บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 878 ความลำบากใจของฮ่องเต้หมิงหยวน
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 878 ความลำบากใจของฮ่องเต้หมิงหยวน
อ๋องฉียังคงเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้หมิงหยวน ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อหมอหลวง แต่คิดว่าฝีมือทางการแพทย์ของหยวนชิงหลิงดีกว่า และทั้งสองไม่มีความขัดแย้งกัน สามารถที่จะปรึกษาหารือร่วมกันได้
หลังจากที่ฮ่องเต้หมิงหยวนปรึกษาภารกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ให้เขาเข้าเฝ้า
สำหรับลูกชายคนนี้ ฮ่องเต้หมิงหยวนให้ความรักใคร่และเอ็นดูตลอด เขาไม่มีความทะเยอทะยานอะไรมาก สองปีมานี้ยิ่งดูก็ยิ่งพัฒนาตนเอง โดยเฉพาะหลังจากที่เจ้าห้าออกไปรบ เขาสามารถทำงานดูแลกรมการพระนครได้เป็นอย่างดี
“เสด็จพ่อ ท่านทำเช่นนี้ ไม่เป็นการทำร้ายจิตใจพี่สะใภ้ห้าเกินไปหรือ” หลังจากที่อ๋องฉีพูดเล่าเสร็จแล้ว ก็เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับหยวนชิงหลิง อันที่จริงเขาเห็นพี่สะใภ้ห้าทำงานอย่างหนักด้วยตาตนเอง ทนดูไม่ไหวจริงๆ
ฮ่องเต้หมิงหยวนฟังคำพูดของเขาแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะโล่งใจ ค่อยๆเดินลงมา เดินเข้าไปนั่งในห้องโถงด้านในพร้อมกับเขา พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ข้าเรียกนางมาเข้าเฝ้า เคยถามว่าสามารถรับประกันได้ไหม นางไม่สามารถรับประกันได้”
คิ้วหนาตาโตของอ๋องฉีเต็มไปด้วยความกังวล พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จพ่อ ใครก็ไม่สามารถที่จะรับประกันได้ หมอหลวงก็ไม่สามารถรับประกันได้”
“ใช่ ในเมื่อหมอหลวงกับนางต่างก็ไม่สามารถรับประกันได้ แล้วทำไมจะต้องเป็นนางล่ะ?” ฮ่องเต้หมิงหยวนถามกลับ
“นี่….ลูกกับพระชายาต่างก็เชื่อใจพี่สะใภ้ห้า”
“พวกเจ้าเชื่อใจนาง แล้วจะต้องให้มาเสี่ยงอันตรายหรือ?”
อ๋องฉีอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เสี่ยงอันตรายอะไร?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ประสบการณ์ของเจ้ายังไงก็ยังมีน้อย คิดปัญหาก็เห็นเพียงภาพภายนอก หากพระชายารัชทายาทสามารถรับประกันกับข้าว่า จะสามารถรักษาลูกในครรภ์ของภรรยาเจ้าไว้ได้อย่างแน่นอน ข้าก็จะไม่พูดแบบนั้น แต่ตอนนี้นางเองก็ไม่สามารถที่จะมั่นใจได้ และหากครรภ์ของพระชายาอ๋องฉีไม่สามารถรักษาไว้ได้ จะตกเป็นผู้ต้องสงสัยในการประพฤติมิชอบไหม? จะมีคนสงสัยในตัวนางไหม? พี่ห้าของเจ้าทำศึกอยู่แดนไกล นางจะต้องเผชิญกับเรื่องมากมาย ความยากลำบาก กลายเป็นผู้ต้องสงสัย ถูกโจมตีล้วนไม่น้อยเลย หากครรภ์พระชายาอ๋องฉีเกิดปัญหาจริงๆ ไม่เท่ากับเป็นการส่งมีดสั้นให้กับคนที่คิดร้ายหรือ?”
อ๋องฉีพูดขึ้นอย่างตกใจว่า “ยังมีคนคิดปองร้ายพี่สะใภ้ให้หรือ? ใครช่างกล้าขนาดนี้?”
“หัวสมองของเจ้าช่างเลอะเลือน สองสามปีมานี้ คนที่จ้องทำร้ายพวกเขามีน้อยหรือ? เจ้าเป็นโอรสสืบสายเลือดโดยตรง สถานะสูงส่ง ลูกของเจ้าก็จะเป็นอะไรไปไม่ได้ และเพราะเช่นนี้ พี่สะใภ้ห้าของเจ้าจึงไม่ควรที่จะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่เช่นนั้น นางจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยคิดปองร้ายลูกของโอรสผู้สืบสายเลือกโดยตรง ต่อให้ไม่มีหลักฐาน ขอเพียงมีคนพูดเช่นนี้ออกมา ก็จะมีคนเชื่ออย่างมากมาย ไม่มีใครเชื่อในความรักมีไมตรีของญาติมิตรในราชวงศ์อย่างสมบูรณ์ พวกเขายอมที่จะเชื่อว่าคนเราต่างก็มีความคิดชั่วร้าย พี่ห้าของเจ้าในตอนนั้นหลังจากที่คลอดลูกได้แฝดสาม ก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายรัชทายาทในทันที ถึงแม้ต่อมาพี่ห้าของเจ้า แสดงให้เห็นว่าถึงมีความสามารถมีคุณธรรม…….”
อ๋องฉีร้อนใจ พูดตัดฮ่องเต้หมิงหยวนว่า “เสด็จพ่อ ในอ๋องฉินทุกคน ไม่มีใครเหมาะสมที่จะเป็นองค์ชายรัชทายาทได้เท่ากับพี่ห้า นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างก็รู้ดี ลูกคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำร้ายจิตใจพี่สะใภ้ห้า เพียงเพราะข่าวลือบางอย่างที่ยังไม่เกิดขึ้นพวกนี้”
ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นด้วยเสียงหนักแน่นว่า “งั้นข้าถามเจ้า หากข้าไม่ได้พูดเช่นนี้ ให้พี่สะใภ้ห้าของเจ้าดูแลครรภ์ภรรยาของเจ้าตลอด เมื่อไม่สามารถรักษาไว้ได้ คนอื่นพูดกับเจ้าว่าพี่สะใภ้ห้ามีความคิดส่วนตัว ตั้งใจที่จะไม่รักษาลูกของเจ้า เจ้าจะเชื่อไหม?”
“ไม่เชื่อ” อ๋องฉีตอบทันที
ฮ่องเต้หมิงหยวนแสดงสีหน้าน่าเกรงขาม พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เชื่อ? มีคนคนเดียวพูดกับเจ้า เจ้าอาจจะไม่เชื่อ มีคนสามคนพูด เจ้าก็อาจจะไม่เชื่อ แต่หากมีคนพูดเช่นนี้กับเจ้าตลอด พูดตลอดหนึ่งเดือนถึงสองเดือน เจ้ากล้าพูดว่า เจ้ายังคงเชื่อเหมือนเคยว่า พี่สะใภ้หาของเจ้าบริสุทธิ์ใจหรือ? เมื่อในใจของเจ้าเกิดความรู้สึกสงสัย คนที่ไม่หวังดีพูดกระตุ้นอีกนิด เจ้าที่เป็นองค์ชายสืบสายเลือดโดยตรงคนนี้ จะสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่ห้าของเจ้ามากแค่ไหน? หากเจ้าฉลาดหลักแหลมพอ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้”
อ๋องฉีฟังอย่างนิ่งอึ้ง เมื่อคิดดูดีๆแล้ว หากเสด็จพ่อไม่พูดกับเขาก่อน แล้วมีคนอื่นมาพูดกับเขาว่า พี่สะใภ้ห้าตั้งใจที่จะไม่รักษาลูกของเขาไว้ เขาจะเชื่อได้อย่างสนิทใจไหม?
เมื่อคิดอยู่เช่นนี้ ในใจของเขาก็เข้าใจแล้ว “ลูกเข้าใจแล้ว ขอบพระทัยที่เสด็จพ่อชี้แนะ งั้นทางด้านเสด็จแม่ ลูกก็ควรที่จะไปอธิบาย”
“ไม่ต้อง” ฮ่องเต้หมิงหยวนโบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “ให้นางส่งคนไปเฝ้าจับตาดูอยู่ที่จวนอ๋องฉีต่อไป คนของนางยิ่งเยอะ คนของคนพวกนั้นก็จะมีโอกาสกระทำเรื่องร้ายน้อยลง อีกอย่าง การขัดขวางของนางสามารถหยุดพี่สะใภ้ห้าของเจ้าได้ ปล่อยไปแบบนี้แหละ”
อ๋องฉีหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จพ่อ ท่านช่างเฉลียวฉลาดมีความสามารถยิ่งนัก”
ฮ่องเต้หมิงหยวนกวาดสายตามองดูเขาอย่างเรียบเฉย พร้อมพูดขึ้นว่า “หากล้วนเป็นเหมือนเจ้า แผ่นดินตระกูลหยู่เหวินคงพ่ายแพ้แต่แรกแล้ว”
อ๋องฉีหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “นั่นก็จริง นั่นก็จริง”
หลังจากอ๋องฉีออกมาจากวัง ตามที่หยวนชิงหลิงบอกก่อนหน้านี้นั้นว่า ให้เปิดประตูหลังไว้ให้กับนาง แล้วก็หลังจากรับนางเข้ามา ก็ทูลบอกเสด็จพ่อด้วย
หยวนชิงหลิงคิดไม่ถึงว่าเสด็จพ่อจะคิดเช่นนี้ จู่ๆภายในใจก็รู้สึกสับสนอย่างมาก ทั้งดีใจและเป็นกังวล
ดีใจที่เสด็จพ่อไม่ได้สงสัยในตัวนาง แต่กลับต้องการปกป้องนาง
เป็นกังวลที่หยวนหย่งอี้มีสภาพเช่นนี้ ไม่เป็นผลดีเลย หากไม่สามารถหยุดเลือดได้ ก็จะไม่สามารถรักษาลูกไว้ได้
ดังนั้น สุดท้ายนางจึงถามใบสั่งยาที่หมอหลวงใช้รักษาหยวนหย่งอี้ แล้วเอาไปให้ท่านย่าหยวนดู
หลังจากท่านย่าหยวนดูแล้ว ก็พูดขึ้นว่า “เป็นใบสั่งยาบำรุงครรภ์จริงๆ แต่ปริมาณยายังต้องมีการปรับปรุง ดีที่สุดควรให้ข้าตรวจดูชีพจรของนาง”
“งั้นเราไปด้วยกัน?” หยวนชิงหลิงคิดว่า หากท่านย่าไปน่าจะไม่มีข้อพิพาทอะไร
“ได้ พรุ่งนี้ไปเช้าหน่อย หลังจากเสร็จจากที่นั่นแล้วข้าค่อยไปโรงเรียน พรุ่งนี้มีสอบ ค่อนข้างสำคัญ” ท่านย่าพูดขึ้น
“ได้ เอาตามที่ท่านว่า” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
ท่านย่าหยวนมองดูนาง เห็นนางช่วงนี้ผอมลงอีกแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า “เจ้าเองยังไม่สามารถมีเวลาพักผ่อนดีๆ ยังต้องเหน็ดเหนื่อยกับเรื่องของคนอื่น ย่าเป็นห่วงเจ้าจริงๆ”
“ข้าสบายดี” หยวนชิงหลิงเอนพิงข้างกายท่านย่า พร้อมพูดขึ้นอย่างออดอ้อนว่า “ครั้งนี้มีท่านอยู่ข้างกาย สบายใจยิ่งกว่าตอนที่ท้องพวกขนมหวาน”
“เสียดายที่หลานเขยไม่อยู่” ท่านย่าหยวนยิ้มแย้มขึ้นมาอย่างรักใคร่ ยื่นมือลูบไล้ใบหน้าของนาง
“ไม่นานหลานเขยของเจ้าก็กลับมาแล้ว” หยวนชิงหลิงคิดถึงจดหมายที่เขาเขียนมาให้แล้วก็ขำ หยิบออกมาจากในกระเป๋าแขนเสื้อแล้วยื่นให้กับท่านย่า พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านดูลายมือของหลานเขยท่านสิ”
ท่านย่าหยวนเปิดจดหมายดู มองเห็นประโยคหลายประโยคธรรมดานั่นแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “หลานเขยของข้า ช่างเป็นคนซื่อตรงจริงๆ”
“แมนทั้งแท่งคนหนึ่ง”
ท่านย่าหยวนพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “เขาเหมือนท่านปู่มาก ย่าไม่รู้รู้เรื่องคำว่าผู้ชายแมนหรือไม่แมนของพวกเจ้า รู้เพียงว่าจะแต่งงานก็ต้องแต่งกับคนที่ซื่อตรง”
“ท่านย่า ท่านยังคิดถึงท่านปู่มากใช่ไหม?” หยวนชิงหลิงรู้ว่าท่านปู่กับท่านย่ารักกันมาก ตอนที่ท่านปู่จากไป ท่านย่าเสียใจนานมาก บนเตียงก็มักจะวางชุดนอนของท่านปู่ไว้ ข้างเตียงก็ต้องมีรองเท้าแตะของท่านปู่
พูดถึงคู่ชีวิต ท่านย่าหยวนพูดขึ้นด้วยสีหน้าคิดถึงเรื่องที่ผ่านมานานแล้วว่า “จะไม่คิดถึงได้อย่างไรล่ะ? แต่เราเคยสัญญาไว้ว่าจะเจอกันในภพหน้า เขาจะรอข้า ยังไงเราก็จะได้เจอกันอีก ชาติภพหน้าก็จะยังเป็นสามีภรรยากัน”
ในใจหยวนชิงหลิงค่อนข้างเจ็บปวด และคิดว่าความรักของพวกเขาเป็นที่พึงปรารถนามาก พวกเขาอยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต ยังรักเหมือนเดิม สัญญาว่าจะมีชีวิตอยู่ด้วยกันอีกในภพหน้า งดงามยิ่งนัก