บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 870 ผลลัพธ์ของการเลือก
แคว้นต้าโจวกำลังเปิดศึกกับประเทศซู่และเป่ยโม่ คนสอดแนมก็มีข่าวสารกลับมา บอกว่าประเทศซู่กักตัวทูตของหกประเทศไว้เป็นตัวประกัน ต้องการให้ประเทศอื่นที่เหลือดูอยู่เฉยๆ ไม่ต้องเข้าร่วมเรื่องสงคราม
หนังสือราชการของประเทศซู่ก็มาถึงอย่างรวดเร็ว หากว่าเป่ยถังสามารถตัดความสัมพันธ์กับแคว้นต้าโจวได้ หลังจากโจมตียึดแคว้นต้าโจวแล้ว มอบสองคูเมืองให้เป็นการแสดงความขอโทษ
ภายนอกเป่ยถังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากใจทั้งสองด้าน แต่ความเป็นจริงเป็นไปไม่ได้ที่จะตัดความสัมพันธ์กับแคว้นต้าโจว เพราะทันทีที่ประเทศซู่และเป่ยโม่เข้าบุกยึดแคว้นต้าโจว เป้าหมายต่อไปก็คือเป่ยถัง
เป่ยถังและแคว้นต้าโจวก็คือปากและฟันที่พึ่งพาอาศัยกัน และเป็นพันธมิตรอยู่ก่อนล่วงหน้า หากว่าล่วงละเมิดพันธสัญญา ผิดคำพูดต่อทั้งโลก จะถูกคนทั้งโลกเหยียดหยาม
และเป่ยถังได้มีการเตรียมตัวต้องการจะทำสงครามนี้ตั้งนานแล้ว ดังนั้น ภายนอกฮ่องเต้หมิงหยวนยินยอมเจรจากับประเทศซู่ แต่หยู่เหวินเห้าก็เริ่มจัดกำลังพลไว้ล่วงหน้า รอหลังจากที่แคว้นต้าโจวส่งจดหมายมา ก็ต้องออกเดินทางแล้ว
ในจวนอ๋องฉู่ ก็ตึงเครียดเป็นประวัติการณ์
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาเคยขึ้นสนามรบหลายครั้งแล้ว แต่เวลานั้นพวกเขาไม่รู้จักกัน แม้ว่าจะรู้จากผู้อื่นว่าคะแนนการทำศึกของเขาเหล่านั้นจะผ่านพ้นอุปสรรคไปได้อย่างสงบ แต่ตอนนี้ให้เขานำทัพไปออกไปเผชิญสงคราม หยวนชิงหลิงก็ยังเป็นห่วงแทบจะไม่ไหว
คนที่มาจากในโลกที่สงบสุข ต่อคำว่าสงครามสองคำนี้ล้วนหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ไม่มีปัญญาจินตนาการได้ว่าโหดร้ายมากเพียงใด
วันนี้ สวีอีพาเจ้าอาวาสมาแล้ว
อากาศอบอุ่นขึ้นมากแล้ว เจ้าอาวาสสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ สีหน้าแดงระเรื่อทะลุสีขาว น่าจะใช้ชีวิตอย่างสบายใจเป็นอย่างมาก
ขณะที่เจ้าอาวาสมา หยู่เหวินเห้ายังอยู่ในกองทัพ หยวนชิงหลิงเตรียมอาหารเจเชิญเขาฉันอาหาร หลังจากฉันเสร็จ ก็รีบเชิญเขาเข้าในห้องหนังสือ รินน้ำชาให้เขาด้วยตัวเอง
เจ้าอาวาสนั่งลงบนเก้าอี้ มองดูหยวนชิงหลิงด้วยท่าทางแบบพระอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงที่บรรลุธรรม “คารวะพระชายารัชทายาท น้อมทักทายต่อพระชายารัชทายาท ท่านเชิญอาตมามาอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ มีเรื่องอันใดกัน?”
หยวนชิงหลิงกดมือไว้ “แค่เราสองคน ก็ไม่ต้องพูดคำถ่อมตัวอะไรแล้ว ข้ามีไม่กี่คำถามต้องการจะถามท่าน”
เจ้าอาวาสอมยิ้มมุมปาก “อ๋อ? ในที่สุดก็ต้องการถามแล้ว?”
“ท่านรู้ว่าข้าต้องการถามอะไร?” หยวนชิงหลิงมองดูเขา ประหลาดใจเล็กน้อย
“ไม่รู้ แต่ รู้สึกว่ารุ่นพี่น่าจะมีเรื่องต้องการจะถามข้า” เจ้าอาวาสยิ้มแล้วกล่าว
หยวนชิงหลิงก็ไม่อ้อมค้อมกับเขาแล้ว กล่าวตรงๆ: “เป็นเรื่องของเด็กๆ ข้าพบว่าพวกเขาแตกต่างกับคนปกติ……”
เจ้าอาวาสตะลึงเล็กน้อย ขัดจังหวะคำพูดของนาง “เรื่องของเด็กๆ แต่ก่อนข้าเคยบอกกับท่านไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ? พวกเขาแตกต่างจากคนธรรมดาแน่นอน พันธุศาสตร์ท่านก็คุ้นเคยนี่นา”
“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ นี่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพันธุศาสตร์? ร่างกายนี้ของข้าล้วนไม่ใช่ร่างเดิมของข้า ท่านคงไม่ได้จะบอกข้าว่าถ่ายทอดกรรมพันธุ์ทางจิตวิญญาณหรอกนะ”
“เช่นนั้นท่านก็อธิบายมาหน่อย ทำไมร่างกายนี้ของท่านถึงมีความสามารถพิเศษได้? ท่านสามารถฟังคำพูดของสัตว์เข้าใจ ท่านสามารถควบคุมกล่องยาได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องของสมองของท่าน ร่างกายนี้หากว่าไม่ใช่ท่าน ทำไมถึงสามารถทำสิ่งเหล่าได้ล่ะ?”
“ข้าคิดอย่างลึกซึ้งเป็นร้อยรอบก็ไม่เข้าใจ แม้ว่าร่างกายเดิมของข้าจะฉีดยาเข้าไปแล้ว แต่การตอบสนองทั้งหมดก็น่าจะเกิดขึ้นในร่างกายร่างนั้น”
“ดังนั้นข้าถึงบอกว่า จุดสิ้นสุดของวิทยาศาสตร์ อาจจะเป็นเทววิทยาไงล่ะ ท่านยังไม่เชื่อคำพูดของข้าอีกหรือ?”
“ข้าบอกไม่ได้แล้วว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ จะบอกว่าข้าไม่เชื่อ จิตวิญญาณของข้าก็อาศัยอยู่ในร่างกายของคนอื่นจริง แต่หากบอกว่าเชื่อ จิตวิญญาณอยู่ที่อื่น แล้วเป็นอะไรที่ส่งเสริมให้เป็นอีก? ข้าได้ฉีดยาเข้าในร่างกายเดิมของข้า ทำไมส่งผลกระทบได้ถึงร่างกายที่ข้ามกาลเวลาได้? ถึงกระทั่งยังสามารถถ่ายทอดพันธุกรรมต่อไปได้อีก เหล่านี้ล้วนไม่สามารถอธิบายออกมาได้”
“อันที่จริงเรื่องราวที่มนุษย์ไม่สามารถอธิบายได้ชั่งมากมายนัก ทำไมท่านต้องคิดไม่ตกด้วยล่ะ?” เจ้าอาวาสรู้สึกว่าความคิดของนางมีความคิดวิตกกังวลไปเองโดยแท้จริง
“ข้าก็เป็นคนทำการวิจัย จะไม่ให้ฉงนได้อย่างไร? ท่านไม่อยากรู้ว่าทำไมหรือ?” หยวนชิงหลิงกล่าว
“อยากสิ ดังนั้นข้าถึงได้ฝึกฝนอยู่ตลอด” เจ้าอาวาสพูดอย่างมั่นใจ
นางถลึงตา รู้สึกว่ามีช่องว่างระหว่างวัยอย่างมากกับเขา
เจ้าอาวาสเห็นนางกังวลจริงๆ โบกมือแล้วกล่าว: “ได้ ไม่ถกกันอันนี้แล้ว ต้องมีสักวันหนึ่ง เมื่อมนุษย์ฉลาดพอ ท่านจะรู้ถึงคำที่พูดในวันนี้ ชั่งตื้นเขินเสียนี่กระไร เรื่องของเด็กๆ ท่านก็ไม่จำเป็นต้องคิดวกวน พวกเขาคือการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของท่านจริงๆ ร่างกายนี้ของท่านก็ควบคุมโดยสมองเดิมของท่าน พอวันหนึ่ง เมื่อสมองนั่นของท่านไม่สามารถควบคุมร่างกายร่างนี้ของท่านได้ ท่านก็อาจจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว”
ใบหน้าของเขาเคลื่อนไปด้านหน้าเล็กน้อย หรี่ตามองดูหยวนชิงหลิง “ข้าคิดว่า วันนี้ท่านต้องการจะถามเรื่องของตัวท่านเองซะอีก”
หยวนชิงหลิงตกใจ “เวลาที่สมองของข้าไม่สามารถควบคุมร่างกายร่างนี้ได้ ข้าจะตายไปหรือ?”
“ไม่รู้ แต่ฤทธิ์ของยาจะต้องหมดไป ท่านรู้หรือไม่?”
จิตใจของหยวนชิงหลิงกระวนกระวายเล็กน้อย “หมายความว่าอะไร?”
“ยาที่ท่านฉีด ปริมาณไม่ได้นับว่ามาก ในระหว่างนั้นท่านรู้สึกตัวว่าข้ามเวลาแล้วควบคุมร่างกายนี้ และให้กำเนิดลูก ดูเหมือนว่าเหล่านี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับร่างกายเดิมของท่าน แต่ที่สูญสิ้นไปทั้งหมดล้วนเป็นพลังงานของสมองในร่างกายเดิมของท่าน พูดให้ชัดเจนหน่อยก็คือยาที่ท่านได้ฉีดทั้งหมด เซลล์สมองของท่านกำลังตายไป ท่านรู้หรือไม่?”
“เซลล์สมองของทุกคนล้วนต้องตายไป” หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างอ่อนโรยไร้กำลัง
“คนปกติเป็นเช่นนี้ แต่ท่านไม่ใช่คนปกติ”
“นี่ก็คือจุดที่ข้าไม่เข้าใจ แม้ว่ายาที่ข้าฉีดได้ดัดแปลงพันธุกรรมของข้าแล้วหรือว่าปล่อยสมอง…….” หยวนชิงหลิงชะงักครู่หนึ่ง ไม่ ไม่ นี่ก็คือหัวข้อที่นางวิจัย หลังจากที่สมองพัฒนา พลังงานอื่นไร้ขีดจำกัด ตอนนี้สิ่งเหล่านี้ที่นางได้เผชิญ บางทีอาจจะเป็นการขยายออกของพลังงาน
เจ้าอาวาสมองดูนาง ในที่สุดก็กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง: “การตระหนักรู้ของคนแปลกประหลาดมาก มีบางครั้งสามารถเลือกได้เอง พวกเรามักจะพูดว่า จิตวิญญาณเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง แต่ตอนนั้นที่ท่านฉีดยาก็เพื่อเพิ่มพลังงานของท่าน ตอนนั้นขณะที่ร่างกายนั่นไม่มีทางที่จะรับพลังงานที่แผ่ออกของปริมาณยาที่ท่านฉีดได้ พลังงานได้เลือกวิธีการหนึ่งในการอยู่รอดด้วยตัวเอง ก็คือข้ามเวลา ควบคุมร่างกายที่ตายไปแล้วร่างหนึ่ง แต่กระบวนการเลือกนี้ ก็ยังคงมีเหตุผล สำหรับเหตุผลคืออะไร ข้ายังสืบเสาะอยู่ บางที หลังจากนี้ไม่นานก็จะกระจ่างแล้ว”
หยวนชิงหลิงนิ่งเงียบครู่หนึ่ง เอ่ยถาม: “เมื่อครู่ท่านบอกว่าฤทธิ์ยาของข้าจะหมดแล้ว จากที่ท่านวิเคราะห์ หากว่าหมดฤทธิ์ยาแล้วก็ไม่สามารถควบคุมหรือใช้ร่างกายร่างนี้ได้อีก เช่นนั้นข้าก็จะตาย ใช่ไหม?”
“เป็นเช่นนี้ แต่ท่านสามารถเลือกที่จะฉีดต่อได้”
“ฉีดต่อ? ข้าจะเอายามาจากไหน?”
เจ้าอาวาสมองดูนาง “ข้าเคยบอกท่านแล้ว ในยุคสมัยที่ข้าอยู่ หวนคิดถึงเรื่องราวในอดีตของท่าน หลังจากที่ท่านตาย ข้างกายท่านพ่อท่านแม่ของท่านมีลูกสาวบุญธรรมคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา”
หยวนชิงหลิงมองดูเขาด้วยความตะลึง “ความหมายของท่าน……”
“ใช่แล้ว” เขามองดูนางด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง “ต้องการยืมพลังงานของข้า ก็เอ่ยปากได้เต็มที่ จากที่ข้ารู้ ตอนนี้พลังงานของท่านไม่เพียงพอให้ท่านกลับไป”
“ท่านสามารถทำได้? เช่นนั้นทำไมท่านไม่กลับไป?”
“ข้าสามารถทำได้เพียงกลับไปด้วยจิตใต้สำนึก แต่พลังงานของข้าไม่มีปัญญาเลือกร่างกายร่างหนึ่งในยุคที่ข้าอยู่เพื่อให้ข้ามีชีวิตอย่างปกติได้ มีเพียงที่นี่ที่เดียวที่ทำได้ นี่คือผลลัพธ์จากการเลือกของพลังงาน ข้าไม่สามารถขัดขืนได้”
จิตใจของหยวนชิงหลิงสับสนเป็นที่สุด “เช่นนั้น หากข้ากลับไป จะกลับไปช่วงเวลาใด? ก่อนหน้าจะแช่แข็งหรือ?”
“ข้าไม่กล้ารับรอง”
หยวนชิงหลิงเอ่ยถามอีก: “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าหลังจากข้าฉีดยาแล้ว ความตระหนักรู้ของพลังงานจะเลือกร่างกายร่างนี้ในยุคนี้เพื่อข้าต่อ?”
เจ้าอาวาสส่ายหน้าช้าๆ “นี่ก็ไม่แน่”