บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 874 ไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนเจ้าได้
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 874 ไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนเจ้าได้
แม่นมสี่กับแม่นมฉีตามกลับมายังจวนอ๋อง ทั้งสองคนช่วยกันดูแลชีวิตประจำวันของหยวนชิงหลิง
คืนนี้ท่านย่าหยวนกลับมาพูดคุยกับหลานสาว อย่างรู้สึกผิดว่า “ตอนนี้เจ้าตั้งครรภ์ ที่จริงย่าน่าจะดูแลเจ้าให้ดี ยังไงข้าก็เป็นหมอ ข้าติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด ก็ค่อยวางใจได้บ้าง แต่ตอนนี้ข้าไปไหนไม่ค่อยได้ การบ้านของพวกเด็กๆข้าจะต้องคอยดูอย่างใกล้ชิด และตอนนี้นอกวิทยาลัยเปิดคลินิก ข้าต้องใช้เวลาทั้งช่วงเช้าเพื่อตรวจรักษาโรค อาจไม่สามารถดูแลเจ้าได้”
หยวนชิงหลิงเอนพิงอยู่ข้างกายท่านย่า หัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้อยากให้ท่านอยู่ในจวนเพื่อข้า ฝีมือศักดิ์สิทธิ์ระดับสมบัติของชาติของท่าน หากถูกข้าหน่วงเหนี่ยว จะมีผู้ป่วยข้างนอกมากมายแค่ไหนที่เกลียดข้า? นักเรียนมากมายแค่ไหนที่เกลียดข้า?”
ท่านย่าหยวนหัวเราะพร้อมทั้งส่ายหัว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นอย่างขมขื่นเล็กน้อยว่า “ความตั้งใจที่ข้ามาที่นี่ตั้งแต่แรกก็คืออยู่เป็นเพื่อนเจ้า ชั่วชีวิตของข้า ไม่ได้เป็นแม่ที่ดีคนหนึ่ง ไม่ได้เป็นท่านย่าที่ดีคนหนึ่ง เดิมคิดอยากที่จะชดเชย กลับคิดไม่ถึงว่ายังคงดื่มด่ำอยู่เช่นนี้”
“ท่านย่า เราเป็นหมอ” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
ย่าหลานทั้งสองคนมองตากันแล้วก็หัวเราะ มีความท้อแท้ ทุกข์ใจ สุขใจและภาคภูมิใจ
คนที่รู้ว่าหยวนชิงหลิงตั้งครรภ์มีไม่มาก แม้แต่อ๋องฉีสองสามีภรรยาก็ไม่ได้บอก
เดิมอยากที่จะบอกท่านชายสี่ แต่หลังจากเจ้าห้าออกไปรบ ท่านชายสี่ก็ไปจากเมืองหลวงแล้ว ไม่รู้ว่ามีงานยุ่งอะไร แต่ถึงแม้จะไม่บอก หยวนชิงหลิงก็พอรู้ว่าน่าจะเป็นเรื่องของพี่รอง
ภายในวังก็ไม่ได้บอก เพื่อไม่ให้เสด็จพ่อกับหวงกุ้ยเฟยตื่นเต้นจนเกินไป จนกลายเป็นความกังวล
แต่ได้บอกฮูหยินเหยาแล้ว
พระชายาจี้คนเก่าคนนี้ ตอนนี้มีตำแหน่งเป็นฮูหยินตราตั้ง ชีวิตเรียบง่ายสงบสุขมากขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก หยวนชิงหลิงมอบน้องหมาน้อยให้นางหนึ่งตัว นางจึงอยู่กับน้องหมาทั้งวัน วางใจที่จะยกลูกทั้งสองให้กับหยวนชิงหลิงกับทางด้านครอบครัว
หยวนชิงหลิงบอกนางเรื่องตั้งครรภ์ ฮูหยินเหยาดีใจอย่างมาก พูดขึ้นอยากล้อเล่นว่า “ครั้งนี้ยังจะเป็นแฝดสามไหม?”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างตื่นตกใจว่า “เจ้าอย่าพูดไปเรื่อย มาอีกสามคน จะต้องวุ่นวายข้าตายแน่ ข้าอยากให้เป็นลูกสาว เห็นเมิ่งซิงเมิ่งเยว่พวกนางน่ารักขนาดนี้ ข้าอยากได้ลูกสาว”
“เรื่องพวกนี้เจ้าไม่สามารถควบคุมได้ ใช่ว่าเจ้าอยากคลอดอะไรแล้วจะสามารถคลอดอะไร ตอนแรกข้าอยากที่จะคลอดลูกชาย แน่นอนว่า ตอนนั้นมีอ๋องชินคนไหนไม่อยากได้ลูกชาย? แต่ไม่มีบุญวาสนาเหมือนดั่งเจ้า”
“ตอนนี้ทั้งสองพี่น้องว่าง่ายมาก ต้องรู้จักเพียงพอ ลูกชายหรือลูกสาวต่างก็เหมือนกัน” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
ฮูหยินเหยาพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่เข้าใจ มีลูกชายคนหนึ่ง ต่อไปพวกนางสองพี่น้องถึงจะมีครอบครัวตระกูลหนุนหลัง ไม่เช่นนั้น หากข้าตายไปแล้ว พวกนางก็จะน่าโดดเดี่ยวและลำบากยากแค้น ไม่มีครอบครัวตระกูลคอยหนุนหลัง”
หยวนชิงหลิงมองดูใบหน้าที่เป็นกังวลของนาง จับมือของนางไว้พร้อมพูดปลอบว่า “พวกนางจะต้องได้สามีที่ดี ต่อไปจะต้องมีบุญวาสนาอย่างมากแน่”
“นี่เป็นความหวังอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าแล้ว หวังว่าต่อไปสามีของพวกนางจะเป็นเหมือนอย่างเจ้าห้า มีความรับผิดชอบ รู้จักเอาอกเอาใจใส่” ฮูหยินเหยายิ้มมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ารู้ไหม? ภายในชายาราชวงศ์ คนที่มีความสุขที่สุดก็คือเจ้ากับพระชายาซุน ถึงแม้ชีวิตของเจ้าจะดูเหมือนโกลาหลวุ่นวาย แต่ภายในใจแน่วแน่ มีที่พึ่ง ต่อให้มีเรื่องใหญ่โตแค่ไหน ก็จะมีคนยืนออกมารวมทุกข์ร่วมสุขกับเจ้า อ๋องซุนเป็นคนไม่แยแส ไม่ต้องการสนใจขวนขวายอำนาจ เชื่อฟังภรรยา ทั้งสองสามีภรรยามีการหารือปรึกษากัน ถึงแม้จะไม่ได้มีลูกชายด้วยกัน แต่ก็มีชีวิตที่สดใส ไม่มีอะไรทำให้ต้องหงุดหงิดใจ”
หยวนชิงหลิงคิดดูแล้ว ก็พูดขึ้นว่า “พระชายาอาน ก็มีชีวิตอยู่อย่างไม่เลวเหมือนกัน”
“นาง?” ฮูหยินเหยาส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าสี่รักนาง แต่ไม่ได้ให้เกียรตินาง ดังนั้น ชีวิตความเป็นอยู่รู้เองแก่ใจเถอะ ส่วนเจ้าจะต้องมีความสุขต่อไป พวกเจ้าเป็นต้นแบบของสามีภรรยามากแค่ไหน? ความสัมพันธ์คู่รักขององค์ชายรัชทายาทเป่ยถัง จะต้องกลายเป็นเรื่องที่ถูกกล่าวขานกัน ไปทั่วทั้งเจ็ดแคว้นอย่างแน่นอน”
หยวนชิงหลิงรู้สึกกดดันขึ้นมาในทันใด ชีวิตแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคน จะเป็นต้นแบบของคนอื่นได้อย่างไร?
จู่ๆฮูหยินเหยา ก็พูดประโยคหนึ่งออกมาอย่างไม่สบายใจว่า “ไม่รู้ว่าตอนนี้อ๋องซุนสองสามีภรรยาจะเป็นอย่างไรบ้าง? ตกใจแย่แล้วมั้ง?”
โรงเตี๊ยมแคว้นซู่
ด้านนอกโรงเตี๊ยม ทหารแคว้นซู่คุ้มกันอย่างแน่นหนา โรงเตี๊ยมที่ครอบคลุมพื้นที่กว่าพันเอเคอร์ ระดมทหารม้ามากกว่าหมื่นมาเฝ้าไว้ อย่าว่าแต่คนจะออกไป แม้แต่แมลงวันจะบินออกไปยังถูกหั่นเป็นสองชิ้น
ทูตทั้งหกแคว้นทั้งหมด ถูกกักขังไว้ในโรงเตี๊ยม ถูกปิดข่าวอย่างเคร่งครัด หลังจากที่พวกเขามาถึงก็อยู่ในนี้ตลอดไม่เคยออกไป จากนั้นก็มีทหารมาเฝ้าไว้อยู่อย่างแน่นหนา มีคนในวังเคยมาส่งพระราชโองการ บอกว่าภายในแคว้นซู่ เกิดเหตุฉุกเฉินบางอย่าง เพื่อความปลอดภัยของพวกเขา ให้พวกเขารออยู่ในโรงเตี๊ยมอย่างใจเย็น รอแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
เริ่มแรกอ๋องซุน ยังคิดว่าเกิดเหตุฉุกเฉินในแคว้นซู่จริงๆ แต่เมื่อรอถึงสองวันปรากฏว่าผิดปกติอย่างมาก คนของพวกเขาออกไปไม่ได้ คนของแคว้นซู่ก็ไม่มีใครมา มีเพียงบ่าวใช้ในโรงเตี๊ยม คอยดูแลอาหารการกิน
อ๋องซุนที่เพิ่งมารู้ตัวอีกที ก็หลังจากถูกขังแล้วสามวัน ในที่สุดก็รู้ว่าตนเองถูกกักบริเวณแล้ว
เวลานี้อ๋องซุนคิดถึงคำพูดของหยู่เหวินเห้าขึ้นมา โกรธทั้งเสียใจ โกรธความโหดเหี้ยมของเจ้าสี่ เสียใจที่ตนเองไม่ฟังคำพูดของเจ้าห้า ยังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องเกือบร้าวฉาน
เขากับพระชายาซุน ถึงแม้จะเป็นคนของราชวงศ์ แต่เคยประสบกับเรื่องอันตรายเช่นนี้เสียที่ไหน? เป็นกังวลอยู่ทั้งวันทั้งคืน เป็นกังวลกับความปลอดภัยของตนเอง ยิ่งเป็นกังวลว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบทำให้เป่ยถังเดือดร้อน
พี่ซูหลงพูดวิเคราะห์กับพวกเขาว่า แคว้นซู่กักบริเวณทูตทั้งหกแคว้นเช่นนี้ เพราะต้องการเปิดศึกกับแคว้นต้าโจว ให้เป่ยถังกับแคว้นอื่นๆเฝ้าดูอย่างนิ่งดูดาย อีกห้าแคว้นอื่นจะไม่ลงมือ เพียงรอการศึกจบลงอย่างสงบ เพราะการกักบริเวณเช่นนี้ ยังไงแคว้นซู่ก็ต้องมีคำอธิบาย หากเพราะเหตุนี้แล้วสามารถได้แผ่นดินไปเมืองสองเมือง นั่นเท่ากับเป็นการได้มาอย่างไม่ต้องลงแรง
แต่เป่ยถังทำเช่นนั้นไม่ได้ เป่ยถังจะนิ่งดูดายไม่ได้ หากเป่ยถังส่งทหารไปสนับสนุน แคว้นซู่ก็อาจจะฆ่าพวกเขา เพื่อเป็นการเรียกขวัญและกำลังใจของทหาร
พระชายาซุนตกใจจนแทบเป็นลม พร้อมพึมพำพูดขึ้นว่า “โอ้สวรรค์ โอ้สวรรค์ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็จะต้องตายอยู่ในต่างแดนหรือ?”
พี่ซูหลงพูดขึ้นว่า “พระชายาไม่ต้องเป็นกังวลมาก ตอนที่มา องค์ชายรัชทายาทก็รู้แล้วว่า แคว้นซู่จะกระทำเช่นนี้ พระชายารัชทายาทได้จ้างคนที่มีวิชาศิลปะการต่อสู้ล้ำเลิศ คอยติดตามปกป้องคุ้มกัน ถึงแม้พวกเราจะออกไปไม่ได้ คนภายนอกก็เข้ามาไม่ได้ แต่สายลับถูกวางไว้แต่แรกแล้ว ตอนนี้เพียงรอโอกาสและจังหวะที่เหมาะสม พวกเราก็จะสามารถหนีออกไปได้ จะมีคนมารับพวกเรา”
พระชายาซุนได้ยินเช่นนี้ มองดูพี่ซูหลง พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายารัชทายาทก็รู้แต่แรกหรือ? ถึงว่านางพูดว่าไม่อยากให้ข้ามา”
“ไม่ผิด เรื่องนี้มีความอันตราย แต่ตอนนั้นไม่ว่าองค์ชายรัชทายาทหรือพระชายารัชทายาทพูดกับทั้งสอง ทั้งสองล้วนต่างไม่มีทางเชื่อ ดังนั้นพระชายารัชทายาทจ่ายสองแสนตำลึง จ้างยอดฝีมือห้าคนติดตามคอยคุ้มกัน สองคนที่คอยปรนนิบัติพระชายาทุกวัน ก็คือคนที่พระชายารัชทายาทจ้างมา ยังมีอีกสามคนแฝงตัวอยู่ในหมู่องครักษ์ คนห้านี้คือกุญแจสำคัญในการหลบหนีออกไปของพวกเรา”
พระชายาซุนร้องไห้ออกมา ร้องไห้ไปด้วยพูดไปด้วยว่า “สองแสนตำลึง นั่นไม่เป็นการเอาชีวิตนางหรือ นางจะยอมได้อย่างไร? นางประหยัดกับตนเองกับเจ้าห้าอย่างที่สุดขนาดนั้น? เจ้าห้ายังต้องพึ่งพาทุกคนเพื่อช่วยให้ดูดีมีฐานะ”
อ๋องซุนตบหน้าตัวเองอย่างแรงหนึ่งที พูดขึ้นอย่างขุ่นเคืองเสียใจว่า “มันสมองของข้าช่างเหมือนหมูจริงๆ”
พี่ซูหลงพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง พระชายา ตอนนี้เราจะกระวนกระวายไปเองไม่ได้ ในเมื่อเรื่องนี้องค์ชายรัชทายาทรู้แต่แรก และก็มีการเตรียมการไว้แต่แรกแล้ว เราเพียงแค่ทำตามกลยุทธ์ที่สอดคล้องกันก็พอ ในโรงเตี๊ยมยังมีทูตแคว้นอื่นอีกห้าแคว้น จะแสดงท่าทีกระวนกระวายให้คนอื่นหัวเราะเยาะไม่ได้ แคว้นใหญ่โต ก็ต้องไม่กลัวภัยสมกับเป็นแคว้นใหญ่”
อ๋องซุนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เสี่ยวซุ เจ้าพูดถูก ข้าจะกระวนกระวายไม่ได้ ไม่ว่ายังไงก็แค่ชีวิตหนึ่งเท่านั้น จะทำให้เป่ยถังขายหน้าไม่ได้”
พี่ซูหลงแอบโล่งอก ยังดีที่อ๋องซุนยังมีความมุ่งมาด หากเจอคนที่ไม่ดีเรื่องไม่เอาไหนจริงๆ งั้นครั้งนี้จะต้องแย่อย่างมากแน่