บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 828 คนบนรายชื่อ
วันนี้ อ๋องชินเฟิงอันสามีภรรยาเข้าวังไปเยี่ยมไท่ซ่างหวง ขณะเดียวกันก็แจ้งไท่ซ่างหวงว่า พวกเขาต้องการออกจากเมืองหลวงแล้ว
กล่าวอีกอย่าง พวกเขาไม่ยุ่งเรื่องนี้
หลังจากออกมาจากในพระราชวัง ก็ไปแจ้งที่จวนอ๋องฉู่รอบหนึ่ง
“ไปเร็วเพียงนี้เชียวหรือเพคะ?” หยวนชิงหลิงอาลัยอาวรณ์มาก ชายาเฟิงอันเป็นคนดีมาก เฝ้าหวังให้นางอยู่ในเมืองหลวงอีกหลายๆวัน
ชายาเฟิงอันกล่าว: “ผ่านไประยะเวลาหนึ่งค่อยกลับมาเถอะ ตอนนี้ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้อยู่ตรงหน้า ไม่เหมาะที่จะอยู่ในเมืองหลวงจริงๆ ข้าก็ไม่ต้องดูวิถีทางของคนไม่ดีที่กระโดดโลดเต้นคอยก่อความวุ่นวายเหล่านั้น”
หยวนชิงหลิงไม่เข้าใจ “คนไม่ดีที่กระโดดโลดเต้นคอยก่อความวุ่นวาย?”
ชายาเฟิงอันแค่หัวเราะอย่างเฉยชาเท่านั้น ไม่พูดจา แต่อ๋องชินเฟิงอันสีหน้ากลัดกลุ้มไม่สบายใจ หยวนชิงหลิงไม่กล้าถามเขา
หลังจากนั้นชายาเฟิงอันกล่าวต่อหยู่เหวินเห้า: “เจ้าจัดการเขาอย่างไรก็ล้วนไม่เกินไป แต่ว่า อย่าสืบสาวคนในครอบครัว พวกเขาทั้งหมดกลับไปซีเจ้อแล้ว ไม่ได้รู้เรื่องราวนี้”
“ท่านวางใจ เรื่องนี้ไม่ถึงกับโดนหางเลข” หยู่เหวินเห้ากล่าว
ชายาเฟิงอันพยักหน้าเล็กน้อย แม้ว่าใบหน้าจะมองอารมณ์ความรู้สึกไม่ออก ในตายังคงมีความเจ็บปวดปรากฏออกมาเล็กน้อย
หลังจากพวกเขาสามีภรรยาจากไปแล้ว หยวนชิงหลิงถามหยู่เหวินเห้า “เกิดอะไรขึ้น?”
หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้วแล้วกล่าว: “มีบางคนในราชสำนัก เอาเรื่องของอ๋องชินเป่ามาวิพากษ์วิจารณ์ บอกว่าอ๋องชินเป่ามีบุคคลเบื้องหลังชี้นำ จุดประสงค์ที่แย่งชิงแผนที่ทางการทหารคือต้องการก่อกบฏยึดราชบัลลังก์ อ๋องชินเป่าเป็นเพียงม้ารับใช้ แผนที่ทางการทหารไม่ได้สูญหาย แต่เพราะถูกบุคคลเบื้องหลังเอาไป”
หยวนชิงหลิงตกตะลึง “ใครกล้าพูดเช่นนี้? นี่ไม่ใช่ว่าสงสัยอ๋องชินเฟิงอันหรือ?”
“ใช่ จากนิสัยของอ๋องชินเฟิงอัน ได้ยินคำพูดเช่นนี้ก็ควรจะระเบิดแล้ว เพราะท่านพระชายาโน้มน้าว จึงไม่ได้เดือดดาล สุดท้ายตัดสินใจจากไป”
หยวนชิงหลิงเข้าใจกระจ่าง “มิน่าล่ะเมื่อครู่บนใบของท่านจึงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ!”
“ดังนั้น เรื่องนี้ก่อให้เกิดเรื่องที่ไม่เป็นความจริงเยอะแยะมากมายเกินไปแล้ว ถ้าหากไม่กำหนดออกมาในเร็ววัน ก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดความวุ่นวายอะไรอีก ต้องมีคนมากน้อยเท่าไหร่เข้ามาพัวพัน”
“แคว้นต้าโจวทางนั้นส่งมอบแผนที่ทางการทหารมาแล้วหรือ?” หยวนชิงหลิงถาม
เขาถอนใจ “ไม่มี แผนที่ทางการทหารนั่นทั้งหมดแบ่งเป็นสองฉบับ หนึ่งในนั้นฉบับหนึ่งส่งมาแล้ว อีกฉบับหนึ่งก็อยู่ในมืออ๋องสำเร็จราชการแทนพระองค์ของแคว้นต้าโจว และอ๋องสำเร็จราชการแทนพระองค์ก็ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง นี่คือข่าวสารล่าสุดของทูตที่ส่งไปแคว้นต้าโจวส่งมา”
มิน่าเขาถึงได้ขัดแย้งและสับสนเพียงนี้!
การปรึกษาหารือในพระราชวังวันรุ่งขึ้น หลังจากฮ่องเต้หมิงหยวนได้ปรึกษาหารือกับเน่ย์เก๋อแล้ว ได้ฟังบางคำพูดที่ทำให้ไม่สบายใจ จากนั้นจึงได้เรียกหยู่เหวินเห้าเข้าวัง แสดงอาการโมโหพักหนึ่ง ให้เขารีบหาเบาะแสของแผนที่ทางการทหาร
หลังจากหยู่เหวินเห้ากลับกรมการพระนครแล้ว ก็พาอ๋องฉีไปไต่สวนอ๋องชินเป่าเป็นการส่วนตัวอีก
“ข้าเปิดดูคำให้การทั้งหมดที่ท่านให้มาแล้ว พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ท่านบอกว่าต้องการทำการแลกเปลี่ยนแผนที่ทางการทหารกับเป่ยโม่ตระกูลฉิน แต่ว่า ขณะที่ยังไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนแผนที่ทางการทหารก็สูญหายแล้ว แต่แรกเริ่มท่านก็เคยบอกว่า เป็นคนของเป่ยโม่ตระกูลฉินขโมยแผนที่ทางการทหารไป ในเมื่อยังไม่เคยมีการแลกเปลี่ยน ทำไมท่านถึงตัดสินว่าเป็นตระกูลฉิน?”
กักขังแล้วหลายวัน อ๋องชินเป่าไม่มีความสง่าอย่างเมื่อก่อนนานแล้ว ทั้งคนดูเหมือนจะแก่ชราขึ้นมา แม้ว่ามือและเท้าจะไม่ได้ใส่โซ่เหล็ก แต่ถูกขังไว้ตรงสถานที่ที่แสงไม่เพียงพอมาโดยตลอด เขาก็ไม่ได้ลุกมาเคลื่อนไหว ฉะนั้นแม้ว่านั่งอยู่ในนั้นก็รู้สึกว่าทั้งคนหง่อมไปมาก
แสงสลัวๆสาดส่องบนใบหน้าซีดขาวของเขา หนังตาไร้ชีวิตชีวายกขึ้นเล็กน้อย ยิ้มเจื่อนๆแล้วกล่าว: “ตอนนั้น ข้าก็คิดไม่ถึงว่าจะมีหนอนบ่อนไส้ แล้วข้าก็ไม่เคยเปิดเผยตัวตน นอกจากเป่ยโม่ตระกูลฉินยังจะมีใครอีก?”
“ท่านไม่เหมือนคนที่ไม่ได้ระมัดระวังเช่นนี้จริงๆ” หยู่เหวินเห้าจับจ้องเขาแล้วกล่าว แผนการนี้เรื่องราวเชื่อมต่อกันอย่างแยบยล รอบคอบจนไม่มีรอยรั่วไหล ปราดเปรื่องเช่นนั้นแต่กลับควบคุมในจุดที่มั่นใจได้ไม่ดีจนเกิดปัญหา? ความเป็นไปได้นี้ชั่งต่ำเกินไปแล้ว
เขาหัวเราะอย่างขมขื่นต่อ “ไม่ได้ทำเรื่องเลวจนเคยชิน ด้วยเหตุนี้ รู้จักเพียงออกแผนการจัดวางกำลัง และรู้ว่าจะต้องป้องกันพวกเจ้า แต่ไม่รู้ว่าต้องป้องกันคนข้างกาย พูดถึงท้ายที่สุดก็คือไม่มีประสบการณ์”
“ท่านได้สงสัยผู้ใดหรือไม่? อย่างไรเสียคนที่สามารถเข้าใกล้ห้องลับของท่านได้น่าจะไม่มาก” หยู่เหวินเห้ากล่าว
“คนที่สามารถเข้าใกล้ห้องลับของข้าได้ไม่มาก แต่คนข้างกายของข้าซับซ้อนมาก คนมากมายที่มาที่ไปไม่ไม่ถูกต้อง ในปีสองปีนี้ ข้ารีบร้อนต้องการกำลังคน ดังนั้นจึงไม่ได้ตรวจสอบแต่ละคนอย่างละเอียด นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมข้าจึงต้องลงมือขโมยแผนที่ทางการทหารด้วยตนเอง เวลาสำคัญ ข้าไม่ไว้ใจพวกเขา ดังนั้น เจ้าถามข้าอย่างกะทันหันว่าข้ามีคนที่สงสัยอยู่หรือไม่ มี ทั้งหมดล้วนน่าสงสัย เพราะแม้ว่าคนมากมายไม่สามารถเข้าใกล้ห้องลับของข้าได้อย่างเปิดเผย แต่โดยส่วนตัวแล้วกลับสามารถทำได้”
อ๋องฉีอยู่ด้านข้างได้ฟังคำพูดนี้ โมโหในพริบตา “ทุกคนล้วนน่าสงสัย นี่ท่านไม่ได้พูดเพ้อเจ้อหรือ? หลอกลวงพวกเราน่ะสิ?”
อ๋องชินเป่ากวาดตามองอ๋องฉีเบาๆแวบหนึ่ง เย็นชาลงมา “ถ้าหากเจ้าคิดว่าที่ข้าพูดเป็นคำเพ้อเจ้อ ก็ไม่ต้องถาม รีบตัดสินก็ได้ ตอนนี้สำหรับข้าแล้ว ตายไปยังดีซะกว่าที่จะมีชีวิตอยู่ เมื่อข้าไม่มีห่วง และจะปิดบังทำไม?”
ในตาของหยู่เหวินเห้ายากที่จะซ่อนความเหนื่อยล้าและความโกรธ “ท่านก็นามสกุลหยู่เหวิน ทำความผิดถึงขั้นการก่อกบฏเช่นนี้ ไม่รู้สึกละอายหรือ? คำพูดที่ภายนอกดูดีก็ไม่พูดแล้ว หวังว่าท่านจะสามารถร่วมมือสักหน่อย คิดให้ดีๆ ให้รายชื่อที่น่าสงสัยกับข้าสองสามรายชื่อ หากสามารถหาแผนที่ทางการทหารกลับมาได้ ก็นับว่าท่านได้ทำความดีความชอบชดเชยความผิด แม้ว่าได้รับโทษประหาร ก็ไม่ถึงขั้นที่จะไม่มีหน้าไปพบบรรพบุรุษ”
อ๋องชินเป่าได้ยินคำพูดนี้ ท่าทางที่เย็นชาและหยิ่งยโสก็ค่อยๆอ่อนลง ก้มศีรษะลง “ให้เวลาข้าคืนหนึ่ง ข้าเรียบเรียงดีๆสักหน่อย”
“ได้!” หยู่เหวินเห้ายืนขึ้น กล่าวต่ออ๋องฉี: “พวกเราออกไปเถอะ”
อ๋องฉีโกรธเคืองเป็นอย่างมาก จ้องมองเขาอย่างดุดันแวบหนึ่ง ติดตามหยู่เหวินเห้าออกไป
ถึงด้านนอก ความโกรธของอ๋องฉียังไม่สลายไป “เขายังวางท่าทางสูงส่งของผู้อาวุโสออกมา มีชีวิตอยู่เหมือนพวกเราไปขอร้องเขาเช่นนั้น ที่น่าแค้นคือเอาเข้าเครื่องทรมานไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะตีเขาสักรอบ ดูว่าเขาจะปากแข็งถึงเมื่อไหร่”
“ไม่ใช่เขาปากแข็ง โดยประมาณแล้วเขาก็ไม่มีต้นสายปลายเหตุ”
“ท่านพี่ห้า ท่านเชื่อเขา?” อ๋องฉีเยาะเย้ยเสียงหนึ่ง “ข้าไม่เชื่อเขาหรอก เขาต้องรู้อะไรบ้างแล้วไม่ยอมบอกพวกเราแน่ ข้ามองดูสายตาเขาก็หลบเลี่ยง ไม่รู้ว่ากำลังปกป้องใคร”
หยู่เหวินเห้าไม่ได้คิดเช่นนี้ ถึงช่วงจังหวะสำคัญนี้ เขาปิดบังก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ กลับกันหากมีผู้สมรู้ร่วมคิด สารภาพออกมา อย่างน้อยก็ดีต่อคนในครอบครัวของเขา
หนึ่งวันต่อมา อ๋องชินเป่าให้รายชื่อฉบับหนึ่งดังคาด แจ้งให้หยู่เหวินเห้ารู้ “เหล่านี้ล้วนเป็นคนใกล้ตัวข้า ข้าค่อนข้างพึ่งพาอาศัยและไว้วางใจก็คือไม่กี่คนนี้ ในนี้มีสองคนไม่จะไม่ทรยศข้า พวกเขาติดตามข้าหลายปี ที่เหลือห้าคนนั้น เพราะวิทยายุทธสูงและแข็งแกร่ง แผนการล้ำเลิศ ดังนั้นข้าจึงค่อนข้างพึ่งพาอาศัยเขา”
หยู่เหวินเห้าเอารายชื่อให้เสี้ยวหงเฉิง นอกจากคนในจวนแต่เดิมสองคนนั้นแล้ว ที่เหลือล้วนบอกให้นางไปสืบ อย่างไรเสียส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนในยุทธจักร เสี้ยวหงเฉิงตรวจสอบขึ้นมาค่อนข้างเหมาะสม
เสี้ยวหงเฉิงรับรายชื่อมาดูแวบหนึ่ง ตะลึงงันในพริบตา “โอ้พระเจ้า ในจวนอ๋องชินเป่านี่ล้วนเป็นคนมีฝีมือความสามารถมากหน้าหลายตาจริงๆ”
“ทำไม? ล้วนเป็นผู้ที่มีฝีมือสูงส่งหรือ?” หยู่เหวินเห้าเอ่ยถาม
เสี้ยวหงเฉิงรู้สึกทึ่ง “ไม่ใช่แค่ผู้ที่มีฝีมือสูงส่งเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นยังมีตระกูลที่มีชื่อเสียงในวงการยุทธจักรอยู่เบื้องหลัง ท่านดูเฉินต้าถงผู้นี้ เฉินต้าถงท่านอาจจะไม่รู้จัก แต่ว่าพ่อของเขาท่านรู้จักแน่ ก็คือเจ้าสำนักของสำนักกำปั้นเหล็กที่มีชื่อเสียงในวงการยุทธจักรเฉินซู่ ปีนั้นเขาเป็นถึงผู้ที่มีฝีมือสูงส่งอยู่ลำดับที่สิบในวงการยุทธจักร ทั้งยังเป็นเจ้าสำนักอีกด้วย เป็นตระกูลที่ทรัพย์สินมากมายอย่างแท้จริง ความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องให้ลูกชายออกมาขายชีวิตน่ะสิ?”
“หากว่าไม่ใช่เพื่อเงินล่ะ?” หยู่เหวินเห้าเอ่ยถาม
“เช่นนั้นหากต้องการเปลี่ยนเจ้านายที่พึ่ง ก็ไม่ควรไปขอพึ่งเขา” เสี้ยวหงเฉิงส่ายหน้า “ไม่สมเหตุสมผล ยังมีไม่กี่คนนี่อีก ล้วนเป็นคนเก่งแห่งวงการยุทธจักร ทีแรกข้ารู้ว่าในจวนอ๋องชินเป่าล้วนเป็นกลุ่มอิทธิพลมืดหรือคนที่ขายชีวิต คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนของสำนักที่มีชื่อเสียงมากมายขนาดนี้ รัชทายาท เรื่องนี้ไม่ธรรมดาเป็นแน่เพคะ ข้ามั่นใจได้ พวกเขาไม่ได้ซื่อสัตย์ต่ออ๋องชินเป่าแน่นอน”