บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 905 ไม่ฉีดยา
แสงไฟสลัว ปกคลุมไปทั่วทั้งห้องอย่างอ่อนโยนสวยงาม สายลมยามค่ำคืนด้านนอกก็ดียิ่งนัก ความเย็นสบายดุจฤดูใบไม้ร่วงพัดเข้ามาอย่างไร้สุ้มเสียง ความร้อนรุ่มในฤดูร้อนคงอยู่ได้แต่ระหว่างเตียงและฟูก ที่ค้นหาได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น
เหล้าฉลองความสำเร็จของคืนนี้ในวังหรือจะสู้การมีสาวงามมานอนข้างกาย ทำให้อยากจะเมาจนถึงสุดขอบฟ้า
เป็นเวลานาน ที่ทั้งสองคนโอบกอดโดยใช้หน้าผากชนกัน หลังความรู้สึกเร่าร้อนหายไปแล้วสติก็ค่อยๆถึงดึงกลับมา พูดคุยกันเล็กน้อย รู้ว่าที่นางสลบไปไม่เกี่ยวข้องกับพี่สี่จริงๆ ความโมโหของหยู่เหวินเห้าจึงคลายลง แล้วถามขึ้นว่า “ซาลาเปาบอกว่า ต้องรออีกสิบวันถึงครึ่งเดือนเจ้าจึงจะฟื้นขึ้นมา ทำไมจึงฟื้นก่อนเวลาเล่า”
“ข้าก็ไม่รู้ รอให้ซาลาเปากลับมาในวันพรุ่งนี้ ค่อยถามดู”หยวนชิงหลิงพูด
หยู่เหวินเห้าจ้องนิ่งๆ “คงไม่มีปัญหาอะไรอีกกระมัง”
“ตามหลักแล้วไม่มี ข้าก็ฟื้นขึ้นมาแล้วนี่”
“แล้วเจ้ารู้สึกผิดปกติตรงไหนหรือไม่”เขากุมหน้าของนางเอาไว้และถามขึ้น
หยวนชิงหลิงหลับตาลง ตั้งใจฟังเสียงด้านนอกอย่างละเอียด ตอนที่นางเพิ่งจะข้ามมิติเวลามานั้น นางสามารถได้ยินเสียงที่อยู่ไกลมากได้ ภายหลังพลังเช่นนี้ก็ค่อยๆหายไป ถ้าหากได้รับการฉีดยาอีกครั้ง น่าจะสามารถเป็นเหมือนแต่ก่อนได้
“เป็นอย่างไรบ้าง”
หยวนชิงหลิงลืมตาขึ้น มองดวงตาของเขาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง ในหัวใจของนางก็รู้สึกประหลาดใจมาก “ไม่รู้ เทียบกับก่อนข้าจะสลบไป ก็ดีขึ้นมาเล็กน้อยกระมัง แต่ว่า ข้าไม่มีภาวะเช่นนั้นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว”
“มันคือภาวะอะไร ”หยู่เหวินเห้าไม่รู้ คิดแค่ว่าความรู้สึกไม่สบายนั้นน่าจะปรากฏขึ้นกับร่างกาย แต่ไม่ใช่กับภาวะอะไร
หยวนชิงหลิงก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ในเมื่อมีความรู้สึกค่อนข้างแปลกประหลาดชนิดหนึ่งอยู่ เหมือนนางเป็นสัตว์ที่เพิ่งจะตื่นจากการจำศีลในฤดูหนาว กำลังค่อยๆฟื้นฟูภาวะต่างๆ
“บางทีรอให้ทางซาลาเปากลับมาก่อน ค่อยดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”หยวนชิงหลิงเองก็ไม่เข้าใจนัก จึงไม่กล้าพูดกับเขามากนัก เกรงว่าเขาจะเป็นกังวล
นิ้วของหยู่เหวินเห้ากำมือของนางเอาไว้แน่น “อย่าให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกเลย ครั้งนี้ก็ทำเอาตกใจแทบทนไม่ไหวแล้ว”
“น่าจะไม่เป็นอะไร ข้าก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว”หยวนชิงหลิงพูดปลอบ
ประสาทที่ตึงเครียดของหยู่เหวินเห้าไม่ได้ผ่อนคลายลงเลย เอาแต่จ้องมองหยวนชิงหลิงด้วยคิ้วที่ขมวดแน่นเป็นปม จริงๆเลย จะใช้ชีวิตอย่างสบายใจสักหน่อยทำไมจึงได้ยากเย็นนักนะ
“พรุ่งนี้เข้าวังไปดูฉางกงกงเสียหน่อย”หยวนชิงหลิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“เจ้ารู้แล้วหรือ”
“สิ่งที่ท่านพูดกับข้าตอนที่ข้าสลบไป ส่วนมากข้าล้วนได้ยิน ไม่รู้ว่าเป็นการได้ยินหรือว่าข้าเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ในตอนนี้ ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็รู้เรื่องนี้”หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าสมองของตัวเองวุ่นวายเล็กน้อย เหมือนเส้นใยเป็นพันเป็นหมื่นเส้นกองเป็นภูเขาที่ยุ่งเหยิง มีมากมายที่สามารถค้นหาเบาะแสร่องรอยได้แต่กลับดึงเอาที่มาที่ไปออกมาไม่ได้
เมืองก่วง ในสถาบันวิจัยแห่งหนึ่ง
ฟางหวูนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทีไร้อารมณ์ มองรายงานที่อยู่ในมือ การทดลองในขั้นที่สอง ล้มเหลวแล้ว
เธอไม่รู้ว่าเกิดข้อผิดพลาดตรงไหน ครั้งนี้ ขั้นตอนและจำนวนที่เธอทำการสกัดออกมาล้วนทำตามที่ผู้อาวุโสได้บันทึกเอาไว้ ตามหลักแล้วไม่ควรจะผิดพลาด และในช่วงทดลองขั้นแรก มีการฉีดเข้าไปในตัวหนูทดลองสีขาว ปรากฏว่าเซลล์มีการเคลื่อนไหวอย่างกระตือรือร้นขึ้นมาจริงๆ
ในขั้นที่สอง กลับมีภาวะของเส้นประสาทสมองตายกับภาวะสมองฝ่อปรากฏขึ้น
จวนจะถึงเวลากระชั้นชิดเจียนตัวแล้ว จะล้มเหลวไม่ได้เด็ดขาด
ในเวลานี้เอง เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากศาสตราจารย์หยวน เธอบอกว่าการทดลองล้มเหลว ฝั่งนั้นพูดคุยไม่กี่คำ หลังจากเธอวางโทรศัพท์แล้ว ก็ไปที่บ้านของศาสตราจารย์หยวนทันที
คนที่มายังคงเป็นซาลาเปา เขาพูดอย่างจริงจังว่าแม่ได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว
ฟางหวูส่ายหัว “นี่เป็นไปไม่ได้”
“แต่ฟื้นขึ้นมาแล้วจริงๆนะ”ซาลาเปาเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวานในจวนอ๋องฉู่ให้ฟางหวูฟัง
ฟางหวูฟังแล้วเหมือนอยู่ในกลุ่มเมฆและม่านหมอก จะเป็นไปได้อย่างไร ด้วยสถานการณ์ของนางในตอนนี้ ไม่สามารถควบคุมร่างกายในช่วงเวลาที่แตกต่างกันได้อย่างแน่นอน สามารถรักษาสัญญาณชีพเอาไว้ได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
“ไม่ได้ ข้าจะกลับไปทำการสแกนตัวแม่เจ้า”
“ข้าจะไปด้วย”ซาลาเปากระโดดโลดเต้นขึ้นมา“ท่านแม่บอกว่าให้ข้ารายงานสถานการณ์ของนางทั้งหมด ข้าต้องตามไปด้วย”
ฟางหวูอุ้มตัวเขาขึ้นมา “ได้ เจ้ากับข้าไปพร้อมกัน ”
แม่ของหยวนชิงหลิงสีหน้าขาวซีดถามฟางหวูว่า “คงไม่เป็นไรใช่ไหม”
ฟางหวูบอกว่า “ตอนนี้ดิฉันยังตอบคำถามนี้ไม่ได้ ต้องดูผลจากแผ่นCTซะก่อน”
“มีข้อสรุปแล้วให้ติดต่อพวกเรามาทันที”ศาสตราจารย์หยวนพูด
ฟางหวูพยักหน้า “ดิฉันไปไม่นาน พวกคุณรอก่อนนะคะ”
“ได้ รีบไปเถอะ ”ศาสตราจารย์หยวนโอบไหล่ของแม่ของหยวนชิงหลิงเอาไว้ สีหน้าซับซ้อนส่งทั้งสองคนออกไปจากประตู
ปิดประตูลง แม่ของหยวนชิงหลิงก็ซบไปที่ไหล่ของศาสตราจารย์หยวน พูดพึมพำว่า “ตามหลักแล้วฟื้นขึ้นมาก็ถือว่าไม่เป็นไรแล้ว ถูกหรือเปล่า เป็นอะไรที่น่าเศร้าใจจริงๆ ฟางหวูบอกว่าการทดลองในขั้นที่สองล้มเหลวแล้ว”
“สามารถตื่นขึ้นมาได้ก็น่าจะไม่เป็นไร พวกเราอย่าเพิ่งคิดเรื่อยเปื่อย ทำให้ตัวเองรู้สึกกลัว”ศาสตราจารย์หยวนรู้ว่าอารมณ์ของเธอไม่สามารถแบกรับความตื่นเต้นตกใจได้ ได้แต่ปลอบใจกันไปก่อน แต่ตัวเขาเองก็เป็นห่วงอย่างยิ่ง
ฟางหวูกับซาลาเปามาถึงคอนโดในช่วงเวลาเกือบจะรุ่งเช้า ในมือของฟางหวูถือแฟ้มข้อมูลและแผ่นสแกนต่างๆเอาไว้ปึกใหญ่ ใบหน้าของเธอได้เต็มไปด้วยท่าทีของความตื่นตกใจอย่างมาก เอาแผ่นสแกนและภาพคลื่นไฟฟ้าในสมองให้ศาสตราจารย์ดู “คุณดูสิคะ”
ศาสตราจารย์หยวนดูอย่างละเอียดชั่วครู่ รู้สึกอึ้งตะลึงจนพูดไม่ออกเล็กน้อย “นี่ นี่เป็นของหลิงเอ๋อหรือ”
“ถูกต้อง ได้ทำการสแกนซ้ำหลายครั้งแล้ว ผลที่ได้ล้วนเหมือนกันหมด เซลล์สมองของเธอกำลังแบ่งตัวกำเนิดใหม่ อีกทั้งคลื่นสมองส่งคลื่นไฟฟ้าอย่างผิดปกติ ”ฟางหวูมองเขา ทำสีหน้าให้สงบนิ่งแต่ในสายตานั้นเต็มไปด้วยคลื่นแห่งความตื่นตะลึงพรึงเพริด
“นี่มัน การส่งคลื่นไฟฟ้าที่ผิดปกติเพราะเป็นลมชักหรือเปล่า หรือว่าในสมองมีความผิดปกติอื่นๆ ”แม่ของหยวนชิงหลิงตกใจจนหน้าขาวซีด
พี่ชายของหยวนชิงหลิงดูอยู่สักพัก ก็ยกตัวอย่างขึ้นมาอย่างหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ว่า “นี่น่าจะเป็นผลจากการปล่อยคลื่นไฟฟ้าที่ควบคุมจากระยะไกล”
“เซลล์สมองของคนไม่สามารถเกิดขึ้นมาใหม่ได้ หลังจากตายไปแล้วก็กลับสู่สภาพเดิมไม่ได้ ”แม่ของหยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างกระวนกระวาย “ถ้าเป็นอย่างที่เธอพูด เซลล์สมองมีการแตกตัวเกิดใหม่ขึ้นมาไม่หยุด แล้วผลจะเป็นอย่างไร”
ฟางหวูสูดลมหายใจเข้าลึกๆหนึ่งเฮือก รู้สึกหัวใจไร้เรี่ยวแรง “ดิฉันจะทำการติดตามดูสถานการณ์ของเซลล์สมองที่เกิดใหม่ทุกวัน ดูสิว่าจะมีการหยุดลงหรือไม่”
“เป็นไปได้ไหมที่จะเกี่ยวข้องกับการตั้งท้องของหล่อน”แม่ของหยวนชิงหลิงเริ่มคิดไปในทางอื่นๆ เพราะว่า ผู้หญิงหลังจากตั้งครรภ์แล้วจะมีความเปลี่ยนแปลงทางด้านฮอร์โมนเยอะมาก ทั้งฮอร์โมนตั้งครรภ์ ฮอร์โมนเอสโตรเจน สารฟลาโวนอยด์ทั้งหมด ฮอร์โมนเพศหญิง ต่อมหมวกไตชั้นนอกเป็นต้น สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปมีผลกระทบทำให้สมองเปลี่ยนแปลงไปด้วยหรือไม่ หรือบางที การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้ยาที่ฉีดเข้าไปในร่างของเธอก่อนหน้านี้เปลี่ยนแปลงไปหรือว่า……สมดุล
“ตอนนี้ยังไม่ตัดประเด็นอะไรออกทั้งสิ้น เพราะต้องทำการตรวจสอบในทุกความเป็นไปได้หนึ่งครั้ง”ฟางหวูพูด หันหน้ากลับไปพูดกับซาลาเปาว่า
“หลังจากที่เจ้ากลับไปแล้ว บอกให้นางรู้ถึงข้อสรุปนี้ ยังมี บอกกับนางว่าการทดลองยาล้มเหลว ข้าจะเร่งทำการทดลองในครั้งที่สาม ถามนางดูว่ามีอะไรที่ลืมบอกข้าหรือไม่ หรือมีอะไรที่ไม่ได้บันทึกเอาไว้ในแฟ้มข้อมูล”
“อืม ข้ารู้แล้ว”ซาลาเปารับคำ หลายวันที่ไปกลับ เขามีส่วนร่วมในเรื่องของหยวนชิงหลิง แสดงให้เห็นถึงท่าทีที่ดูเป็นผู้ใหญ่
หลังจากที่ซาลาเปาตื่นขึ้นมา ก็วิ่งตรงไปยังห้องของหยวนชิงหลิง
หยู่เหวินเห้าคว้าตัวเขาขึ้นมาอุ้มวางไว้บนโต๊ะ “รีบบอกมา เจ้าอาวาสว่าอย่างไรบ้าง”
ซาลาเปาบอกว่า “ท่านแม่ไม่ได้ฉีดยา เจ้าอาวาสล้มเหลวแล้ว”
หยวนชิงหลิงร้องอย่างประหลาดใจหนึ่งเสียง รู้สึกตกใจระคนประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เดินอย่างรวดเร็วเข้ามาหา “แล้วทำไมข้าจึงฟื้นขึ้นมาได้”
“เจ้าอาวาสบอกว่าเป็นเพราะเซลล์สมองของท่านเกิดขึ้นมาใหม่”
“อะไรนะ”หยู่เหวินเห้าเบิกตากว้าง “อะไรเกิดขึ้นมาใหม่”