บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 853 อ๋องอันแสดงความกตัญญู
อ๋องอันฟังการวิเคราะห์ของตี๋เว่ยหมิงแล้ว ราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เสด็จพ่อปลดตำแหน่งขุนนางของเขาจริงหรือ”
“ถูกต้อง ตอนนี้มีอ๋องฉีคอยกำกับดูแลกรมการพระนครเป็นการชั่วคราว”
“แต่น้องเจ็ดเป็นคนของเขา การปลดตำแหน่งขุนนางก็เหมือนไม่ได้ปลด เพราะยังไม่มีการปลดตำแหน่งรัชทายาท”
“อ๋องฉีจะทำอะไรได้ ขอเพียงพวกเราลงมือ ไม่เกินสิบวัน อ๋องฉีก็ต้องตกม้าตายเหมือนกัน”ตี๋เว่ยหมิงไม่พอใจเป็นอย่างมาก ตระกูลฉู่นั้นร้ายกาจมากก็จริง เสียดายที่อบรมสั่งสอนลูกชายที่ฮองเฮาฉู่ให้กำเนิดมาได้ไม่เห็นจะดีเท่าไหร่
อ๋องอันทำท่ากดมือลง “ไม่ ท่านตา จะบุ่มบ่ามไม่ได้ ดูให้แน่ใจก่อนค่อยว่ากัน”
ตี๋เว่ยหมิงเห็นเขาลังเลไม่ยอมตัดสินใจ ก็อดที่จะรู้สึกร้อนใจขึ้นมาไม่ได้ “ยังจะดูอะไรอีก ตระกูลตี๋ของเรารอมานานมากพอแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงวันนี้ ก็ไม่เคยยืนหยัดขึ้นมาได้เลย ถ้าขืนยังเป็นเช่นนี้ต่อไป คนที่มีใจจงรักภักดีก็คงจะหนีหายไปหมด คนเหล่านี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะรวบรวมมาได้ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว”
“ท่านบอกว่าเสด็จพ่อจะใช้งานข้า เช่นนั้นก็รอไปก่อน”
ตี๋เว่ยหมิงชะงัก “ทำไมเจ้ายังต้องรออีกเล่า ฮ่องเต้จะใช้งานเจ้า ก็ต้องมีเหตุผลสักข้อไม่ใช่หรือ ไม่สามารถรอให้ขนมตกลงมาจากฟ้าได้หรอกนะต้องออกแรงไขว่คว้าด้วย ท่านอ๋องต้องพยายามด้วยตัวเอง”
“ข้าจะพยายามอย่างไร ข้าก็ถูกกักบริเวณอยู่มิใช่หรือ ”อ๋องอันถูกเขาพูดจนรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาบ้างแล้ว ราวกับว่าถ้าพลาดโอกาสนี้ไปก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว
“ท่านได้วางคนเอาไว้ในวังมิใช่หรือ เรียกคนพวกนี้มาสอบถามดู ถ้าหากฮ่องเต้มีใจจะใช้งานท่านจริงๆ ไม่ว่าอย่างไรท่านก็ต้องเดินออกจากประตูนี้ไป แม้ว่าจะเป็นละเมิดคำสั่งในการกักบริเวณก็ต้องทำให้ฮ่องเต้เห็นถึงความกตัญญูของท่านให้ได้ ”
อ๋องอันครุ่นคิด “แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็คิดว่ายังไม่ถึงเวลา ตอนนี้สถานการณ์มีความวุ่นวายอยู่บ้าง ซ่อนตัวเป็นคมในฝักจึงจะดีกว่า”
ตี๋เว่ยหมิงโมโหมาก “ท่านอ๋องถูกตีจนกลัวไปแล้วกระมัง หรือว่าทุกเรื่องก็ต้องอาศัยอะหลูเท่านั้น อะหลูตายแล้ว ท่านอ๋องก็ไม่มีความกล้าแล้ว จะเป็นเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าหากท่านอ๋องยังลังเลไม่ตัดสินใจ คนที่มีใจติดตามท่านก็คงจะหนีหายไปจริงๆ หนึ่งปีมานี้ คนหายไปตั้งเท่าไหร่ สั่งสมกำลังอำนาจในเวลาปกติ เพื่อจะใช้งานในยามจำเป็น ตอนนี้ก็คือเวลาที่ดีที่สุด ท่านอ๋องก็แค่ไปแสดงความกตัญญู ข้าจะไปวิ่งเต้น จากนั้นก็จะรวมกลุ่มกันถวายฎีกาให้ท่านได้รับการอภัยโทษ ท่านต้องเดินออกมาจึงจะมีโอกาส”
อ๋องอันยังคงใคร่ครวญอยู่ ตี๋เว่ยหมิงตบโต๊ะและลุกขึ้นยืน “เอาล่ะ ถ้าหากท่านอ๋องไม่มีความกล้า เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ยกเลิกไปเถอะ ประเดี๋ยวจะให้คนแยกย้ายไปให้หมด และไม่จำเป็นต้องแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทอีกแล้ว ฉะนั้นก็พึ่งจมูกคนอื่นหายใจ มีชีวิตต่อไปโดยไม่ต้องคำนึงถึงภัยอันตรายที่รออยู่ภายหน้าก็พอแล้ว”
อ๋องอันเห็นเขาโมโหขึ้นมา ก็ดึงให้เขานั่งลง หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วครู่ สายตาก็มีแววแห่งความมุ่งมั่นผุดขึ้นมา “ได้ หนึ่งปีมานี้ พวกเรามีชีวิตอยู่กันอย่างไรประโยชน์จริงๆ ติดตามคนที่เป็นนายท่านอย่างข้า ก็ทำให้พวกเขาต้องลำบากไม่น้อย ท่านรีบทำการติดต่อประสานงาน วันนี้ข้าจะออกจากจวน ไปสั่งสอนน้องห้าสักครั้ง ค่อยเข้าวังไปยอมรับผิด ”
“ดี ดี แสดงออกถึงความกตัญญู แล้วยังสามารถระบายอารมณ์ออกมาได้ด้วย ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว”ตี๋เว่ยหมิงนั้นเกลียดชังหยู่เหวินเห้าเข้ากระดูกดำ กล้ำกลืนอดทนมานาน วันนี้นับได้ว่าสามารถระบายความแค้นออกมาสักที
สายตาของเขามีแววอำมหิตผุดขึ้นมา หยู่เหวินเห้า วันเวลาที่มีความสุขของเจ้าถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
“ท่านตา สามารถแตะต้องคนได้ก่อน แต่ว่า อย่าแตะต้องสายลับ ดูให้แน่ใจอีกสักหน่อย ระมัดระวังเอาไว้จะทำให้สามารถพัฒนาไปไกลได้ ”อ๋องอันยังคงระแวดระวัง
ตี๋เว่ยหมิงพูดว่า “ท่านวางใจได้ ตาไม่ใช่คนบุ่มบ่ามมุทะลุ จะจัดการอย่างเหมาะสมที่สุด”
ตี๋เว่ยหมิงพูดจบ ก็หมุนตัวจากไป
หยู่เหวินเห้าถูกกักบริเวณเป็นวันที่สอง ก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว
สองปีมานี้เขาเอาแต่ยุ่งเรื่องงานทั้งภายในและภายนอก ไม่เคยได้มีเวลาว่างเว้นเช่นนี้มาก่อน รู้สึกเสมอว่าในมือมีงานมากมายก่ายกองที่ยังไม่ได้ทำ
วันนี้เขาอาบน้ำให้ตอเป่า อาบน้ำให้หมาป่าหิมะ ยังเก็บกวาดตำหนักเซี่ยวเยว่ด้วย เมื่อก่อนไม่เคยลงมือทำเรื่องเหล่านี้มาก่อน แต่ยายหยวนบอกว่าเรื่องใกล้ตัวเช่นนี้ ทางที่ดีให้ทำเองไม่ต้องรบกวนคนอื่น
“ท่านอ๋อง พวกเราออกไปไม่ได้ แต่สามารถเชิญคนอื่นมาดื่มเหล้าได้นี่นา”สวีอีก็เป็นคนที่อยู่ว่างไม่ได้ หลังจากที่เดินวนไปมาในห้องเป็นเวลาหนึ่งวันแล้ว หญ้าในจวนอ๋องฉู่ล้วนถูกเขากำจัดทิ้งหมดแล้ว
“ไม่ล่ะ ข้าให้สัญญากับยายหยวนเอาไว้ จะอยู่ในจวนอย่างสงบ ดื่มเหล้าแล้วเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทได้ง่าย ไม่ดื่ม ”
“เช่นนั้นมันน่าเบื่อมาก”สวีอีนั่งอยู่ที่ขอบประตู ชายเสื้อสยายออก ราวกับอันธพาลที่นั่งขวางระหว่างภายในและภายนอก
“ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำตามที่สัญญา”หยู่เหวินเห้าเดินวนไปมาในห้องหนึ่งรอบ “ข้าจะหาหนังสืออ่าน”
สวีอีหลุดขำออกมาหนึ่งเสียง “ท่านยังจะอ่านหนังสืออีกหรือ ท่านรู้จักตัวหนังสือด้วยหรือ”
หยู่เหวินเห้าไม่ชอบอ่านหนังสือ จะดูก็แค่หนังสือทางการทหาร หลังจากขึ้นเป็นองค์รัชทายาท ราชครูเว่ยเคยส่งหนังสือเกี่ยวกับการปกครองมาให้หลายเล่ม ให้เขาอ่านให้หมด เขาแค่พลิกดูไม่กี่หน้า รู้สึกน่าเบื่อ จึงเก็บเอาไว้บนชั้นเหมือนเดิม
ด้วยคำยั่วยุของสวีอี เขาได้แต่แสร้งว่าไม่ได้ยิน ได้ค้นหาจนพบตำราแพทย์และบันทึกของยายหยวนที่อยู่ในห้องบางส่วน ตำราแพทย์นั้นอ่านไม่เข้าใจ ส่วนบันทึกนั้นเขาเปิดอ่านไปไม่กี่หน้า ก็พึมพำว่า “ตัวอักษรเหล่านี้ไม่ค่อยเหมือนกับของพวกเราสักเท่าไหร่ ดูแล้วคล้ายกัน แต่ง่ายกว่าเยอะมาก ยังมีอักษรไส้ไก่เหล่านี้ ก็เป็นตัวอักษรที่อยู่ในแผนที่ทางการทหารมิใช่หรือ ยายหยวนช่างเป็นคนที่มีความรู้รอบด้านจริงๆ ”
“ไส้ไก่อะไรกัน ”สวีอีดีดตัวลุกขึ้นเขยิบเข้าไปดูใกล้ๆ อุทานอย่างตกใจว่า “เหล่านี้เป็นตัวอักษรอะไร ไม่เคยพบเห็นมาก่อน พระชายารัชทายาทไปเรียนกับใครมา ”
หยู่เหวินเห้าดันศีรษะของเขาออกไป “ไสหัวไปเลยนะ”
สวีอีนั่งลงบนเก้าอี้ “ท่านอ๋อง พระชายารัชทายาทไปเรียนวิชาแพทย์มาจากที่ใด ที่จวนเจ้าพระยาจิ้งจะมีการเชิญอาจารย์ที่เป็นหมอมาสอนด้วยหรือ”
“เจ้าจะถามเรื่องเหล่านี้ทำไม”หยู่เหวินเห้ารวบรวมสติดูอย่างตั้งใจครู่หนึ่ง ดูจนตาลายขึ้นมาเล็กน้อย รู้สึกง่วงด้วย
“ก็แค่รู้สึกประหลาดใจ พระชายารัชทายาทมีความรู้มากมายจริงๆ ”
“อะไรคือพระชายารัชทายาทของเรา ของเจ้าหรือ”หยู่เหวินเห้ามองเขาตาขวางแวบหนึ่ง
สวีอีหัวเราะแหะแหะ “ท่านอ๋อง ดูความใจแคบของท่านซิ นางเป็นพระชายารัชทายาทของท่าน และเป็นพระชายารัชทายาทของพวกเราด้วย อีกอย่าง ชื่อของเหล่าซื่อจื่อล้วนเป็นข้าที่เป็นคนตั้งให้”
พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หยู่เหวินเห้าก็รู้สึกโมโห โยนแก้วไปหนึ่งไปทางเขา สวีอีดีดตัวลุกขึ้นใช้ปากคาบเอาไว้ คายออกมาวางไว้ที่มืออย่างได้ใจ “เล็งได้ไม่เลวเลย ท่านอ๋อง พวกเราออกไปประลองกันสักตั้งดีหรือไม่”
“สวีอี เจ้าไม่ต้องถูกกักบริเวณ เจ้าไสหัวไปเถอะ ”หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าเขาน่ารำคาญมาก
สวีอีเอ่ยอย่างลำบากใจว่า “ข้าน้อยไม่มีที่ไปนี่นา ที่กรมก็ไม่จำเป็นต้องกลับไปแล้ว อยากจะไปช่วยใต้เท้าทังทำงานคิดบัญชี ใต้เท้าทังก็ไล่ตะเพิดข้าออกมา”
“อะซี่เล่า เจ้าไปหาอะซี่เป็นเพื่อนเล่นซิ ”
“อะซี่กำลังเลี้ยงเด็กๆ รังเกียจว่าข้าพูดจาหยาบกระด้าง เกรงว่าเด็กๆได้ยินแล้วจะไม่ดี ก็ไม่อนุญาตให้ข้าน้อยไป ”สวีอีน้อยใจเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่ถูกคนอื่นรังเกียจจนต้องถูกไล่ไปไล่มา เขาก็ไม่ยินดีที่จะมาที่นี่หรอกนะ รัชทายาทในตอนนี้เป็นคนที่น่าเบื่อที่สุด
ระหว่างที่พูดคุยกัน ก็เห็นฉี่หลอนำตัวคนเฝ้าประตูเดินเข้ามารายงานอย่างรวดเร็วว่า “องค์รัชทายาท อ๋องอันมาพ่ะย่ะค่ะ ดูดุดันเต็มไปด้วยไอสังหาร”
หยู่เหวินเห้าโยนหนังสือทิ้งไป ดีดตัวลุกขึ้น “ดี มาได้จังหวะพอดี ”
เขาเดินไปถึงตรงหน้าสวีอี ตบไปที่ไหล่ของเขาและพูดว่า “เป็นอย่างที่เจ้าหวังเอาไว้ มีคนมาหาเรื่องต่อยตีกับเจ้าแล้ว”
สวีอีไม่กล้าจะต่อสู้กับอ๋องอัน สู้ไม่ไหวคงเสียเปรียบ ถ้าสู้ได้ก็ต้องได้รับโทษ คนอื่นเป็นถึงท่านอ๋องเชียวนะ
หยู่เหวินเห้าก้าวเท้าใหญ่ๆเดินออกไป อ๋องอันยืนอยู่ในลานบ้าน สวมชุดสีขาวทั้งตัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ เอามือไขว้หลังมองหยู่เหวินเห้าด้วยสายตาเย็นชา
“พี่สี่ ไม่กักบริเวณแล้วหรือ ”หยู่เหวินเห้าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน
อ๋องอันเอ่ยอย่างโมโหว่า “เจ้ากล้าอกตัญญูต่อเสด็จพ่อถึงเพียงนี้ เจ้ารนหาที่ตาย”
คุยกันไม่ถูกคอเห็นต่างไปคนละทาง ลงมือเลยดีกว่า เห็นได้ชัดว่าเตรียมการมาแล้ว กระโดดตัวลอยขึ้นกลางอากาศพุ่งเข้าไปทำร้ายหยู่เหวินเห้า