บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 86 ผู้หญิงคนนี้ต่ำช้ายิ่งนัก
กุ้ยเฟยออกไปคารวะ ฮองเฮาและเสียนเฟยก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องนั่งอยู่ที่นี่ จึงลุกขึ้นพร้อมกัน
หยวนชิงหลิงพยุงไท่ซ่างหวงเดินเล่นริมหนองน้ำสองสามก้าว เขารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย จึงนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ข้างๆ หนองน้ำ หยวนชิงหลิงช่วยเขารัดเสื้อคลุมให้แน่นขึ้น อากาศวันนี้จะบอกว่าหนาวก็ไม่หนาว แต่ก็ไม่ร้อน
“พอแล้ว ต้องแน่นขนาดนี้เลยหรือ?”
“ใช่เพคะ พระองค์ออกมาครั้งนี้ ก็เดินมาไกลพอสมควร และโดนแดดแล้ว จะถูกลมเย็นพัดไม่ได้อีก” หยวนชิงหลิงพูด
“อายุแค่นี้ กลับเหมือนคนแก่” ไท่ซ่างหวงเงยหน้าขึ้น แล้วปล่อยให้หยวนชิงหลิงทำต่อ แต่พอเงยขึ้นมาก็มองเห็นฮองเฮากับเหล่าสนมกำลังเสด็จมา
ไท่ซ่างหวงขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “น่าเบื่อ”
หยวนชิงหลิงจึงหันกลับไปมอง พร้อมกับยืนตัวตรง และวางมือ ในใจก็พูดขึ้นน่าเบื่อ
มีฮองเฮา กุ้ยเฟย เสียนเฟย และด้านหลังก็มีนางกำนัลอีกมากมาย คนกลุ่มใหญ่กลุ่มนั้นกำลังเดินเข้ามา
หยวนชิงหลิงจึงเดินออกไปคารวะ “คารวะฮองเฮา คารวะกุ้ยเฟย คารวะเสียนเฟย”
นางใช้ชื่อไม่ถูก ตามกฏแล้ว นางต้องเรียกฮองเฮาว่าเสด็จแม่ เรียกกุ้ยเฟยว่าเสด็จแม่ตี๋กุ้ยเฟย และเสด็จแม่เสียนเฟย
แต่ว่าไท่ซ่างหวงอยู่ตรงนี้ด้วย จึงไม่มีใครพูดอะไรกับนาง พลางเดินเข้ามา ย่อตัวคำนับ “หม่อมฉันคารวะไท่ซ่างหวง”
วันนี้ไท่ซ่างหวงดูเป็นผู้เฒ่าอ่อนโยน พร้อมกับยิ้มอ่อน “อยู่กันครบเลยนะ”
ฮองเฮาจึงเดินเข้ามา พร้อมกับตอบอย่างสำรวม “ทูลไท่ซ่างหวง วันนี้อากาศดี พวกเราจึงออกมาเดินเล่นข้างนอกเพคะ ไท่ซ่างหวงสบายดีหรือเพคะ?”
“สบายดี ถ้าไม่ดีจะออกมาเดินเล่นได้หรือ?” ไท่ซ่างหวงพูดกระตุกต่อม
“ไท่ซ่างหวงอยู่ดีสบาย ถือเป็นโชคดีของประเทศเป่ยถัง ใช่หรือไม่พระชายาฉู่?” เสียนเฟยยิ้ม
หยวนชิงหลิงใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อะไร?หมายถึงใส่อะไร?
นางจึงตอบ “ใช่เพคะ ใส่เสื้อคลุม”
สีหน้าเสียนเฟยเปลี่ยนไปทันที “พระชายาเหนื่อยหรือ?”
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ไม่เหนื่อยเพคะ ขอบพระทัยเสียนเฟยที่เป็นห่วง”
นางทำให้เสียนเฟยโมโห
กุ้ยเฟยกวาดตามองหยวนชิงหลิง ช่วงนี้พระชายาฉู่ผู้นี้ค่อนข้างสำคัญ ถึงนางจะไม่ชอบคบหากับสนมในวัง แต่ในวังก็ไม่มีความลับอะไร ไม่ออกมาสองสามวัน มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย
พระชายาฉู่ เป็นชายาคนแรกที่ได้ดูแล ก่อนหน้านี้ถึงจะดูไม่ดี แต่ว่าตอนนี้นางกลับเปลี่ยนไปจนได้มายืนอยู่ข้างกายไท่ซ่างหวง แถมยังต่อกรกับฮองเฮาและเสียนเฟยได้ ถือว่าเป็นคนที่ชัดเจนคนหนึ่ง
ดูแล้ว เรื่องที่คนพูดกันคงเป็นความจริง
ฮองเฮาเองก็กำลังมองหยวนชิงหลิง หลังจากเรื่องไข่มุกหนัน นางก็มีความรู้สึกหนึ่งในใจต่อหยวนชิงหลิง แต่ถึงยังไงหยวนชิงหลิงก็ยังไม่เข้าตา แต่ดูแล้ววันนี้นางกลับออกมาเดินเล่นกับไท่ซ่างหวง อีกทั้งยังคอยพยุงไท่ซ่างหวง แบบนี้จะไม่ให้สนใจก็ไม่ได้แล้ว
ความรู้สึกของเสียนเฟยตอนนี้ซับซ้อนมาก
นางก็ยังไม่ชอบหยวนชิงหลิงอยู่ แถมยังหวังว่าอ๋องฉู่จะตัดใจทอดทิ้งนาง สำหรับตระกูลฉู่ นางยังคงเสียดาย เพราะเดิมทีเรื่องกำลังจะสำเร็จจนถึงครึ่งทางแล้ว แต่กลับถูกหยวนชิงหลิงบอกว่าไม่เห็นด้วยจนกลายเป็นแบบนี้
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทำให้นางแค้นหยวนชิงหลิงฝังกระดูก
แต่วันนี้เห็นนางได้รับความเอ็นดูจากไท่ซ่างหวง ไท่ซ่างหวงเองก็มีอำนาจเลือกคนที่จะขึ้นครองราชย์ด้วย…….
เสียนเฟยจึงเปิดใจเล็กน้อย ตอนนี้ยังไม่ทำอะไรหยวนชิงหลิงดีกว่า
ไท่ซ่างหวงจึงพูดขึ้น “เบื่อแล้ว กลับกันเถอะ”
“น้อมส่งไท่ซ่างหวง!” ทั้งสามคนพูดขึ้นพร้อมกัน
พอหลังจากหยวนชิงหลิงพาไท่ซ่างหวงกลับตำหนัก ทังหยางก็เข้ามารายงานว่าต้องการกลับจวนอ๋อง
ตลอดทางกลับ หยวนชิงหลิงไม่พูดอะไรสักคำ และไม่หันไปมองหน้าอ้วนบวมของเขา เพียงแค่นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อุทยานอวี้ฮัว
นางรับรู้ได้ว่าเสียนเฟยเริ่มเปลี่ยนไป ตอนนี้เสียนเฟยกับตระกูลนางดูจะไม่มีแผนทำอะไรนาง เพราะว่าฝ่าบาทและไท่ซ่างหวงให้ความสำคัญนาง
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสถานการณ์นางจะเปลี่ยนเป็นดี ตระกูลฉู่หรือฉู่หมิงชุ่ย อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้จึงทำให้พวกเขากลัวนาง
รวมถึงหยู่เหวินเห้าเองก็ต้องไปรับตำแหน่งที่กรมพระนคร นี่ก็เท่ากับว่าเป็นการโยนก้อนหินลงในพื้นน้ำสงบ และทำให้น้ำแตกกระจาย
ฮ่องเต้หมิงหยวนเย็นชากับอ๋องฉู่มาตลอด ทุกคนต่างทราบกันดี ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะให้เขาทำงานตำแหน่งสำคัญแบบนี้
ดังนั้นต้องมีคนเดาว่า นี่เป็นความประสงค์ของไท่ซ่างหวง
และตอนนี้คนที่ทำให้ไท่ซ่างหวงพอใจและอยู่ข้างกายเขาตลอดก็คือนาง และนางก็เป็นถึงพระชายาอ๋องฉู่ คงคิดว่านางช่วยพูดให้อ๋องฉู่เวลาอยู่ต่อหน้าไท่ซ่างหวง จึงทำให้ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับอ๋องฉู่ขึ้นมา
ถ้าหากมีคนบอกว่าอ๋องฉู่คิดอยากจะได้ตำแหน่งรัชทายาทล่ะ?
หยวนชิงหลิงคิดถึงครั้งนั้นที่หยู่เหวินเห้าถูกลอบฆ่าก็พลันรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมา
“ช่วยข้าเกาหลังหน่อย!” จังหวะที่นางครุ่นคิดนั้นก็พลันมีเสียงน่ารำคาญของหยู่เหวินเห้าดังขึ้น
เขาออกแรงเอาหลังถูกับแผ่นรอง หน้าที่บวมเป่งจนมองไม่เห็นว่าเขารู้สึกยังไง แถมยังไม่สามารถลืมตาขึ้นได้
หยวนชิงหลิง “ใช้มือของเจ้าก็พอ”
หยู่เหวินเห้าใช้สองมือคลำๆ และพยายามลืมตาขึ้นอย่างน่าสงสาร แม้ว่าจะเห็นเพียงเล็กน้อย แต่รอยยิ้มที่อยู่บนหน้าของหยวนชิงหลิงนั้นเขาสามารถมองเห็นจากหางตาได้
มือสองข้างของเขา บวมอย่างกับขาหมู แต่บริเวณที่ไม่มีเสื้อปิดนั้นล้วนแต่โดนผึ้งต่อย
เขาถูกต่อยอย่างน่าสงสารมาก
แม้ว่าหยวนชิงหลิงรู้สึกว่าเขาเป็นคนจิตใจอำมหิต แต่ว่าพอเห็นแล้วก็น่าสงสาร
นางเกาหลังให้เขาผ่านเสื้อ “ตรงนี้ใช่หรือไม่?”
นางไม่มีเล็บ จึงทำให้เกาไม่ผ่านชั้นเสื้อ ดูจากท่าทางการเกาแบบนี้นั้น ยิ่งทำให้คันขึ้นไปอีก
“ไม่ใช่ เจ้าเอามือยื่นเข้าไปด้านใน จากคอเสื้อตรงนี้!” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น
หยวนชิงหลิงจึงนั่งแบบคุกเข่า พลางล้วงลงไปตรงคอเสื้อของเขา
“ตรงนี้?”
“ขยับมาอีกหน่อย”
“ตรงข้างๆ ปีกไก่หรือ?”
“เจ้าต่างหากที่มีปีกไก่ ตรงกระดูกบนบ่า” เขาพยายามลืมตาขึ้น แต่ก็ไม่สามารถทำได้
“ตรงไหนล่ะ?”
“……ทำไมเจ้าถึงโง่ขนาดนี้?” เขาพูดขึ้นอย่างรำคาญ “ก็ตรงปีกไก่ด้านซ้ายไง”
หยวนชิงหลิงหัวเราะออกมาทันที ที่จริงนางรู้ว่าตรงไหน เพราะว่าตอนที่ยื่นมือเข้าไป หลังของเขาก็เอาแต่ขยับไปมาเพื่อให้โดนมือนาง
“ได้ ไก่ตัวผู้ผู้โอ้อวด” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
“หุบปาก!” หยู่เหวินเห้าหลับตาลงอย่างไม่ต้องออกแรง รู้สึกว่าตรงที่นางเกาให้นั้นมันสบายเข้าไปถึงหัวใจ และก็พลันอภัยให้นางเรื่องที่นางทำ
ถึงแม้จะไม่อยากให้อภัย แต่เขาก็ไม่มีวิธีเอาคืนนาง
“ออกแรงหน่อย ขยับอีกหน่อย” หยู่เหวินเห้าสบถออกมา
หยวนชิงหลิงขยับตัวเข้าไปใก้ลเขา แล้วใช้แรงล้วงลงไป จนหน้าอกแทบจะกดหน้าของเขาเอาไว้
หน้าของหยู่เหวินเห้าทั้งแสบทั้งร้อนทั้งปวด พอสัมผัสบางอย่างนุ่มๆ ก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดพวกนั้นหายไปบ้าง
ผู้หญิงคนนี้ต่ำช้าจริงๆ ถึงตอนนี้แล้ว ยังคิดจะยั่วเขาอีก
แต่ว่า เห็นว่านางเกาให้แล้วหายคัน จึงไม่ว่าอะไรนางในตอนนี้
เพียงแต่หน้าอกนางเสริมแผ่นนุ่มหรือ?ทำไมถึงได้นุ่มสบายขนาดนี้?
สบายจนเขาอดที่จะขยับหน้าเข้าไปด้านในอีกนิดหน่อยไม่ได้