บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 825 ความสัมพันธ์ของเป่ยถังและเซียนเปย
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 825 ความสัมพันธ์ของเป่ยถังและเซียนเปย
หลังจากนั้นฮูหยินใหญ่ของตระกูลหยวนครุ่นคิดอย่างละเอียด กล่าวว่า: “หากเจ้ายืนกรานจะบอกว่ามีหนุ่มน้อยผู้หนึ่งชอบเจ้าเป็นพิเศษ ข้าคิดไม่ออกจริงๆ แต่ว่า ตอนนั้นเจ้าแอบวิ่งออกไปตกลงไปในแม่น้ำ กลับมีหนุ่มน้อยผู้หนึ่งช่วยเจ้าขึ้นมา นับว่าเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของเจ้า หลังจากนั้นท่านลุงของเจ้าก็รับหนุ่มน้อยผู้นั้นมาอยู่ในจวนสองสามวัน ขณะที่จากไปได้มอบเงินและเสื้อผ้าบางส่วนให้ ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณที่เขาช่วยเจ้า”
“หนุ่มน้อยผู้นั้นอายุเท่าไหร่? ชื่ออะไร?” หยวนชิงหลิงถามด้วยความรีบร้อน
“ชื่ออะไรก็จำไม่ได้แล้ว ท่าทางอายุประมาณสิบห้าสิบหกปี เป็นเด็กที่น่าสงสาร ท่านพ่อเสียชีวิตเร็ว ท่านแม่เป็นหญิงหม้ายเลี้ยงดูเขา การใช้ชีวิตผ่านไปอย่างลำบากมาก” ฮูหยินใหญ่พยายามใช้สมองครุ่นคิดก็ไม่สามารถนึกข้อมูลออกมาได้มากกว่านี้แล้ว มองนางด้วยความจนปัญญาเล็กน้อย “เจ้าถามสิ่งเหล่านี้ทำอะไร? สำคัญหรือ?”
หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างจริงจัง: “ค่อนข้างสำคัญ ท่านย่าส่งจดหมายไปที่เมืองตวนโจวฉบับหนึ่ง ถามทางบ้านของท่านลุง ให้สืบถามชื่อของหนุ่มน้อยผู้นี้ ประวัติ อย่างไรเสีย ที่เกี่ยวข้องกับหนุ่มน้อยผู้นี้ ข้าต้องการรู้ทั้งหมด”
ฮูหยินใหญ่เห็นนางร้อนใจเช่นนี้ จึงกล่าว: “ได้ พรุ่งนี้จะบอกให้คนส่งจดหมายไป เมืองตวนโจวไม่ไกล บอกให้คนรีบขี่ม้าไป ไม่กี่วันก็สามารถไปกลับได้ เจ้ารอก่อนก็ได้แล้ว”
หยวนชิงหลิงกล่าว: “ดี ขอบคุณท่านย่า”
กลับถึงจวน นางเอาเรื่องนี้บอกกับหยู่เหวินเห้า
หยู่เหวินเห้าฟังจบ กล่าว: “เจ้าพูดเช่นนี้ ก็เป็นไปได้จริงๆ จากการตรวจสอบหงเย่ของพวกเรา พบว่าตอนเด็กๆเขาเคยใช้ชีวิตอยู่ที่เป่ยถังมาก่อน เป็นไปได้ว่าท่านแม่ของเขาเป็นคนเป่ยถัง และมีความเป็นไปได้ว่าเป็นคนเซียนเปยที่เข้ามาตั้งรกรากที่เป่ยถัง ปีนั้นขณะที่หงเย่ถูกรับกลับไป แม่ของเขาก็ถูกสังหารตายแล้ว”
“ถูกใครสังหาร?” หยวนชิงหลิงกล่าวถาม
“เสี้ยวหงเฉิงตรวจสอบแล้วบอกว่ามีความเป็นไปได้ถูกท่านพ่อของท่านชายหงเย่และก็คือแม่ทัพหงเล่ส่งคนไปสังหาร”
หยวนชิงหลิงมองดูเขาด้วยความตกใจ “ท่านจะบอกว่า ท่านพ่อของท่านชายหงเย่สังหารท่านแม่ของเขา?”
“ไม่แน่ใจ แต่มีความเป็นไปได้มาก”
“เช่นนั้นเขาถูกรับไปตอนอายุเท่าไหร่?”
“ไม่สามารถตรวจสอบความจริงได้ คนของสำนักเหมยแดงตรวจสอบแล้ว พบว่าตอนนั้นผู้คนที่อาศัยอยู่ติดกันกับพวกเขาล้วนตายแล้ว และเป็นไปได้ว่าถูกหงเล่ฆ่าปิดปาก”
หยวนชิงหลิงได้ฟังก็ตกตะลึง “โอ้พระเจ้า หากว่าเป็นความจริง แม่ทัพหงเล่ผู้นี้จะเป็นคนที่โหดเหี้ยมเพียงไรกัน?”
หยู่เหวินเห้าหัวเราะอย่างเย็นยะเยือกทีหนึ่ง “โหดเหี้ยมสองคำนี้เปรียบเปรยเขา ชั่งเบาเกินไปมากจริงๆ เขาเป็นใหญ่เพียงผู้เดียวในเซียนเปย ฝ่ายเดียวกันก็เข้าข้างเห็นต่างก็โจมตี ถือเอกสิทธิ์ควบคุมระบอบบ้านเมือง แม้แต่ฮ่องเต้ของเซียนเปยก็เป็นเพียงหุ่นเชิดของเขา ไม่กี่ปีมานี้เซียนเปยมีผู้ซื่อสัตย์ภักดีออกมาไม่กี่คน แต่สุดท้ายล้วนถูกเขาสังหารอย่างโหดเหี้ยม ยังจะตัดหัวเก้าชั่วโคตรอีก ตอนนี้ในเซียนเปยตำแหน่งของเขาอยู่เหนือข้อพิพาททั้งปวง เพราะใช้เลือดและศีรษะปูขึ้นไป”
“น่ากลัวเพียงนี้เชียว!” หยวนชิงหลิงกล่าวพึมพำ ไม่มีทางจะจินตนาการได้ว่าคนผู้หนึ่งจะโหดเหี้ยมอำมหิตได้ถึงเพียงนี้จริงๆ คนผู้นี้ยังเป็นผู้กุมอำนาจอีก ราษฎรของเซียนเปยยังจะใช้ชีวิตอยู่อย่างดีๆอีกหรือ?
“จุดที่น่ากลัวไม่ได้อยู่ที่เขาผู้เดียว แต่เป็นทั้งตระกูล วงศ์ตระกูลของหงเล่ล้วนเป็นตระกูลที่มีความมักใหญ่ใฝ่สูงทะเยอทะยานประเภทนี้ทั้งหมด วิธีการโหดเหี้ยมทารุณเป็นที่สุด ไม่กี่ปีมานี้หงเล่คุกคามแคว้นต้าโจวอย่างหนักทีละก้าวๆ ดูท่าทางแล้วคือต้องการจะตีแคว้นต้าโจวก่อน แต่ข้าสงสัยว่าเป้าหมายแรกของเขาจะเป็นเป่ยถัง”
“แต่สองสามปีมานี้เซียนเปยและเป่ยถังก็ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กัน แม้ว่าจะมีคนสอดแนมสอดแทรกเข้ามา ก็เป็นเพียงเรื่องปีสองปีนี้ กลับกันเพราะขณะที่แม่ทัพใหญ่จิ้งถิงมา เคยบอกว่าคนสอดแนมที่หงเล่จัดวางไว้ในแคว้นต้าโจว มีมาหลายปีแล้ว หลังจากนั้นมอบให้ท่านชายหงเย่ไปจัดการ ทำไมท่านถึงได้คิดว่าเป้าหมายแรกของพวกเขาเป็นเป่ยถังล่ะ?”
ดวงตาของหยู่เหวินเห้าเคร่งขรึม “มีบางเรื่อง เกรงว่าเจ้าจะไม่รู้”
“เรื่องอะไร?” หยวนชิงหลิงฟังจนเหงื่อออกในอุ้มมือ เรื่องในนี้ซับซ้อนยากจะคาดเดา เหนือจินตนาการของนางจริงๆ
หยู่เหวินเห้ากล่าว: “บนตัวฮ่องเต้เหวินฮ่องเต้ที่บุกเบิกราชวงศ์เป่ยถังของข้ามีสายเลือดของคนเซียนเปยครึ่งหนึ่งอยู่บนตัว เขาเป็นบุตรในหลานของฮ่องเต้ราชวงศ์ก่อนแห่งเซียนเปยและผู้หญิงของประเทศลู่ หลังจากนั้นเซียนเปยเกิดการสงครามภายใน สังหารท่านพ่อของฮ่องเต้เหวิน ฮ่องเต้เหวินจึงได้ติดตามท่านแม่กลับมาที่ประเทศลู่ ไหนจะรู้ว่าฮ่องเต้ของประเทศลู่ชั่วช้าทารุณ ทำให้ราษฎรมีชีวิตอยู่ไม่ได้ ประชาชนหักคันธงลุกขึ้นสู้ ฮ่องเต้เหวินของข้าก็เข้าร่วมการปฏิวัติในกองทัพใหญ่ สุดท้ายได้สถาปนาแผ่นดินเป่ยถังนี้ และคนที่สังหารท่านพ่อของฮ่องเต้เหวินปีนั้น ก็คือตระกูลหงเล่ คนของตระกูลหงเล่คิดมาตลอดว่า เป่ยถังของพวกเราจะล้างแค้นให้ท่านพ่อของฮ่องเต้เหวิน ทำลายล้างเซียนเปย เอาเซียนเปยรับเข้ามาไว้ในอาณาเขตของเป่ยถัง”
หยวนชิงหลิงทำหน้าไม่ถูก นี่ทะเลาะกันตั้งนาน ที่แท้เซียนเปยและเป่ยถังก็มีบรรพบุรุษเดียวกันที่มาเดียวกัน?
แม้ว่าตั้งแต่ฮ่องเต้เหวินมาถึงตอนนี้ สายเลือดจะที่เหลืออยู่จะมีน้อยนิด
“ดังนั้น ตอนนี้ฮ่องเต้ของเซียนเปยก็นามสกุลหยู่เหวิน?”
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า “ไม่ ตระกูลหยู่เหวินถูกทำลายล้างไปนานแล้ว เดิมทีเป็นตระกูลตระกูลหนึ่ง เคยดังกึกก้องช่วงเวลาหนึ่ง ดูแคลนที่ราบลุ่มภาคกลาง ดังนั้นจึงใช้ชื่อเซียนเปยเป็นชื่อของประเทศมาโดยตลอด หลังจากตระกูลต้วนทำลายตระกูลหยู่เหวินแล้ว ยังคงใช้เซียนเปยก่อตั้งประเทศ กุมอำนาจจนถึงปัจจุบัน แต่ประเทศของตระกูลต้วนไม่ช้าไม่เร็วก็เกรงว่าจะต้องเปลี่ยนชื่อเป็นหงเล่แล้ว”
หยวนชิงหลิงตระหนักได้ในทันที “ดังนั้น ฮ่องเต้กับคนของตระกูลหงเล่ล้วนคิดว่าตระกูลหยู่เหวินจะกลับไปล้างแค้น แย่งเซียนเปยกลับคืน? จากที่ท่านพูด อย่างแรกที่พวกเขาต้องการต่อกรอาจจะเป็นเป่ยถังจริงๆ”
“เช่นนั้นหงเย่……” หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้ว “ท่าทีของเขากลับคลุมเครือเป็นที่สุด ดูเหมือนว่าจะซื่อสัตย์ภักดีต่อแม่ทัพหงเล่อย่างแน่นอน แต่ว่า ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนนามสกุล อีกทั้งพฤติกรรมเล็กๆน้อยๆมากมายโดยส่วนตัว ก็ราวกับไม่ถูกกันกับตระกูลหงเล่”
“ตำแหน่งของหงเย่ผู้นี้ในเซียนเปยเป็นอย่างไรบ้าง?” หยวนชิงหลิงกล่าวถาม
“ไม่มีหน้าที่ และไม่มีตำแหน่ง แม้ว่าผู้คนมากมายจะรู้ว่าเขาเป็นลูกนอกสมรสของหงเล่ แต่เขากลับใช้เพียงฐานะของที่ปรึกษาหงเล่อยู่ในเซียนเปย และมักจะเคลื่อนไปแต่ละประเทศ อันที่จริงการแย่งชิงอำนาจผลประโยชน์ของวงศ์ตระกูลหงเล่โหดเหี้ยมเป็นที่สุด หงเย่ไม่มีแม้แต่คุณสมบัติจะแย่งชิง มักจะถูกลูกพี่ลูกน้องเหยียดหยาม การประเมินคนในประเทศเซียนเปยต่อเขาก็ปกติทั่วไป แต่ว่า นอกจากเซียนเปยแล้ว ในหกประเทศที่เหลือก็มีชื่อเสียงเลื่องลือ”
“วิทยายุทธของเขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่รู้ มีคนบอกว่าเขาไม่มีวิทยายุทธ แต่ก็มีคนบอกว่าวิทยายุทธของเขาลึกล้ำมาก โดยสรุป คำร่ำลือเกี่ยวกับเขาในหกประเทศมีมากมาย แต่ก็ไม่ผู้ใดสามารถตรวจสอบความจริงได้”
หยวนชิงหลิงมองเขา ค่อนข้างจนปัญญา “ถ้าหากตระกูลหงเล่ดึงดันจะเป็นศัตรูกับเป่ยถัง กลัวเพียงเป่ยถังในตอนนี้ยังต้านทานได้ยากมากน่ะสิ?
หยู่เหวินเห้ากล่าว: “หากมีเพียงเซียนเปยยังดี กลัวแค่พวกเขาร่วมมือกับเป่ยโม่ แต่ว่า โชคดีที่พวกเราก็เป็นพันธมิตรกับแคว้นต้าโจวแล้ว บวกกับแคว้นต้าโจวได้ศึกษาอาวุธใหม่ ไม่ว่าจากการบุกรุกหรือว่าป้องกัน ล้วนดีกว่าเซียนเปยและเป่ยโม่เป็นอย่างมาก”
เขาพูดจบ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอีก “หากว่าทำสงครามขึ้นมาจริงๆ ไม่แน่ว่าพวกเราจะชนะ กลัวแค่จะใช้แผนชั่วอะไรเท่านั้น หงเย่คนผู้นี้เชี่ยวชาญการใช้อุบาย เขามาเป่ยถังครั้งนี้ ข้ามักจะรู้สึกว่าไม่เพียงแค่เพราะแผนที่ทางการทหารง่ายดายขนาดนี้ ยังต้องมีการวางอุบายอย่างอื่นอีกเป็นแน่”
“ท่านได้ส่งคนไปจับตาดูเขาแล้วใช่ไหม?”
“จับตาดูแล้ว ตอนนี้เขานอกจากจะเคยพบชายาเฟิงอันแล้ว ก็ไม่ได้การเคลื่อนไหวชั่วขณะ ราวกับว่ามาเที่ยวเล่นที่เป่ยถังจริงๆเช่นนั้น”
“ก็ไม่ได้ถือว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อย่างน้อยวันนี้เขามาในจวนของพวกเราแล้ว พูดคำที่เหมือนจะถูกแต่ไม่เป็นความจริง” หยวนชิงหลิงกล่าว
หยู่เหวินเห้ามองดูนาง “หลังจากนี้พยายามอย่าพบเขา แม้ว่าเมื่อก่อนเขาจะเคยรู้จักกับหยวนชิงหลิงผู้นั้น แต่นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้า เจ้าไม่ใช่คนผู้นั้น”
“รับทราบ!” หยวนชิงหลิงพยักหน้า เพียงแค่ในใจกลับรู้สึกตะขิดตะขวง