บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 860 ไม่รับน้ำใจ
หลังจากอ๋องฉีพูดจบแล้ว ก็ดื่มชาไปคำหนึ่งและพูดต่อไปว่า “ครั้งนี้คนของพี่สี่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ บวกกับคนที่ให้การสนับสนุนพี่รองก่อนหน้านี้ แม้ว่าเสด็จพ่อจะไม่ยินดีสักเท่าไหร่ แต่ว่าสุดท้ายก็ได้แต่เห็นด้วย ที่ห้า เรื่องนี้ข้าลองไตร่ตรองดูแล้วรู้สึกไม่ชอบมาพากลสักเท่าไหร่ เรื่องนี้ทำไมพี่สี่ไม่ยอมไป เขาเป็นวัดหงหรูชิง และครั้งนี้ยังสามารถเจรจากับคนของประเทศอื่นถึงหกประเทศ สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นโอกาสดีที่จะสร้างผลงานเป็นอย่างยิ่ง ท่านก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลใช่หรือไม่”
หยู่เหวินเห้าพูดอย่างจนใจว่า “ต้องไม่ชอบมาพากลอยู่แล้ว นี่ถ้าหากเป็นเรื่องปกติ พี่สี่ไหนเลยจะหาคนมากมายเช่นนี้ออกมาสนับสนุน ในใจเขารู้ดีว่าการไปประเทศซู่ครั้งนี้ ประเทศซู่ต้องมีการเคลื่อนไหวแน่ ฉะนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ไป”
อ๋องฉีสีหน้าขาวซีดไม่หมด “สวรรค์ จะเคลื่อนไหวอะไร พี่รองจะเป็นอันตรายหรือไม่ เช่นนั้นต้องรีบไปบอกเขาก่อน”
หยู่เหวินเห้าก็ไม่อยากให้เขาเป็นกังวลเกินไป “เป็นแค่การคาดเดาของพวกเรา เจ้าอย่าเพิ่งไปหาพี่รอง ข้าจะคุยกับเขาเอง ท่าทางตื่นตูมของเจ้าจะทำให้เขาตกใจได้ เห็นเขาโตกว่าพวกเรา แต่ขี้ขลาดกว่าใครทั้งหมด”
“เช่นนั้นท่านต้องรีบไปหาพี่รองคุยกับเขาเรื่องนี้ เตือนเขา ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่สี่ไม่ได้หวังดี เจ้านี่มันเป็นสุนัขที่แก้นิสัยกินขี้ไม่ได้ ”
อ๋องฉีอดไม่ได้ที่จะด่าคำหยาบคายออกมา
หยู่เหวินเห้าเกลี้ยกล่อมเขาให้กลับไป จากนั้นก็เรียกทังหยางไปเชิญอ๋องซุนมาที่จวน
ที่จวนอ๋องซุนวันนี้คึกคักมาก ข่าวคราวนี้แพร่ออกไป พระชายาซุนได้ตบรางวัลให้กับบ่าวไพร่ทั้งหมด ระหว่างที่กำลังดีใจกันเป็นอย่างยิ่ง ทังหยางก็มาเชิญตัว นางเองก็ให้รางวัลกับทังหยางด้วย บอกว่าเป็นการให้ทังหยางได้ซึมซับบรรยากาศชื่นมื่นด้วยกัน
ทังหยางไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร รีบพาอ๋องซุนจากไปทันที
ที่จริงในใจของอ๋องซุนก็มีความสุขมาก เห็นหยู่เหวินเห้า ก็ดีใจและตบไปที่หน้าท้อง “น้องห้า รอให้พี่กลับจากประเทศซู่แล้ว จะช่วยเจ้าพูดจาดีๆต่อหน้าเสด็จพ่อ”
หยู่เหวินเห้าเห็นเขาดีใจจนเผยออกมาให้เห็นบนใบหน้าที่มันเยิ้ม อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและดึงเขาเข้าไปในห้องหนังสือ “ท่านคงดีใจมากสินะ”
“ทำไมจะไม่ดีใจเล่า”อ๋องซุนมองเขา “ทำไม เจ้าไม่ดีใจแทนพี่รองหรือ การไปครั้งนี้แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่ว่า อย่างน้อยก็เป็นการออกไปทำงานครั้งแรกของข้า ถ้าหากทำได้ดี ย่อมต้องเป็นการสร้างผลงานได้ชิ้นหนึ่ง และใจของพี่เองก็คิดไว้แล้ว แคว้นต้าซิงแล้วแคว้นต้าเยว่ต่างก็ต้องส่งคนไป รวดเจรจากับทั้งสองประเทศเรื่องการค้าขายระหว่างกัน เพื่อกระตุ้นความเจริญรุ่งเรือง”
หยู่เหวินเห้าพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ใช่แล้ว เรื่องที่สามารถสร้างผลงานได้ง่ายดายเช่นนี้ ทำไมพี่สี่ต้องให้ท่านไปด้วยเล่า ทำไมเขาไม่ไปด้วยตัวเอง ”
“เจ้าเด็กนี่ก็นับว่าเขารู้จักเคารพพี่น้อง ดีกว่าแต่ก่อนเยอะ ”อ๋องซุนพูด แล้วนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ “นี่เจ้ารู้สึกว่าเขาแอบซ่อนเรื่องไม่ดีไว้อย่างนั้นหรือ เป็นได้หรือไม่ ”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “จะซ่อนเรื่องไม่ดีอะไรไว้ก็ตาม ตอนนี้ได้มีราชโองการออกมาแล้ว ท่านคงได้แต่รับบัญชาแล้วก็ออกเดินทาง พี่รอง ข้าจะบอกท่าน หลังจากไปถึงประเทศซู่แล้ว ท่านต้องระวังตัวในทุกเรื่อง อย่าใกล้ชิดกับคนของประเทศซู่มาก พูดคุยเจรจาให้น้อยที่สุด พูดจาพอเป็นมารยาทก็พอ เพื่อป้องกันคนจะมาวางกับดักท่าน เรื่องนี้ไม่ง่ายขนาดนั้น ”
“เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าคิดมากไปเอง”อ๋องซุนครุ่นคิด “เรื่องนี้จะมีกับดักอะไรได้ ถ้าหากประเทศซู่ทำให้ข้าลำบากใจ นั่นไม่เท่ากับการหาเรื่องเป่ยถังหรอกหรือ หงเล่คงไม่ถึงกับโล่เช่นนั้นกระมัง ไปไม่รอดกับเป่ยถังจะมีผลดีอะไรกับพวกเขา ตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับแคว้นต้าโจวอยู่แล้วด้วย”
“หงเล่ไม่ถูกกับเป่ยถังมาตลอด ความปรองดองเหล่านั้นล้วนเป็นแค่ฉากบังหน้า ภายใต้ความสันติเขาทำเรื่องต่างๆไว้มากมายท่านไม่รู้หรืออย่างไร เอาเป็นว่าท่านฟังข้า การไปครั้งนี้ พาคนที่มีความสามารถไปมากหน่อย วันก่อนข้าได้ให้พี่ซูไปติดตามท่านแล้ว ท่านเอาเขาไปด้วย เขาฉลาดและเจ้าแผนการ มีประสบการณ์มาก่อน ท่านพาเขาไปด้วยข้าก็วางใจได้บ้าง”
อ๋องซุนนั้นค่อนข้างมองโลกในแง่ดี พูดปลอบใจว่า “ข้าว่าเจ้าขี้สงสัยเกินไปแล้ว ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”
“ระวังตัวไว้จะได้ไม่ผิดพลาด”หยู่เหวินเห้ากำชับ
อ๋องซุนเห็นเขาพูดในสิ่งที่ไม่น่าฟังซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง ก็ไม่ยินดีกับเขาสักคำ ก็รู้สึกโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว “น้องห้า เจ้าไม่อยากเห็นพี่รองไปสร้างผลงานใช่หรือไม่ ไม่อยากเห็นพี่รองได้ดีใช่หรือไม่ ”
หยู่เหวินเห้าคิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดเช่นนี้ “ทำไมข้าจะไม่อยากเห็นพี่รองได้ดี ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพี่จะสามารถสร้างผลงานและโดดเด่นกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ”
อ๋องซุนทำหน้าไม่อยากเชื่อ “โกหก เจ้าเป็นรัชทายาทมานานแค่ไหนแล้ว คุมอำนาจมานานแค่ไหนแล้ว ถ้าหากเจ้าหวังว่าพี่รองจะสามารถสร้างผลงานให้โดดเด่นกว่าคนอื่นจริง ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เลื่อนตำแหน่งข้า พี่รองไม่ได้จะโทษเจ้า เพียงแต่ยากมากที่ครั้งนี้เจ้าสี่จะทำเรื่องที่แสดงออกถึงน้ำใจเช่นนี้ ให้ข้าได้ออกไปข้างนอก ได้พบเจอเรื่องราวภายนอกบ้าง เจ้าก็เอาแต่พูดเรื่องที่ไม่น่าฟัง ทำให้รู้สึกเสียใจจริงๆ”
เขาเห็นสีหน้าตื่นตกใจของหยู่เหวินเห้า ก็รู้สึกว่าตัวเองพูดเกินไปอยู่บ้าง แต่ในขณะที่คนกำลังดีใจเป็นอย่างยิ่งก็ไม่อยากจะพูดเรื่องที่น่าเบื่อเหล่านี้กับเขา จึงได้พูดเสียงเรียบเฉยว่า “อีกสองวันข้าก็จะออกเดินทางแล้ว พรุ่งนี้จะจัดงานเลี้ยงที่จวน ระหว่างที่เจ้าถูกกักบริเวณจะออกไปไม่ได้ ข้าจะสั่งให้คนส่งเหล้ามาให้เจ้า นับว่าเจ้าอวยพรข้าก่อนเดินทาง”
พูดจบเขาก็เดินจากไป
หยู่เหวินเห้ารู้สึกเหมือนถูกตบหน้า ไม่ใช่เพราะพี่รองสงสัยในคำพูดของเขา ที่จริงตอนนี้ก็ควรจะเป็นเวลาที่ดีใจ พูดเรื่องเหล่านี้ย่อมเป็นการทำลายบรรยากาศ เขาไม่โทษเรื่องนี้
ที่เขารู้สึกมึนงงก็คือเขาบอกว่าในช่วงเวลาที่คุมอำนาจไม่เคยจะช่วยเหลือเลื่อนตำแหน่งให้เขา คำพูดนี้พูดออกมาในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าในใจของเขาติดใจเรื่องนี้มาตลอด แต่เขาไม่เคยพูดมาก่อน
ทังหยางฟังอยู่ด้านนอก หลังจากอ๋องซุนจากไปแล้ว ทังหยางก็เข้ามาพูดว่า “พระองค์อย่าเอามาใส่ใจเลย อ๋องซุนมองคนในแง่ดีเกินไปแล้ว คิดว่าอ๋องอันสนับสนุนเขาด้วยความหวังดี ”
หยู่เหวินเห้ายิ้มขม “ที่จริงเขาเองก็ใส่ใจเรื่องที่ข้าไม่เคยให้การสนับสนุนเขามาก่อน ที่จริงไม่ใช่ข้าไม่อยากจะช่วยเขา เพียงแต่นิสัยเขาค่อนข้างจะเฉื่อยชา สติรับรู้ถึงอันตรายก็มีไม่พอ ถ้าหากสามารถดำรงอยู่ในตำแหน่งที่ว่างงานจะเข้าท่าที่สุด มีชีวิตสงบเรียบง่ายไม่ดีตรงไหน ถ้าหากข้าเลือกได้ ก็ยินดีจะเป็นแค่ท่านอ๋องที่มีเกียรติคนหนึ่ง”
“ย่อมต้องมีสักวัน อ๋องซุนจะรู้ว่าที่จริงท่านนั้นต้องการจะปกป้องเขา”ทังหยางพูด
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า “บางทีอาจเป็นข้าที่คิดผิดมาตลอด ข้าคิดว่าเขาเหมาะที่จะเป็นท่านอ๋องที่ว่างงาน ไม่ได้หมายความว่าเขาเองก็อยากจะเป็นท่านอ๋องที่ว่างงาน คนเราเกิดมาบนโลกนี้ ใครบ้างจะไม่มีความมุ่งมั่นพยายาม เขาเองก็เป็นลูกหลานที่เกิดมาในราชวงศ์ อยากจะทำงานสักอย่างแล้วผิดอะไร ”
“อยากจะทำงาน ก็ต้องมีความสามารถที่เหมาะสม”ที่จริงทังหยางรู้สึกว่าอ๋องซุนเป็นท่านอ๋องที่มีเกียรติและร่ำรวยอยู่อย่างสุขสบายก็ดีมากแล้ว รับตำแหน่งที่ไม่มีงานในวัดหงหรู เข้างานตามเวลาทุกวัน ดีมากแค่ไหน
อย่างน้อย ก็ไม่ต้องเผชิญความเสี่ยงมากมาย บางคนเกิดมาก็ไม่สามารถแบกรับความเสี่ยงใดๆได้ ไม่มีความสามารถด้านนี้ แค่ควบคุมจิตใจตัวเองให้ดีก็พอ
อ๋องซุนกลับจวนอ๋องด้วยอารมณ์โมโห พระชายาซุนเห็นเขาออกไปจากจวนด้วยท่าทีดีใจแต่กลับมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง ก็ถามเขาว่า “ใครแหย่ท่านให้โมโหขนาดนี้”
อ๋องซุนนั้นไม่เคยมีเรื่องปิดบังพระชายาซุน เอ่ยอย่างโมโหว่า “เดิมคิดว่าน้องห้องจะดีใจกับข้าด้วย ไหนเลยจะรู้ว่า มีแต่คำพูดเย็นชาเยาะเย้ย บอกว่านี่อาจจะเป็นแผนการร้ายที่น้องสี่วางเอาไว้ น่าเบื่อมาก เขามองว่าข้าไม่มีความสามารถ สร้างผลงานไม่ได้ ดูถูกข้า”
พระชายาซุนเอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร น้องห้าไม่ใช่คนอย่างนั้น ท่านเข้าใจความหมายเขาผิดไปหรือเปล่า”
“ไม่ได้เข้าใจผิด เขายังคอยกำชับให้ข้าระวังนั่นระวังนี่ กระทั่งบอกกับข้าว่าไปถึงประเทศซู่แล้วแม้แต่คำพูดก็พูดให้น้อยหน่อย ราวกับว่าข้าเป็นคนโง่ ยังต้องคอยชี้แนะว่าข้าควรพูดอย่างไร ”