บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 821 ลู่หยวนฟื้นแล้ว
หยู่เหวินจุนและฉู่หมิงหยางย้ายไปตระกูลฉู่อยู่ในบ้านของตระกูลฉู่ ก่อนหน้าที่ฉู่หมิงหยางจะย้ายเข้าไป จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักก่อความวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง ถูกบังคับมัดตัวขึ้นรถม้าลากเข้าไปทางประตูหลัง
หลังจากส่งเข้าบ้านแล้ว เพิ่งจะแก้มัด หยู่เหวินจุนก็ยกยาเข้ามาแล้ว
เขาเข้ามาก่อน สั่งให้คนไปหายาชุดหนึ่ง เพิ่มปริมาณให้มากขึ้น จำเป็นต้องกำจัดเด็กในท้องของนางทิ้ง
ฉู่หมิงหยางเห็นเขาในพริบตานั้น สีหน้าเปลี่ยนไปมาก ถอยหลังหลบไปเล็กน้อย “ท่านคิดจะทำอะไร?”
ผู้คนล้วนถูกหยู่เหวินจุนไล่ออกไปนอกประตูแล้ว เขาเอายาวางไว้บนโต๊ะ พยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ: “ดื่มยาลงไป”
ฉู่หมิงหยางมองดูยาน้ำสีดำเข้มออกสีแดงถ้วยนั้น ในไอร้อนระอุ เห็นใบหน้านั้นของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว นางกุมท้องไว้ด้วยจิตใต้สำนึก ส่ายหัว “ไม่!”
“ดื่มลงไปเถอะ” น้ำเสียงของหยู่เหวินจุนเย็นยะเยือกน่ากลัว “เจ้าดื่มลงไป ต่อผู้ใดก็ล้วนเป็นผลดี ทำไมจะต้องแบกรับความอัปยศนี้ด้วยนะ? ข้าสามารถทำเหมือนกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นได้ เพียงแค่กำจัดเด็กนี่ทิ้งซะ”
ฉู่หมิงหยางส่ายหน้าด้วยความผวา “ไม่ เด็กคนนี้เป็นองค์ชาย เขาเป็นฮ่องเต้ตัวจริงที่ได้รับบัญชาจากสวรรค์ อนาคตจะต้องเป็นฮ่องเต้ ท่านไม่สามารถทำเช่นนี้ได้”
ในตาของหยู่เหวินจุนเป็นความเฉยชา “เจ้ารู้ไหม? เจ้าบอกว่าลูกในท้องของเจ้าเป็นของเสด็จพ่อของข้า ข้าก็จะเชื่อ แต่เจ้าบอกว่าเป็นของหยู่เหวินเห้า ข้าไม่เชื่อเด็ดขาด”
“ก็คือของเขา เป็นของเขา” ฉู่หมิงหยางจับพนักพิงเก้าอี้ไว้ พยายามจะซ่อนตัว ในตามีความบ้าคลั่งเล็กน้อย “ข้ารู้ว่าพวกเราทำเช่นนี้ผิดต่อท่าน แต่ว่า ข้าชอบเขาด้วยใจจริง ขอร้องท่านให้ข้าเก็บลูกคนนี้ไว้ เพียงแค่เก็บเขาไว้ ท่านต้องการให้ข้าทำอะไรก็ยอมทั้งหมด”
เขานั่งลงช้าๆ ในห้องมืดสลัว มีเพียงของแสงพร่างพรายที่ส่องเข้ามาตรงลูกกรงหน้าต่างไม่กี่รอย ส่องบนด้านข้างใบหน้าของเขา เผยให้เห็นความอึมครึมและดุร้าย “เรื่องนี้หารือไม่ได้ เจ้าอย่าท้าทายขีดจำกัดของข้าเป็นดีที่สุด ข้ารับปากโสวฝู่ไม่ฆ่าเจ้า แต่ข้ามีวิธีเป็นพันวิธีที่จะทำให้เจ้าเหมือนตายทั้งเป็น”
“ท่านออกไปซะ!” ฉู่หมิงหยางตื่นตระหนกขึ้นมา ชี้ประตู “ท่านออกไป ท่านออกไป ข้าจะไม่อนุญาตให้ท่านทำร้ายลูกของข้า หากว่าท่านกล้าใช้วิธีบังคับ ข้าจะตายไปพร้อมกับท่าน ข้าพูดได้ทำได้ ท่านเชื่อหรือไม่?”
แววตาของหยู่เหวินจุนเป็นประกายทันที กล่าวอย่างเย็นชา: “ได้ ยาถ้วยนี้เจ้าไม่ดื่มก็ได้ แต่ว่า เจ้าจะต้องชดใช้ให้ข้า ไม่เช่นนั้น ข้าจะต้องเป็นพ่อให้เด็กในท้องอย่างเปล่าประโยชน์ไปทำไมกัน?” สำหรับผู้ชายคนหนึ่งแล้ว การดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้ทรมานยิ่งกว่าตายซะอีก”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าที่เคร่งเครียดของฉู่หมิงหยางค่อยผ่อนคลาย มองดูเขา “ท่านคิดต้องการอะไร?”
“หนึ่งล้านตำลึง” หยู่เหวินจุนเอื้อมมือไปทำให้รอยยับบนเสื้อผ้าเรียบ “หนึ่งล้านตำลึงสำหรับเจ้า นับอะไรไม่ได้ เจ้าสามารถเอาออกมาได้”
“ท่านบ้าไปแล้วหรือ?” ฉู่หมิงหยางตกตะลึงเป็นที่สุด “ข้าจะมีหนึ่งล้านตำลึงได้อย่างไร? ข้าเอาออกมาไม่ได้”
รอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ค่อยๆปรากฏออกมาบนใบหน้าที่ชั่วร้ายของหยู่เหวินจุน “คิดวิธีสิ ถึงอย่างไรก็จะต้องมีวิธี ข้าให้เวลาเจ้าสิบวัน ภายในเวลาสิบวันหากว่ารวบรวมให้ข้าไม่ครบหนึ่งล้านตำลึง เช่นนั้นมารหัวขนในท้องของเจ้าก็ไร้วาสนาที่จะมาบนโลกใบนี้ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับข้า”
ฉู่หมิงหยางแค้นเคืองถึงขีดสุด “ข้าจะบอกท่านปู่”
“ไปได้เต็มที่ เจ้าทำความอับอายขายหน้าให้กับตระกูลฉู่ ดูซิว่าเขายังจะยินยอมช่วยเหลือเจ้าอีกหรือไม่” หยู่เหวินจุนกล่าวอย่างเย็นยะเยือก
“หยู่เหวินจุน ท่านข่มเหงรักแกกันมากเกินไปแล้ว!” ฉู่หมิงหยางกุมท้องไว้ “ข้าจะไม่ให้เงินท่าน และข้าก็ไม่อนุญาตให้ท่านทำร้ายลูกของข้า”
“งั้นก็รอไว้เถอะ” หยู่เหวินจุนยืนขึ้นช้าๆ หมุนตัวออกไปแล้ว
พริบตานั้นที่ประตูปิดลง ยาถ้วยหน้าเขวี้ยงแตกบนประตู พร้อมด้วยเสียงกรีดร้องคำรามด้วยความเดือดดาลอย่างสุดกำลัง ถ้วยกระเบื้องแตกเต็มพื้น
ยามเย็นวันนี้มีคนมาจากตระกูลลู่ เชิญหยวนชิงหลิงให้รีบไปรอบหนึ่ง บอกว่าลู่หยวนฟื้นแล้ว
อีกทั้ง คนส่งข่าวเน้นย้ำอยู่ตลอดว่า ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ฟื้นมา ดวงตาของเขากลอกกลิ้งได้ ยังสามารถเปล่งเสียงได้อีกด้วย
หยวนชิงหลิงรับพาอะซี่และหมันเอ๋อขึ้นรถม้าไปตระกูลลู่ทันที หลังจากถึงตระกูลลู่แล้ว นึกไม่ถึงว่าอ๋องฉีก็อยู่ด้วย เขารู้สึกตื่นเต้นมากกว่าคนของตระกูลลู่ ดึงข้อมือของหยวนชิงหลิงโดยไม่คำนึงถึงฐานะ “ท่านพี่สะใภ้ห้า เร็ว รีบๆดู เมื่อครู่ข้าพูดคุยกับเขา เขาตอบรับข้าเสียงหนึ่ง แต่ตอนนี้ไม่มีการตอบสนองอีกแล้ว ท่านรีบดูหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”
สำหรับคำพูดของอ๋องฉีคนของตระกูลลู่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง โดยเฉพาะท่านแม่ลู่ นางผิดหวังหลายครั้งเกินไปแล้ว ทุกครั้งที่ลืมตาล้วนคิดว่าเขาจะฟื้นขึ้นมา พอหลังจากนั้นกลับเป็นการดีใจที่ว่างเปล่า
และบวกกับสิ่งที่อ๋องฉีพูดพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ขณะที่อ๋องฉีเข้ามาอยู่เป็นเพื่อน ไม่มีคนปรนนิบัติอยู่ข้างๆ นอกจากอ๋องฉีแล้วไม่มีผู้ใดเห็น
หยวนชิงหลิงตบหลังมือเขาเบาๆ “ได้ อย่าตื่นเต้น ข้าเข้าไปดู”
“ดี ดี!” อ๋องฉีเดินตามทุกย่างก้าว สีหน้าท่าทางยังตื่นเต้นเป็นที่สุด
หยวนชิงหลิงผลักประตูเข้าไป มีสาวใช้เฝ้าดูแลอยู่ด้านใน เห็นหยวนชิงหลิงเข้ามาจึงรีบถอยออก
ลู่หยวนนอนอยู่บนเตียง ตอนนี้ดวงตาปิดอยู่ หยวนชิงหลิงเปิดกล่องยาหยิบหูฟังตรวจโรคของหมอออกมา ฟังการเต้นของหัวใจก่อน จากนั้นพลิกเปิดดูลูกตา
ข้างกายผู้คนเบียดเสียด กลั้นหายใจมองดู ฮูหญิงลู่พิงอยู่ข้างกายของใต้เท้าลู่ สีหน้าตื่นเต้นจนเริ่มเขียว
ขณะที่หยวนชิงหลิงกำลังตรวจ ลู่หยวนก็ลืมตาขึ้นเองอย่างฉับพลัน
เพียงแค่เห็นแววตาเช่นนี้ หยวนชิงหลิงก็หัวเราะขึ้นมาแล้ว โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง เพราะว่าสายตาเช่นนั้น มีจุดสนใจ กำหนดอยู่บนใบหน้าของนาง
และแววตาก็มีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ดูเหมือนงุนงง นางยื่นมือไปเคลื่อนไหวด้านหน้าของเขา ก็เห็นว่าดวงตาของเขากำลังเคลื่อนไหวช้าๆ
“เป็นอย่างไรบ้าง? ฟื้นแล้วใช่หรือไม่?” อ๋องฉีเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น
หยวนชิงหลิงหันกลับไปมองบรรดาผู้คน เผยรอยยิ้มออกมาจากนัยน์ตา “ไม่ผิด เป็นเค้าลางของการฟื้น”
“จริงหรือ?” ฮูหญิงลู่ปิดปากไว้ เสียงสะอื้นพรั่งพรูออกมาจากรอยของนิ้วมือ น้ำตาก็ไหลออกมาในพริบตาแล้ว
“พวกท่านออกไปให้หมดก่อน อย่าล้อมไว้ด้วยผู้คนมากมายเช่นนี้ ข้าทำการตรวจให้เขาเล็กน้อยอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นอย่างสมบูรณ์หรือไม่ นี่ก็เป็นการพัฒนาอย่างมาก” หยวนชิงหลิงกล่าว
“ดี ดี!” ใต้เท้าลู่รีบไล่คนไปด้านนอก “ออกไปให้หมดก่อน ออกไป อย่าขวางอยู่ที่นี่”
เหมือนกับว่าอ๋องฉีเพิ่งจะตระหนักถึงฐานะของตัวเองได้ คนที่ไม่ควรตื่นเต้นที่สุด เขาตามทุกคนออกไปพร้อมกันแล้ว
ออกไปถึงในลาน จึงเห็นหยวนหย่งอี้วิ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ว นางวิ่งด้วยความร้อนใจมาก ใบหน้ากลมๆแดงระเรื่อ หน้าผากผุดเหงื่อละเอียดออกมา ดวงตาที่ตื่นเต้นมองไปด้านใน เอ่ยถามด้วยความรีบร้อน: “ฟื้นแล้วใช่หรือไม่?”
นางหยุดอยู่ตรงหน้าอ๋องฉี ในดวงตาดำเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นและเฝ้ารอ
อ๋องฉีอยากเอื้อมมือไปเช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้นางด้วยจิตใต้สำนึก หลังจากยื่นมือออกไปแล้ว จึงจำความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนี้ได้ เก็บกลับมาอย่างเก้ๆกังๆ กล่าวเบาๆ: “ยังไม่รู้ ตอนนี้ท่านพี่สะใภ้ห้ากำลังตรวจ”
หยวนหย่งอี้หายใจออกเบาๆ ยื่นมือไปกุมตรงหัวใจ ดวงตามองไปทางประตูใหญ่ที่ปิดอยู่บานนั้น
ฮูหญิงลู่เอื้อมมือดึงนางเข้าไป สี่มือจับประสานกัน ดวงตาเปียกชื้น
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม ประตูเปิดออกแล้ว หยวนชิงหลิงหิ้วกล่องยาเดินออกมาจากด้านใน ทุกคนล้วนมุงเข้าไปอย่างรวดเร็ว “เป็นอย่างไร?”
หยวนชิงหลิงมองดูทุกคน หัวเราะเบาๆแล้วกล่าว: “ฟื้นแล้ว แต่ร่างกายของเขายังอ่อนแอมาก ยังไม่สามารถพูดจาได้ ทุกคนพยายามอย่าเข้าไปเป็นฝูงผึ้ง เข้าไปทีละสองคน ให้เขาค่อยๆทำความรู้จักทุกคนสักหน่อย”
“ทำความรู้จัก? เขา……เขาไม่รู้จักพวกเราแล้วหรือ?” เมื่อใต้เท้าลู่ได้ยิน ตกใจจนสีหน้าซีดขาวแล้ว