมายฉบับนั้นถูกพับไว้อย่างเรียบร้อย เมื่อเปิดออกมาแล้วสามารถมองเห็นรอยพับได้อย่างชัดเจน น่าจะเคยถูกเปิดอ่านและพับเก็บนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
หมันเอ๋อเดินเข้าไปอยากจะหยิบมา ฉู่หมิงหยางกลับยกมือขึ้น พูดเสียงเย็นว่า “อยากจะทำลายหลักฐานหรืออย่างไร เจ้าสามารถมองเห็นได้ ก็ดูอย่างนี้เถอะ แค่คำพูดสั้นๆไม่กี่คำเท่านั้น ”
นางกางจดหมายออก ถือไว้ในตำแหน่งบริเวณใกล้เคียงกับคางของนางให้หยวนชิงหลิงดู
“น้องหยาง ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ้าขุ่นเคือง แค่อยากจะบอกกับเจ้าด้วยปากของตนเองว่าขอโทษ ถ้าหากเจ้าสามารถให้อภัยข้าได้ ขอให้ไปพบกันที่หอหมิงเยว่ในวันพรุ่งนี้เวลาเที่ยง”
ลงท้ายจดหมายด้วยตัวอักษรเห้า
ไม่มีวันที่ ไม่มีตราประทับของเขา ถือว่าเป็นจดหมายส่วนตัว
ลายมือเหมือนของเขามากจริงๆ เพราะไม่สามารถรับมาพิจารณาอย่างละเอียด ด้วยเหตุนี้จึงไม่รู้ว่ามีความแตกต่างจากลายมือของเขามากน้อยแค่ไหน
“เจ้าจำลายมือของเขาได้ใช่หรือไม่”ฉู่หมิงหยางเห็นสีหน้าที่นิ่งงันของนาง คิดว่านางคงจะสะเทือนใจ ยิ้มอย่างได้ใจแล้วค่อยๆเก็บจดหมายกลับไปซ่อนเอาไว้
พูดเสียงเย็นว่า “จดหมายที่เขาเขียนให้ข้ามีไม่ต่ำกว่าห้าฉบับ ล้วนถูกข้าอ่านแล้วเผาทิ้งอย่างไม่ไยดี สาวใช้ข้างกายข้าสามารถเป็นพยานได้ ข้าอาศัยอยู่ในบ้านมารดาก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจยิ่งนัก ครั้งสุดท้ายข้าจึงอยากจะฟังว่าเขาจะพูดอะไร จึงได้รับนัดไปพบกันที่หอหมิงเยว่ หลังจากไปถึงหอหมิงเยว่ ท่าทีของข้าที่มีต่อเขายังคงเย็นชาเหมือนเดิม แต่เสียดายจริงๆที่เจ้าไม่ได้เห็นความกระตือรือร้นของเขา เจ้าไม่ได้เห็นว่าตลอดเวลาที่เขานั่งอยู่ตรงหน้าข้าและเอาแต่อธิบาย เขาบอกว่าตอนแรกที่มาจวนฉู่ก็ไม่ได้มาเพราะฉู่หมิงชุ่ย แต่มาเพราะข้า แต่ว่าถูกคนอื่นเข้าใจผิด เขาอยากจะหาโอกาสอธิบายให้ชัดเจนตลอดมา เสียดายที่ตอนนั้นเขาหลงกลแผนของเจ้าเสียก่อน ทำให้ชื่อเสียงของเขาต้องป่นปี้ เขาเองก็รู้สึกท้อแท้ใจรู้สึกไม่คู่ควรกับข้า จึงได้หยุดการกระทำทั้งหมดลง”
หยวนชิงหลิงมองนางที่ขณะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วดูหลงใหลได้ปลื้มเป็นอย่างยิ่ง ในความหวานล้ำนั้นมีความขมขื่นอยู่สายหนึ่ง ในรอยยิ้มที่ได้ใจนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมีความรวดร้าวใจแฝงอยู่ เกรงว่าคงจะคิดถึงความหวานในตอนนั้นที่กลายเป็นความเสียใจในตอนนี้
“ฉะนั้น หลังจากความเข้าใจผิดของพวกเจ้าจางหายไป จึงนัดเจอกันอีกอย่างนั้นหรือ”หยวนชิงหลิงถามขึ้น
“ถูกต้อง ”เห็นได้ชัดว่าฉู่หมิงหยางยังไม่เดินออกมาจากความทรงจำอันหวานซึ้งในช่วงนั้น พูดพึมพำว่า “ตอนนั้นเขาสัญญากับข้าไว้มากมาย ให้ข้ากลับไปอยู่ที่จวนอ๋องจี้เพื่อจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของทุกคนทั้งบนล่างในจวนอ๋องจี้ เขาบอกว่าข้าเหมาะสมที่จะทำเรื่องนี้มากที่สุด เพราะว่าคงไม่มีใครสงสัยข้า ข้าคิดดูก็ใช่ ใครจะสนใจข้า ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงช่วยเขาจับตาทุกการเคลื่อนไหวของจวนอ๋องจี้ ไม่ว่าจะเกิดความเคลื่อนไหวใดๆก็ตามข้าล้วนรายงานให้เขารู้”
นางเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “ข้าตั้งครรภ์ลูกของเขา เขาบอกว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะให้ตำแหน่งกับข้า ให้ข้ารออย่างสบายใจ เขาจะหย่ากับเจ้า แล้วแต่งงานรับข้าเข้าไปใจจวน ทำไมเจ้าไปตายไปซะ หยวนชิงหลิง เจ้าไปตายเสียเถอะ เจ้าตายแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว เขาจะสามารถแต่งงานรับข้าเข้าบ้านได้เสียที”
นางสาปแช่งหยวนชิงหลิงอย่างอำมหิต ราวกับว่าเป็นเพราะหยวนชิงหลิงทำให้เขามีท่าทีที่เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ แต่นางก็เข้าใจดี ตำแหน่งฮ่องเต้นั้นสำคัญที่สุด หยวนชิงหลิงได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้และไท่ซ่างหวง แล้วยังได้ใจของประชาชน ถ้าทำการหย่ากับนางตอนนี้จะกระทบต่อเขาเป็นอย่างมาก
หยวนชิงหลิงนั้นแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจกับข่าวคราวพวกนี้ พูดว่า “แต่นอกจากจดหมายฉบับนี้แล้ว ก็ไม่มีเรื่องอื่นที่ทำให้ข้าเชื่ออย่างสนิทใจได้จริงๆว่าคนที่พบกับเจ้าตลอดนั้นเป็นรัชทายาท”
ฉู่หมิงหยางยื่นมือออกไปกดที่มวยผมที่ดูจะคลายตัวแล้ว ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความหยิ่งทะนง “เจ้าก็หลอกตัวเองต่อไปเถอะ เจ้าจำลายมือได้ เจ้าไม่ยอมรับแล้วจะสามารถเปลี่ยนแปลงความจริงได้หรือ แม้เจ้าจะไม่ยอมรับเรื่องทั้งหมด แต่ก็ไร้หนทางที่จะไม่ยอมรับว่าลูกในท้องของข้าไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของรัชทายาท ถ้าหากรัชทายาทได้ขึ้นครองราชบัลลังก์ เขาก็เป็นทายาทของราชวงศ์ ว่าที่ฮ่องเต้ในภายหน้า นี่เป็นคำสัญญาที่รัชทายาทให้ไว้”
หยวนชิงหลิงได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็รู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้าง ฉู่หมิงหยางไม่ใช่หญิงสาวที่มีอุดมคติเช่นนั้น นางค่อนข้างให้ความสำคัญกับความเป็นจริง ทำไมจึงเชื่อคำพูดเหล่านี้ได้นะ
คิดวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้ว แม้ว่าคนที่อยู่กับนางจะเป็นเจ้าห้าจริง แต่มีลูกของภรรยาเอกอยู่ จะมีโอกาสที่ลูกของนางจะได้เป็นว่าที่ฮ่องเต้ได้อย่างไร แม้จะเป็นไปได้ว่ามีการแย่งชิงกัน แต่คำสัญญาที่เบาบางเช่นนี้ นางกลับเชื่ออย่างสนิทใจโดยไม่สงสัยอะไรเลย
“แม้เจ้าจะพูดได้เหมือนจริงสักแค่ไหน แต่ข้าก็ไม่เชื่อ”หยวนชิงหลิงพูดพลางส่ายหน้า
ฉู่หมิงหยางยิ้มเย็น “ได้ เพื่อให้เจ้าตายใจ ตอนที่เขามีความสุขกับข้า ที่หลังของเขามีรอยแผลเป็นที่พาดผ่านตั้งแต่กระดูกสะบักซ้ายยาวไปจนถึงด้านล่างเอวขวา เป็นรอยแผลเป็นเส้นหนึ่ง เป็นร่องรอยที่ได้จากการทำสงคราม ถ้าหากข้าไม่เคยมีสัมพันธ์ที่ดีกับเขา จะรู้ได้อย่างไร เจ้าตายใจได้แล้วกระมัง”
หยวนชิงหลิงได้ยินถึงตรงนี้ ก็รู้สึกโล่งใจยิ่งนัก ถ่วงเวลานางอยู่ตั้งนาน ในที่สุดก็ได้รู้ลักษณะพิเศษข้อหนึ่งของคนคนนั้นเสียที นางมองฉู่หมิงหยาง พูดว่า “ที่หลังของเจ้าห้ามีรอยแผลเป็นจริง ทั้งใหญ่ทั้งเล็กมีไม่ต่ำกว่าหกเจ็ดแผล แต่ว่า ไม่มีบาดแผลไหนที่ยาวอย่างที่เจ้าพูด ยาวที่สุดก็แค่ประมาณครึ่งหนึ่งของนิ้วมือเท่านั้น แต่ว่านะ เขามีรอยแผลเป็นอยู่ที่หนึ่ง คนมากมายต่างก็รู้ดี ในเมื่อเจ้าเคยมีสัมพันธ์ที่ดีกับเขาก็น่าจะรู้ รอยแผลเป็นนี้อยู่ที่ระหว่างต้นขา เป็นรอยแผลเป็นที่ได้จากการถูกลอบทำร้ายในเมืองหลวงครั้งนั้น แผลนั้นเคยอักเสบจนเป็นหนอง และได้รับการจัดการไม่ดีเท่าไหร่ ฉะนั้นรอยแผลเป็นจึงชัดเจนมาก ขอเพียงเขาเคยใจกว้างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ตอนที่พบเจ้า เจ้าต้องได้เห็นแน่ ”
ฉู่หมิงหยางหายใจหอบเร็วแรง สีหน้ากราดเกรี้ยว “เจ้าคิดว่าคำโกหกตอแหลเช่นนี้ข้าจะเชื่อหรือ”
หยวนชิงหลิงเอ่ยเสียงเรียบๆว่า “เป็นจริงหรือเท็จ เจ้าจะลองสืบดูก็ไม่ยาก ตอนนั้นบาดแผลของเขานอกจากมีข้าคอยดูแลแล้ว หมอหลวงก็เคยให้การรักษาเช่นกัน ปู่ของเจ้าก็รู้ บาดแผลนี้เกือบจะทำให้เขาไม่สามารถกลับมาเป็นคนธรรมดาได้แล้ว ในวังก็ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่เชื่อ ก็ลองไปถามหยู่เหวินจุนดู การลอบสังหารในครั้งนั้นเขาเป็นคนวางแผนเอง ทำร้ายตรงไหนย่อมมีมือสังหารกลับไปรายงาน เขารู้ชัดเจนที่สุด”
ทันใดนั้นสีหน้าของฉู่หมิงหยางก็ดูโหดเหี้ยมขึ้นมาอย่างที่สุด ในแววตามีคลื่นลูกใหญ่ถาโถมขึ้นมา นางยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว หยิบเอาแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะทุบไปที่หยวนชิงหลิง ตะคอกเสียงดัง “เจ้าพูดเหลวไหล เจ้าพูดเหลวไหล”
แก้วถูกหมันเอ๋อตีกระเด็นไป หยวนชิงหลิงก็ไม่เซ้าซี้นางอีก มองใบหน้าของนางที่ดูอารมณ์ไม่ดีจนแทบจะเป็นความตื่นตะลึงแวบหนึ่ง ก็จากไปพร้อมกับหมันเอ๋ออย่างรวดเร็ว
ด้านหลังมีเสียงของนางที่ร้องคำรามราวกับสัตว์ป่า เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความโกรธ หมันเอ๋อนั้นมีความหลังฝังใจกับการร้องคำรามเช่นนี้ ได้ยินแล้วเข่าแทบจะอ่อนทรุดลงไปกับพื้น