บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 831 ถูกวางยา
จวนอ๋องอัน
หลังจากกินอาหารค่ำแล้วอ๋องอันก็รู้สึกไม่สบายตัวเลยสักนิด ประเดี๋ยวรู้สึกหนาว ประเดี๋ยวรู้สึกร้อน ประเดี๋ยวสีหน้าก็แดงก่ำไปหมด แดงเถือกไปจนถึงหลังใบหู
พระชายาอันมองเขาที่ดูจะนั่งไม่เป็นสุข ถามขึ้นว่า “ทำไมหรือ ไม่สบายหรือไม่”
“ไม่ใช่ไม่สบาย รู้สึกเหมือนจะมีเรื่องนิดหน่อย”อ๋องอันลุกขึ้นยืน เดินวนเวียนไปมาในห้องหนึ่งรอบ เห็นสีหน้าของพระชายาอันเหมือนถูกทำให้ตกใจ ก็รีบพูดว่า “ไม่ใช่ข้า เป็นเรื่องราชการ คงจะเกิดข้อผิดพลาดเล็กน้อยจากความประมาท”
“อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นท่านจะไปตามสะสางหรือไม่”พระชายาอันถามอย่างเอาใจใส่
อ๋องอันครุ่นคิด “พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
เพียงแต่ นั่งลงก็รู้สึกไม่สบายใจ จึงลุกขึ้นยืนอีกครั้ง “ข้าออกไปสักหน่อยดีกว่า”
“ได้ รีบไปรีบกลับ”พระชายาอันลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมให้เขา คลุมให้เขาด้วยตนเอง “ข้างนอกอากาศหนาวแล้ว ใส่หนาหน่อยประเดี๋ยวจะไม่สบาย”
มองดูแววตาที่อ่อนโยนของพระชายาอัน หัวใจของเขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา หอมไปที่หน้าผากของนางหนึ่งที “ข้าคงจะไม่ได้กลับมาเร็วนัก เจ้าพักผ่อนเร็วหน่อย ไม่ต้องรอข้า”
“ได้ รู้แล้ว”พระชายาอันสีหน้าแดงระเรื่อ ใช้สายตาส่งเขาที่หมุนตัวเดินออกจากประตูไป
เพิ่งจะออกไป ในลานบ้านก็มีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน กดเสียงลงต่ำและพูดว่า “ท่านอ๋อง รัชทายาทกำลังเดินทางมาที่จวนอ๋องอัน ”
แววตาของอ๋องอันนิ่งขรึม “พาคนมาด้วยหรือไม่”
“พาแค่สวีอีมา”
อ๋องอันหันหน้ากลับไปมองที่ประตูลานบ้านแวบหนึ่ง เดินอย่างรวดเร็วออกไปด้านนอก “อย่าเอะอะไป เชิญรัชทายาทไปที่เรือนด้านข้าง บอกว่าข้ากำลังอาบน้ำ ให้เขารอสักครู่”
เขากดเสียงลงต่ำ “จากนั้นก็ไปเตรียมม้าเร็วให้ข้าหนึ่งตัว ข้าจะออกจากเมืองหลวงคืนนี้”
“ท่านอ๋อง ไปจากเมืองหลวงตอนนี้ไม่เหมาะ”
“จำเป็นต้องไป หลบสถานการณ์เลวร้ายไปก่อน หยู่เหวินเห้าไม่มีหลักฐาน ก็แค่สงสัยเท่านั้น จะเก็บอ๋องชินเป่าไว้นานไม่ได้ รอให้ประหารเขาแล้วข้าค่อยกลับมา หลังจากข้าไปแล้ว เจ้าให้คนรายงานพระชายา บอกว่าข้าออกไปทำงานนอกเมือง”
“พ่ะย่ะค่ะ ”องครักษ์รับคำสั่ง “ข้าน้อยจะสั่งให้คนตามท่านไปด้วย”
“เดี๋ยวนี้ ”อ๋องอันจัดคอเสื้อคลุมให้ตั้งขึ้น รีบเดินออกไปจากประตูหลัง
หลังจากที่หยู่เหวินเห้าพูดคุยกับอ๋องชินเป่าแล้ว ก็พาสวีอีตรงมายังจวนอ๋องอัน
เขาสามารถทำการตรวจสอบอย่างช้าๆ แต่เหมือนที่อ๋องชินเป่าพูด คงตรวจสอบอะไรไม่ได้ชั่วคราว นอกเสียจากลู่หยวนจะตื่นขึ้นมา เปรียบเทียบกับคำให้การของเขา เช่นนั้นก็จะไม่ยอมรับก็ไม่ได้แล้ว
แต่ว่า ไม่รู้ว่าลู่หยวนจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ ทางด้านเสี้ยวหงเฉิงจะจับตาดูและจับคนก็ไม่ใช่เรื่องที่ใช้เวลาสั้นๆ เขาไม่สามารถรอต่อไปได้แล้ว จำเป็นต้องหาความคืบหน้าจากทางด้านพี่สี่ให้ได้ ตามหาแผนที่ทางการทหารคืนมา
แม้จะต้องฉีกหน้าของพี่สี่ออกมา ก็ไม่สามารถให้เขาหลอกลวงได้อีก แต่ว่า ยังไม่จำเป็นต้องฉีกหน้าในตอนนี้ เพราะว่ามีหลักฐานไม่เพียงพอ ถ้าหากฉีกหน้าในตอนคับขันเช่นนี้จะกลับกลายเป็นเรื่องไม่ง่าย สามารถล่อให้ออกมานั้นดีที่สุด
เข้าไปในจวนอ๋องอัน ผู้ดูแลบ้านเห็นเขาเข้ามา ก็พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ทำไมพระองค์ทรงมาดึกเช่นนี้ หลังจากท่านอ๋องกินอาหารค่ำแล้ว ก็ไปอาบน้ำ ท่านไปรอที่เรือนด้านข้างสักครู่ ประเดี๋ยวท่านอ๋องก็มา ”
หยู่เหวินเห้าลูบที่ท้อง “มีของกินหรือไม่ ข้าหิวแล้ว”เมื่อครู่ได้เตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ได้กินสักคำ ดื่มเหล้าไปไม่กี่แก้วก็ถูกอ๋องชินเป่าคว่ำโต๊ะเสียแล้ว คิดถึงเนื้อเหล่านั้นแล้วก็รู้สึกปวดใจ
สวีอีเดินเข้าไปเสนอหน้า เผยให้เห็นฟันขาวสองแถวแต่มีฝันน้อยไปหนึ่งซี่ “ข้าน้อยก็หิวแล้วเช่นกัน”
ผู้ดูแลบ้านทำเสียงประหลาดใจ “พระองค์ยังไม่ได้กินข้าวหรือ ทำอย่างไรดี คงจะหิวแย่แล้ว รีบเข้าไปนั่งก่อน ข้าน้อยจะสั่งให้คนไปทำมาให้ท่าน”
“ไม่ต้องยุ่งยากมาก ทำง่ายๆก็พอ รองท้องสักหน่อย ที่จวนยังเตรียมมื้อดึกเอาไว้”หยู่เหวินเห้าพูดสั่งการผู้ดูแลบ้าน
“ได้พ่ะย่ะค่ะ ทั้งสองท่านโปรดรอก่อน ไม่ช้าก็มาแล้ว”หลังจากที่ผู้ดูแลบ้านพาทั้งสองคนเดินเข้าไปข้างใน ก็ให้คนคอยดูแลเรื่องน้ำชา แล้วก็ไปสั่งการที่ห้องครัว
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป อ๋องอันยังมาไม่ถึง แต่บะหมี่แผ่นที่มีน้ำซุปร้อนๆไอพวยพุ่งได้มาถึงแล้ว มาพร้อมกับผักดองเค็มผัดเนื้อรมควันอีกสองจาน
หยู่เหวินเห้าหิวจนท้องกิ่ว ไม่สนใจภาพลักษณ์อะไรแล้ว กับสวีอีราวกับพายุหอบปุยเมฆอาหารสลายหายไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วครู่ บะหมี่สองชามนี้ก็เห็นก้นถ้วย แม้แต่ผักดองเค็มสองจานนั้นยังถูกกินจนเกลี้ยง
กินผักดองเค็มไปแล้ว ผู้ดูแลบ้านก็ยกน้ำชามาให้ หยู่เหวินเห้าดื่มไปครึ่งแก้ว ค่อยรู้สึกว่าตนเองรู้สึกสบายขึ้นมาก หันหน้าไปมองที่ประตู “ทำไมท่านอ๋องของพวกเจ้าจึงได้ช้านัก……”
“ตึง”เสียงหนึ่งดังขึ้น ทันใดนั้นสวีอีที่ยืนอยู่ข้างหยู่เหวินเห้าล้มลงไปที่พื้น เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ร่างสีดำขนาดใหญ่ล้มลงไปแล้ว ทำเอาหยู่เหวินเห้าตกใจจนสะดุ้งโหยง
“สวีอี”หยู่เหวินเห้าลุกขึ้นมา ทันใดนั้นก็รู้สึกตรงหน้าเป็นสีดำ เวียนหัวตาลาย เขาตกใจ ใช้มือคว้าคอของผู้ดูแลบ้านเอาไว้ โมโหจนกัดฟันกรอด “บังอาจยิ่งนัก ถึงกับกล้าวางยาข้า……”
น่าเกรงขามได้ไม่ถึงสามวินาที เขาก็อ่อนยวบลงไปกองกับพื้น
ผู้ดูแลบ้านถอยหลังไป เรียกให้คนเอาเหล้ามากรอกให้ทั้งสองคน และยังสาดบางส่วนไว้บนเสื้อผ้า สั่งการอย่างนิ่งขรึมว่า “ส่งรัชทายาทกลับไป บอกว่าพวกเขาดื่มกันจนเมาที่จวนอ๋องอัน”
องครักษ์พูดว่า “พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมา รัชทายาทคงจะอาละวาดแน่”
“ไม่เป็นไร มีพระชายาพิทักษ์อยู่ในจวน รัชทายาทไม่กล้าอาละวาด มากที่สุดก็แค่ระบายอารมณ์สักหน่อย ไม่ว่าอย่างไรก็หาท่านอ๋องไม่พบ เขาจะอาละวาดก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้ก็ไร้หลักฐานที่จะฟ้องร้องต่อฮ่องเต้ เขาไม่มีทางจัดการเรื่องนี้ได้”ผู้ดูแลบ้านพูด
“ก็ใช่ ”องครักษ์ให้คนเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว ก็รีบยกทั้งสองคนออกไป ขึ้นรถม้าแล้วก็ขับรถม้าไปส่งที่จวนอ๋องฉู่ด้วยตนเอง
เมื่อส่งคนกลับไปถึงจวนอ๋องฉู่ ได้มอบหมายให้กับคนเฝ้าประตูชั่วครู่ องครักษ์ก็จากไป
คนเฝ้าประตูเห็นท่านอ๋องของตนดื่มจนเมา รีบเรียกให้คนมาช่วยประคอง ไหนเลยจะรู้ว่าแม้แต่ยืนก็ยืนไม่ได้ ได้แต่ยกเข้าไป ทังหยางเห็นดังนั้น ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ทำไมจึงดื่มจนเมาขนาดนี้ เป็นรถม้าของบ้านไหนที่ส่งกลับมา”
“เรียนใต้เท้าทัง เป็นรถม้าของจวนอ๋องอัน ”คนเฝ้าประตูพูด
ทังหยางรู้สึกประหลาดใจมาก “พระองค์ไปดีกับอ๋องอันจนสามารถดื่มเหล้าด้วยกันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ยังดื่มจนเมาขนาดนั้น”
“ไม่ทราบ คนคนนั้นส่งรัชทายาทกลับมา บอกกับคนเฝ้าประตูแล้วก็จากไป ใช่แล้ว เขายังบอกว่าท่านอ๋องอันเมาหนักยิ่งกว่า”คนเฝ้าประตูพูด
ทังหยางยิ่งรู้สึกประหลาดใจ “แม้ว่าอ๋องอันจะดื่มจนเมามายกับองค์รัชทายาท แล้วสวีอีไปร่วมกับเขาได้อย่างไร”
เขาเดินเข้าไปใกล้สวีอีและสูดดมครู่หนึ่ง กลิ่นเหล้าสายหนึ่งพุ่งเข้ามา เขายื่นมือปิดจมูกเอาไว้ “กลิ่นเหล้ารุนแรงมาก นี่ดื่มไปเท่าไหร่กัน สวีอีดื่มได้ในระดับธรรมดา แต่องค์รัชทายาทคอแข็งไม่เบา เฮ้อ ส่งกลับไปก่อน ให้คนเตรียมน้ำแกงสร่างเหล้า”
“ขอรับ”
คนขบวนหนึ่งยกทั้งสองคนเข้าไปด้านใน สวีอีถูกส่งกลับไปยังห้องของตัวเอง หยู่เหวินเห้าถูกส่งกลับไปที่ตำหนักเซี่ยวเยว่
คืนนี้ฉี่หลอเป็นคนเฝ้ายามกลางคืน เห็นหยู่เหวินเห้าถูกคนยกเข้ามา ก็ตกใจจนร้องขึ้นว่า “สวรรค์ องค์รัชทายาทถูกลอบทำร้ายหรือ บาดเจ็บหรือไม่ ”
หยวนชิงหลิงอ่านหนังสืออยู่ด้านใน ได้ยินคำพูดของฉี่หลอ ก็โยนหนังสือไว้บนเตียงหลอฮั่น วิ่งเท้าเปล่าออกมาข้างนอก เห็นหยู่เหวินเห้าถูกองครักษ์สองคนหามเข้ามาข้างใน ก็ตกใจจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น ดีที่ทังหยางตามมาด้วย ไม่รอให้หยวนชิงหลิงถามก็รีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “เมาเหล้า พระชายารัชทายาทอย่าเป็นห่วง พระองค์ดื่มจนเมา”
“ดื่มจนเมา”หยวนชิงหลิงได้กลิ่นเหล้าที่คลุ้งออกมา ขมวดคิ้วขึ้น “ไม่ใช่บอกว่าจะไปทำธุระสำคัญหรอกหรือ ทำไมจึงได้ดื่มจนเมาเช่นนี้”