บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 835 ไร้ประโยชน์
หยู่เหวินเห้ายังคงถามต่อไปว่า “อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้เลย ทางด้านตระกูลลู่ท่านก็ไปจัดการเองแล้วกัน ข้าจะไม่ถามแต่จะคอยสอดส่องจับตาดูท่านเอาไว้ ถ้าหากท่านไม่ไปคุยกับทางด้านตระกูลลู่ให้ชัดเจน ข้าก็จะเปิดเผยว่าเป็นท่าน ยังมี อิทธิพลสองสายที่อยู่ในจวนอ๋องชินเป่า หนึ่งในอิทธิพลนั้นเป็นของท่านชายหงเย่ใช่หรือไม่”
อ๋องอันกำลังโมโห ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็หันหน้าไปอีกทางไม่ยอมตอบคำถาม
หยู่เหวินเห้าก็ไม่รีบร้อน เอ่ยอย่างใจเย็นเอื่อยเฉื่อยว่า “ข้าของเตือนท่าน อย่างไรเสียรู้อะไรก็พูดออกมาโดยไม่ต้องปกปิดเอาไว้จะดีกว่า ท่านเองก็รู้ว่าข้างกายของตัวเองนั้นไม่ได้มีแต่คนที่จงรักภักดีอยู่ ถ้าหากข้าไม่ได้ในสิ่งที่ข้าต้องการจากตัวท่าน ข้าก็จะไปหาคนข้างกายท่าน หรืออาจจะถามพี่สะใภ้สี่ก็ได้ พี่สะใภ้สี่น่าจะรู้อะไรอยู่บ้าง ”
“หยู่เหวินเห้า”อ๋องอันหันหน้ากลับมาทันที และไม่สนว่าจะทำให้มุมปากเป็นแผลฉีกขาด เอ่ยอย่างโมโหว่า “พี่สะใภ้สี่ของเจ้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น ถ้าเจ้าไปหานางข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่”
“ข้าไม่ไปถามก็ได้ ท่านให้ความร่วมมือก็พอ”หยู่เหวินเห้ารินน้ำชาให้กับตัวเองหนึ่งแก้ว ยืนอยู่ตรงหน้าเขา มองเขาอย่างเหนือกว่า
อ๋องอันเอ่ยเสียงเย็นว่า ”เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ขอเพียงข้าบอกออกมาว่ารู้ว่าหงเย่มีความเคลื่อนไหวอะไรบ้างในเป่ยถัง เจ้าก็จะดึงข้าเข้าไปพัวพันด้วย ข้าไม่มีทางหลงกลเจ้า เรื่องของหงเย่ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น เจ้าจะไปถามใครข้าก็ตอบเจ้าเหมือนเดิม เจ้าห้า อย่าคิดว่าพี่ชายเจ้าคนนี้เป็นคนโง่ เจ้าจะทำงานสร้างผลงานเป็นเรื่องของเจ้า ที่สามารถบอกได้ข้าล้วนให้ความร่วมมือ แต่เรื่องของหงเย่ ข้าไม่รู้ก็คือไม่รู้ ถ้าหากเจ้ายังดึงดันไปรบกวนพี่สะใภ้เจ้า จบเรื่องนี้แล้วข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า”
หยู่เหวินเห้าหึในลำคอเสียงหนึ่ง“พี่สี่ เรื่องเอารัดเอาเปรียบในใต้หล้านี้ล้วนถูกท่านทำหมดแล้ว ข้าให้พี่สามไปจับตัวท่านกลับมา ท่านแค่สารภาพถึงเรื่องของลู่หยวนกับข้าก็นับว่าหมดเรื่องแล้วอย่างนั้นหรือ ถ้าหากไม่สามารถงัดเรื่องของหงเย่ออกมาจากปากท่านได้ ข้าไม่มีทางปล่อยท่านไปง่ายๆแน่ ท่านก็ถ่วงเวลากับข้าไปเถอะ ข้าจะให้คนไปลากตัวคนในจวนของท่านออกมาถามทีละคนก่อน ทางที่ดีท่านควรจะรับประกันได้ว่าคนทั้งหมดนั้นภักดีต่อท่าน ไม่เช่นนั้น สิ่งที่พูดออกมาจากปากของพวกเขากับสิ่งที่พูดออกมาจากปากของท่าน จะมีความหมายไม่เท่ากัน ทางด้านเสด็จพ่อ ข้าก็จะไม่ปกป้องทันอีก”
อ๋องอันโกรธจนใบหน้าบิดเบี้ยว “นี่เจ้าอยากจะให้ข้าถึงที่ตายให้ได้สินะ”
“ข้าเคยบอกแล้ว ขอเพียงท่านบอกทุกสิ่งที่ท่านรู้กับข้า ทางด้านเสด็จพ่อข้าจะปกป้องท่านอย่างสุดกำลัง ”หยู่เหวินเห้าวางแก้วชาลง พูดเสียงเรียบๆ
อ๋องอันกัดฟันกรอด “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เจ้าพูดเป็นจริงหรือเท็จ ประเดี๋ยวถ้าข้าพูดออกมาแล้ว ต่อหน้าเสด็จพ่อเจ้ายังถวายฎีกาเปิดเผยความผิดของข้า แล้วข้าจะไปแก้แค้นใคร”
“ข้าพูดตามความจริง ท่านจะเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็ช่าง ”ตอนนี้หยู่เหวินเห้าไม่ร้อนใจแล้ว มาถึงขนาดนี้แล้ว ร้อนใจไปก็ไม่ได้อะไร
ฉะนั้น เขาจึงนั่งลงด้วยท่าทีผ่อนคลายและสงบ ค่อยๆต้มน้ำชา ดื่มชา เสียเวลาเป็นเพื่อนเขาไป
อ๋องอันหลับตาลง สมองกำลังแล่นอย่างรวดเร็ว ทำการชั่งน้ำหนักในทุกๆด้าน
หลังจากผ่านไปชั่วเวลาจิบชาหนึ่งถ้วย เขาก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงอ่อนว่า “ช่างเถอะ ข้าบอกเจ้าก็ได้ คนในจวนอ๋องชินเป่านั้นเป็นหงเย่ส่งเข้าไปแทรกซึมหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่ว่า หงเย่ได้วางสายสืบสอดแนมไว้ในเป่ยถังจริง และได้แทรกซึมไปในทุกที่ของเมืองหลวง เหล่านี้ล้วนไม่ใช่ข้าเป็นคนจัดการ เป็นอะหลูที่จัดการเอง หลังจากนางตายไปแล้ว ข้าได้ค้นพบบันทึกนี้จากห้องหนังสือของนาง ไม่สมบูรณ์ แต่ข้าได้ให้คนลองสืบดูแล้ว คงจะเป็นคนไม่กี่คนที่ได้วางตัวเอาไว้ตอนแรกเริ่ม รายชื่อล้วนถูกเก็บเอาไว้ในกล่องเหล็กใบเล็กบริเวณมุมตะวันออกเฉียงใต้ของห้องหนังสือข้า เจ้าไปหาเถอะ แต่ข้าจำเป็นต้องบอกเจ้าเอาไว้ก่อน ตอนที่หงเย่ติดต่อกับข้าเป็นการส่วนตัว ข้านั้นได้ปฏิเสธเขาไป เป็นอะหลูที่ไปจัดการเองโดยปิดบังข้าเอาไว้ ส่วนนางได้ผลประโยชน์อะไรจากหงเย่ ข้าไม่รู้ หลังจากที่นางตายแล้วก็ไม่ได้ทิ้งสมบัติของมีค่าอะไรไว้”
หยู่เหวินเห้าอืมหนึ่งเสียง สายตามีแววเยือกเย็นวาบผ่าน “ยังมีอีกหรือไม่ ”
“ไม่มีแล้ว”อ๋องอันได้ยินคำพูดนี่ของเขา ก็โมโหจนทุบเตียง “เจ้าต้องรักษาคำพูด ต่อหน้าเสด็จพ่ออย่าให้การถึงข้าเด็ดขาด บอกว่าเข้าตรวจสอบจนพบเบาะแสเอง นี่ก็นับว่าเป็นการสร้างผลงานให้เจ้าส่วนหนึ่ง ส่วนเจ้าจะมีความสามารถจับกุมตัวสายสืบทั้งหมดของหงเย่ได้หรือไม่ ก็ต้องดูความสามารถของเจ้าแล้ว”
หยู่เหวินเห้าวางแก้วลง ลุกขึ้นเดินจากไปราวกับลมพายุ อ๋องอันได้แต่ร้องตะโกนตามหลังไปว่า “เจ้าต้องรักษาคำพูดนะ”
เอารายชื่อกลับมาแล้ว ส่งให้องครักษ์ลับผีไปตรวจสอบ
ยังมีทางเสี้ยงหงเฉิงด้วย แค่ชั่วอึดใจเดียวก็จับคนกลับมาได้เจ็ดแปดคน รวมกับทางด้านองครักษ์ลับผี ทั้งหมดรวมกันแล้วมากกว่ายี่สิบคน
หลังจากจับคนได้แล้ว ก็เริ่มต้นการสอบสวนทันที ตลอดทั้งคืนนี้ หยู่เหวินเห้านำคนของกรมการพระนครชิงไหวพริบและชั้นเชิงกับคนเหล่านี้ ค่อยๆขุดคุ้ยออกมาทีละนิด เมื่อขุดออกมาได้แล้วก็บันทึกเอาไว้ จากนั้นก็นำไปเปรียบเทียบความถูกต้องกับคำสารภาพอื่นๆ
ใช้เวลาไปทั้งหมดสามวันสามคืนเต็มๆ จึงสอบสวนคนเหล่านี้จนเสร็จสิ้น เอาข่าวสารทั้งหมดออกมาเปรียบเทียบกัน ใช้เวลาสองวันจึงจะเรียบเรียงข่าวสารและความเชื่อมโยงของหลักฐานออกมาให้สมบูรณ์ทีละเรื่อง
หยู่เหวินเห้านั้นไม่ได้กลับจวนอ๋องเป็นเวลาห้าวันเต็มๆแล้ว เช้าตรู่ของวันนี้ จึงลากสังขารที่เหนื่อยล้ากลับไปที่จวน เนื้อตัวส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง หนวดเคราก็ยาวมากแล้ว ท่าทางตกอับจนเหมือนคนเร่ร่อนอย่างไรอย่างนั้น
สวีอีได้กลับมารายงานให้ทราบก่อนแล้ว ฉะนั้นในจวนจึงได้เตรียมอาหารมื้อดึกเอาไว้ หยวนชิงหลิงก็นั่งรอเขาอยู่
เขาเข้าประตูมาก็นั่งกินอาหารอย่างรวดเร็วราวกับพายุ จากนั้นก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หยวนชิงหลิงช่วยเขาโกนหนวดเครา ค่อยเป็นการเรียกคืนใบหน้าอันหล่อเหลากลับมา
“งีบสักครู่ ยามห้าต้องเข้าประชุมราชสำนัก หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมเช้าต้องไปถวายรายงานที่ห้องทรงพระอักษร ”หยู่เหวินเห้าเอนร่างนอนลงบนเตียงหลอฮั่น ท่าทีราวกับถูกสูบพลังออกไปจนหมด เหนื่อยล้าจนขอบตาโบ๋ลึกเข้าไปแล้ว
“ตรวจสอบชัดเจนหรือยัง”หยวนชิงหลิงถามอย่างรู้สึกสงสาร
“ยังหาแผนที่ทางการทหารไม่พบ แต่ว่า มีเบาะแสแล้ว”หยู่เหวินเห้าหลับตาลง เอ่ยพึมพำว่า “ตอนนี้ยังไม่บอกเจ้า เหนื่อยมาก พรุ่งนี้ค่อยคุยกับเจ้า”
หยวนชิงหลิงห่มผ้าให้กับเขา “ได้ ท่านนอนก่อนเถอะ ยามห้าข้าจะมาปลุกท่าน ”
หยู่เหวินเห้าไม่ตอบรับ ได้นอนหลับไปแล้ว เขาเหนื่อยจนแทบทรุดแล้วจริงๆ หลายวันที่ทำการสอบสวน แม้แต่ลำคอก็แทบจะไร้เสียง
หยู่เหวินเห้าหลับสนิทจนถึงยามห้าจึงตื่นขึ้นมา แปรงฟันอย่างลวกๆแล้วก็รีบเปลี่ยนชุดราชสำนักออกจากจวนไปทั้งที่อากาศหนาวเย็นมาก
เขาไม่ได้พูดอะไรในการประชุมเช้า รอจนกระทั่งถึงเวลาปรึกษาหารือกันในห้องทรงพระอักษร เข้าจึงเข้าไปพบฮ่องเต้ตามลำพัง
ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ยินรายงานของเขาแล้ว ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “ถ้าเป็นเช่นนี้ แสดงว่าแผนที่ทางการทหารได้ตกอยู่ในมือของคนเซียนเปยแล้วจริงหรือ”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ได้ทำการตรวจสอบคนในจวนอ๋องชินเป่าแล้ว สอบสวนเป็นรายบุคคล ทำการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้วค่อยมาแยกแยะวิเคราะห์ ตอนที่อะหลูคนนั้นมาอยู่รับใช้ข้างกายพี่สี่ ที่จริงก็เป็นคำสั่งของหงเล่ซิงซึ่งลูกชายคนโตของแม่ทัพใหญ่หงเล่แห่งเซียนเปย นางเป็นคนของหงเล่ซิง นางได้ให้ความช่วยเหลือคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในจวนอ๋องชินเป่า และในจวนของอ๋องชินเป่าเองยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นคนของท่านชายหงเย่ ดูแล้วเหมือนจะเป็นการต่อสู้กันเองภายในเป่ยถังของเรา แต่ที่จริงแล้วเป็นการต่อสู้กันภายในของพี่น้องตระกูลหงเล่แห่งเซียนเปย ทั้งหงเล่ซิงและท่านชายหงเย่ต่างก็อยากจะครอบครองเป่ยถัง วางสายสืบไปทั่ว ฉะนั้นเมื่อแผนที่ทางการทหารมาถึง พวกเขาสองพี่น้องต่างก็ตั้งใจว่าต้องให้ได้มา เพียงแต่มองภาพรวมแล้ว หงเล่ซิงได้วางแผนไว้นานกว่า ได้ส่งอะหลูมาแอบซุ่มอยู่ข้างกายพี่สี่ตั้งแต่ต้นแล้ว อาศัยประโยชน์ของการเป็นอ๋องของพี่สี่ ทำงานไปหลายเรื่อง และได้ปูพื้นฐานที่มั่นคงเอาไว้บางส่วนแล้ว และที่ก่อนหน้านี้อะหลูบอกว่าได้ช่วยท่านชายหงเย่ส่งคนประสานงานเข้ามายังเป่ยถัง แต่ที่จริงแล้วคนเหล่านั้นล้วนอยู่ในการควบคุมของนาง กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือล้วนถูกควบคุมอยู่ในมือของหงเล่ซิงทั้งหมด แผนของพี่สี่ครั้งนี้นับว่าได้ทำประโยชน์เพื่อหงเล่ซิงและอะหลูโดยที่ตนเองไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนโมโหอย่างมาก “เป็นถึงท่านอ๋อง กลับถูกผู้หญิงคนเดียวหลอกลวงและบีบไว้ในกำมือ เจ้าคนไร้ประโยชน์”