บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 872 ท้องอีกแล้ว
หลังจากสองวัน หยู่เหวินเห้าถูกแต่งตั้งให้เป็นจอมพลพิทักษ์แคว้นโจว เจ้าฮู่พ่อของฮู่เฟยเป็นแม่ทัพ นำทัพทหารและม้าแสนคนออกจากเมืองหลวง
องค์ชายเก้าหยู่เหวิยเทียนออกรบครั้งแรก ติดตามทัพใหญ่ไปด้วยเหมือนกัน
หยวนชิงหลิงไปส่งถึงประตูเมือง จัดเสื้อคลุมนักรบให้กับหยู่เหวินเห้าด้วยตนเอง พร้อมพูดขึ้นด้วยแววตาแน่วแน่ว่า “ข้ารอเจ้ากลับมา”
อยู่ในขบวนกองทัพ เขาไม่สามารถโอบกอดนางได้ เพียงแค่จับมือของนางไว้พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าวางใจ การรบในครั้งนี้จะต้องได้รับชัยชนะ สามเดือนให้หลัง มารับข้าที่นี่”
เขามองดูนางอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง หันหลังสะบัดเสื้อคลุมแล้วขึ้นบนหลังม้า
กลองส่งสัญญาณออรบดังขึ้น กองทัพเริ่มออกเดินทาง ธงโบกโบยบินขึ้น ออกเดินทางอย่างขะมักเขม้น
งานแต่งงานของอ๋องฉีกับหยวนหย่งอี้ ไม่ได้จัดอย่างยิ่งใหญ่ จัดเรียบง่ายอย่างมาก เพราะสาเหตุมากมาย เป็นการแต่งงานครั้งที่สอง ต้องไปออกรบ และสาเหตุที่สำคัญที่สุดก็คือหยวนหย่งอี้ท้องแล้ว เมื่อนับดูแล้ว เป็นครั้งที่ไท่ซ่างหวงวางยาพอดี
อ๋องฉีรักษาการแทนตำแหน่งเจ้ากรมการพระนคร ถึงแม้จะเป็นการรักษาการแทน แต่ก็ถือว่าได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว ได้แต่งงาน ภรรยาตั้งครรภ์ ได้เลื่อนตำแหน่ง อ๋องฉีนับว่าได้ใช้ชีวิตมาถึงจุดสุดยอดของชีวิต
เขามาขอร้องหยวนชิงหลิง ให้หยวนชิงหลิงช่วยครรภ์ให้กับหยวนหย่งอี้ อย่างตื่นเต้น
หยวนชิงหลิงยังลังเลกับเรื่องที่จะกลับไปรับการฉีดยา ใช่ว่าไม่เชื่อเจ้าอาวาส เพียงแค่รู้สึกว่ายังมีข้อสงสัยมากมายเกินไป เจ้าอาวาสวิเคราะห์ให้นางฟังเยอะแยะ แต่สุดท้ายกลับเสนอตัวออกมาเอง อีกอย่างรู้จักเจ้าอาวาสมานานขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่เห็นแสงเรืองรองในสายตาของเขา
นางเข้าใจความมุ่งมั่นของนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ แต่ที่จริงนางเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า หากยาตัวนี้ถูกพัฒนาการเผยแพร่ออกไป อาจก่อให้เกิดความวุ่นวาย จะมีการเปลี่ยนอะไรบางอย่าง และถ้าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น นางไม่มีทางรู้เรื่อง ไม่สามารถร่วมแก้ปัญหา
นางมั่นใจว่ายาที่นางพัฒนาแต่แรกถูกทำลายไปแล้ว หากเจ้าอาวาสกลับไป แปลว่าทุกอย่างต้องเริ่มต้นใหม่ จะสามารถพัฒนาได้ภายในสามเดือนไหม แล้วฉีดเข้าร่างกายของตัวเอง สิ่งนี้ก็ไม่สามารถรู้ได้เช่นกัน
ความไม่แน่นอนต่างๆ ทำให้นางตกอยู่ในห้วงแห่งความขัดแย้ง
คิดอย่างเป็นธรรม เจ้าอาวาสไม่ใช่คนเลว ไม่มีความทะเยอทะยานอะไรมากมาย เป็นความความหลงใหลยึดติดอย่างหนึ่งเท่านั้น วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไปอย่างต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับคนประเภทนี้ เดิมนางก็เคยเป็นเช่นนี้
เดิมเจ้าอาวาสพูดว่าจะอยู่ที่จวนอ๋องสองสามวัน แต่ก็ไม่ได้คำตอบของหยวนชิงหลิง อยู่มาจนนานกว่าครึ่งเดือนแล้ว
ภายในครึ่งเดือนนี้ไม่ทักถาม รออยู่อย่างสงบจิตสงบใจ แต่เมื่อถึงวันที่สิบหก เขามาหาหยวนชิงหลิง ขอให้นางรีบตัดสินใจ เพราะหากยืดเยื้อ ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อนาง
หยวนชิงหลิงไปหาท่านย่าหยวน เล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง
ท่านย่าหยวนตั้งไจฟังสิ่งที่นางเป็นกังวล พร้อมพูดขึ้นว่า “หากเจ้ากลับไป เจ้าอาจจะไม่ได้กลับมาอีก ความเสี่ยงนี้มีมากกว่า เจ้าสามารถยอมรับความเสี่ยงที่จะต้องสูญเสียสามีและลูกได้ไหม?”
สิ่งที่หยวนชิงหลิงสับสนที่สุดก็คือสิ่งนี้ นางส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าจะรับได้ได้อย่างไร?”
“งั้นเจ้าก็สามารถเลือกได้เพียงเชื่อถือเขา ไม่งั้นเจ้าก็ต้องเตรียมพร้อมสละทุกอย่างที่นี่ แบบนี้โหดร้ายกับสามีและลูกของเจ้าเกินไป”
หยวนชิงหลิงนิ่งเงียบ ใช่ หากนางกลับไป จะต้องเตรียมพร้อมสละทุกอย่างที่นี่จริงๆ
มาที่นี่สามปีกว่าแล้ว ญาติ เพื่อน นักเรียน ผู้ป่วยที่อยู่ที่นี่ เครือข่ายความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์ นางจะปล่อยวางได้ไหม?
“แน่นอนว่า เจ้ากลับไปแล้วใช่ว่าจะไม่มีอะไรดี อย่างน้อยก็สามารถได้อยู่กับพ่อแม่พี่ชาย และยังสามารถทำงานวิจัยของเจ้าต่อ” ท่านย่าหยวนมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าต้องชั่งน้ำหนักเองว่าใครสำคัญกว่ากัน”
“วัดกันไม่ได้เลย” หยวนชิงหลิงถอนหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านย่า นี่จะสามารถวัดได้อย่างไร? พ่อแม่ญาติพี่น้องลูกและสามี ต่างมีความสำคัญต่อข้าเหมือนกัน”
“นี่ก็คือความทุกข์ของการเลือก หากไม่มีทางเลือก เจ้าก็สามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างสงบ” ท่านย่าหยวนรู้ถึงความลำบากใจของนาง กุมมือของนางไว้พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงใจว่า “พ่อแม่ของเจ้ารู้แล้วว่าเจ้าอยู่ที่นี่ รู้ว่าเจ้ามีชีวิตที่สุขสบายดี พวกเขาสามารถวางใจได้ แต่เจ้าห้ากับลูก พวกเขาต้องการเจ้ายิ่งกว่า”
ท่านย่าหยวนพูดพร้อมกับนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย นางค่อยๆสัมผัสชีพจรที่หลังมือ พร้อมพูดขึ้นอย่างดีใจว่า “หลิงเอ๋อ เจ้าตั้งครรภ์แล้ว”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างมึนงงว่า “นี่เป็นไปได้อย่างไร?”
“เจ้าไม่รู้ตัวหรือ?” ท่านย่าหยวนหัวเราะอย่างเบิกบาน ดีใจเป็นที่สุด
หยวนชิงหลิงเอากล่องยามาเปิดออก แล้วก็เห็นข้างในเต็มไปด้วยที่แถบที่ตรวจครรภ์ นางหัวเราะอย่างขมขื่น พร้อมพูดขึ้นว่า “มาไม่ได้จังหวะจริงๆ”
ท่านย่าหยวนพูดขึ้นด้วยความโกรธว่า “ไม่ได้จังหวะยังไง? ข้าเห็นว่าได้จังหวะอย่างมาก อย่างน้อยก็ช่วยเจ้าเลือกแล้ว”
นางถอนหายใจ นั่นก็จริง
เพียงแต่ไม่เข้าใจอย่างที่สุด ตั้งแต่หลังจากคลอดลูกแล้วอยู่กับเจ้าห้า แทบจะใช้วิธีคุมกำเนิดตลอด เพียงแค่อัตราหนึ่งถึงสองที่ไม่ได้ป้องกัน ก็ท้องแล้วหรือ? และที่สำคัญที่สุดก็คือ ช่วงนี้ต่างคนต่างก็งานยุ่ง อยู่ด้วยกันน้อยครั้งมาก
คิดถึงความทุกข์ยากที่ท้องแฝดสาม หยวนชิงหลิงกลัวอย่างมากจริงๆ เคยปรึกษากับเจ้าห้าแล้วว่าจะไม่คลอดอีก คิดไม่ถึงว่าจะท้องขึ้นมาอย่างสุดวิสัยเช่นนี้
และเจ้าห้าก็ไปออกรบแล้ว อีกสามเดือนกลับมา เห็นนางอุ้มท้องโต จะตกใจจนอึ้งไหม?
นางกลับไปตรวจเอง แล้วก็อดไม่ได้ ที่จะชื่นชมความสามารถในการตรวจชีพจรของท่านย่า บนแถบที่ตรวจครรภ์ ปรากฏสองขีดพอดี ยังค่อนข้างจาง นางลองคำนวณเองดูแล้ว เป็นความผิดที่กระทำ ในสองคืนก่อนที่เจ้าห้าจะออกรบ
ตั้งครรภ์แล้ว หยวนชิงหลิงรู้สึกเหมือนครรภ์แรก ในใจไม่ได้มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง มักจะรู้สึกว่าลูกมาได้อย่างไม่ใช่จังหวะ เวลาที่เหลือของนางก็ไม่ถึงสองเดือนครึ่งแล้ว
แต่ตอนที่ท้องครรภ์แรกไม่ได้เตรียมตัวอย่างดี ตอนนี้นางกลายเป็นคุณแม่ลูกสามอย่างภาคภูมิใจแล้ว แม้ว่าครรภ์ที่สองจะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่นางก็คิดในแง่ดี บางทีอาจจะเป็นอย่างที่เจ้าอาวาสพูด ทุกอย่างล้วนเป็นการวางแผนอย่างดีที่สุด
นางเขียนจดหมายฉบับหนึ่งให้กับเจ้าอาวาส ให้เขามอบให้กับพ่อแม่ นางมีแฟลชไดร์ฟ ล็อคด้วยรหัสอยู่ในลิ้นชัก ในบ้านของนาง ข้อมูลในสถาบันวิจัยของนางทั้งหมดอยู่ข้างในนั้น รหัสก็เขียนไว้ในจดหมาย
เจ้าอาวาสตื้นตันในกับความเชื่อถือของนางมาก พูดรับประกันว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จ ให้นางได้สามารถมีชีวิตอยู่ที่นี่ต่อไปได้อย่างราบรื่น
หยวนชิงหลิงคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ในทันใด จึงพูดขึ้นว่า “เจ้าเคยพูดไว้ พ่อแม่ของข้ามีลูกสาวบุญธรรมคนหนึ่ง ที่อยู่กับพวกเขามากกว่าสิบปี หากข้าไม่ได้กลับไป ลูกสาวบุญธรรมคนนี้จะมาจากไหน? จะเป็นการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ไหม?”
เจ้าอาวาสมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นอย่างค่อนข้างลังเลว่า “รู้ไหมว่าหลังจากที่ข้ามาที่นี่ ทำไมถึงเลือกที่จะออกบวช?”
“ทำไม?” หยวนชิงหลิงนิ่งอึ้ง เหมือนจะไม่เคยได้ยินเขาพูดถึง
“เพราะหากข้าไม่ออกบวช ข้าก็จะต้องแต่งงาน”
“แต่งงานแล้วยังไงล่ะ?”
เจ้าอาวาสพูดขึ้นอย่างจนใจว่า “ยังไงข้ากลับไปในครั้งนี้ ประวัติศาสตร์ไม่เปลี่ยนแปลง ข้างกายพ่อแม่ของเจ้ายังคงมีลูกสาวบุญธรรมคนหนึ่ง นั่นก็คือข้า ข้าจะทำความกตัญญูกตเวทีแทนเจ้าอย่างดีที่สุด เล่าเรื่องทั้งหมดที่เจ้าอยู่ที่นี่ให้พวกเขาฟัง ให้พวกเขาได้วางใจ”
“เจ้า…..” หยวนชิงหลิงเอามือปิดปาก พร้อมพูดขึ้นอย่างตกใจว่า “ร่างกายที่เจ้าเลือก คือผู้หญิง? เจ้าจะเป็นผู้หญิง?”
เจ้าอาวาสมองดูนาง ยกมือพนม พร้อมพูดขึ้นว่า “ในสายตาของข้า ล้วนเป็นสรรพสัตว์ ไม่แยกชายหญิง”