บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 916 เดาถูกแล้ว
หยวนชิงหลิงเดินไปนั่งลง เอนพิงกายไปด้านหลัง หาท่าที่นั่งค่อนข้างสบาย แล้วมองดูนางพร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าอยากรู้ความจริง อยากรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับหมันเอ๋อ”
“พระชายารัชทายาทคิดมากไปแล้ว” แม่นมฉินก็มองดูนาง ยังคงยิ้มแย้ม แต่ความเยือกเย็นในแววตายิ่งลึกซึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เดิมข้าน้อยไม่รู้จักนาง เพียงแต่วันนี้ทุกคนต่างก็ไปทานข้าวแล้ว มีเพียงนางคนเดียวที่ไม่ได้ไป จึงเตรียมมาให้หลานชุดหนึ่ง เพียงเท่านั้นเอง”
หยวนชิงหลิงถามขึ้นว่า “ได้ วันนี้ถือว่าเจ้าใจดีมีเมตตา ทนเห็นบ่าวใช้คนหนึ่งถูกรังแก ให้อดข้าวไม่ได้ งั้นเดิมที่เจ้าไม่ยอมออกจากวัง ทำไมหลังจากได้รู้ว่าลูกสาวของอ๋องหนานเจียงอยู่ในเมืองหลวง เจ้าก็เปลี่ยนใจแล้ว? ข้าเชื่อว่าการออกมาจากวังของเจ้า ถือเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างหนึ่ง อาจจะเป็นภัยถึงชีวิตได้ด้วยซ้ำ
แต่เจ้าก็ไม่สนใจ ไปขอร้องถึงตรงหน้าหวงกุ้ยเฟย เจ้าเพียงแค่ต้องการตอบแทนหลอกุ้ยผินเท่านั้นจริงหรือ?
แต่ข้ารู้มาว่า ที่จริงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับหลอกุ้ยผิน ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรกันมาก ไม่เช่นนั้นตอนที่เกิดเรื่องกับนาง เจ้าก็ถูกลงโทษไปด้วยแล้ว เป็นเพราะไม่ใช่คนสนิท ดังนั้นเจ้าก็เลยสามารถมีชีวิตรอด”
แม่นมฉินหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “จินตนาการของพระชายารัชทายาท ดีเกินไปแล้ว ลูกสาวของอ๋องหนานเจียงอะไร? ข้าน้อยไม่เคยได้ยิน ยิ่งไม่สนใจ”
“เขาเป็นคนหนานเจียง เจ้าไม่สนใจอ๋องหนานเจียงหรือ?” หยวนชิงหลิงมองดูนางพร้อมถามขึ้น
แม่นมฉินเงยหน้าขึ้นอย่างเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “ถึงแม้ข้าน้อยจะเป็นคนหนานเจียง แต่พระชายารัชทายาทก็น่าจะรู้ว่าหนานเจียง แบ่งเป็นสำนักเหนือสำนักใต้ ข้าน้อยเป็นคนเจียงเป่ย จะสนใจอ๋องหนานเจียงอะไรนั่นทำไม?
ดังนั้นพระชายารัชทายาท ท่านคิดมากไปแล้ว ถึงแม้ข้าน้อยจะไม่รู้ว่าท่านต้องการอะไรกันแน่ แต่เรื่องพวกนี้ สำหรับทาสหนานเจียง ที่เห็นแก่อาหารเพื่ออิ่มท้องตรงหน้า ไม่มีความน่าสนใจที่จะต้องถามถึง”
หยวนชิงหลิงอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเป็นคนเจียงเป่ย?” เดิมนางคิดว่า บางทีแม่นมฉินน่าจะเป็นคนในจวนอ๋องหนานเจียง หรือชายารองอ๋องหนานเจียง แต่ถ้าเป็นคนเจียงเป่ย งั้นก็ไม่ใช่
“ข้าน้อยสามารถสาบานได้ว่า เป็นคนเจียงเป่ย หากพูดโกหกแม้เพียงประโยคเดียว ขอให้ฟ้าผ่า ไม่ได้ตายดี” แม่นมฉินพูดขึ้น
หยวนชิงหลิงมองดูนาง สายตาฉายแววสงสัย นางไม่เหมือนกำลังโกหก ก่อนหน้านี้นางโกหกเพื่อปกปิด สังเกตได้จากการแสดงออกทางอารมณ์ กับท่าทีการพูด
แต่ตอนนี้ประโยคที่ว่าสาบาน นางกลับพูดขึ้นอย่างจริงจัง
จู่ๆหยวนชิงหลิงก็คิดอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง ความคิดที่ค่อนข้างเหลวไหลอย่างหนึ่ง
แต่ความคิดนี้ถูกนางปฏิเสธในทันที เพราะการคาดเดานี้ไม่น่าเป็นไปได้ หรือจะพูดว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลย
หรือว่าผิด ตั้งแต่ความคิดก่อนหน้านี้?
แม่นมฉินเดินไปย่อตัวทำความเคารพ ความเยือกเย็นในดวงตาจางหายไป แทนที่ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน และให้เกียรติในฐานะที่เป็นบ่าวใช้ต่ำต้อย พร้อมพูดขึ้นว่า
“ข้าน้อยออกจากวังมาเพราะมีเป้าหมายจริง แต่ไม่ใช่เพื่อลูกสาวของอ๋องหนานเจียง เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับข้าน้อย แน่นอน อย่างที่พระชายารัชทายาทพูด ก็ไม่ใช่เพื่อปรนนิบัติรับใช้องค์ชายเก้าหมดทั้งใจ
ส่วนเมื่อกี้เห็นสาวใช้คนนั้นหิวโหย แล้วรู้สึกรับไม่ได้ เพราะรู้ว่านางเป็นคนหนานเจียง แต่เดิมข้าน้อยไม่รู้จริงๆว่านางเป็นคนเจียงหนานหรือเจียงเป่ยกันแน่
เพียงแค่สงสารเพราะเป็นคนชาติเดียวกัน ดังนั้น ไม่รู้ว่าพระชายารัชทายาท ลองใจเพื่ออะไร ความคิดของเจ้านาย ข้าน้อยก็ไม่กล้าถาม”
หยวนชิงหลิงมองดูนาง ก่อนหน้านี้ที่เข้าวังก็ดี ตอนนี้ก็ดี ล้วนเรียกพวกหรงเยว่มาด้วย เพราะไม่อยากให้แม่นมฉินดูออกว่า หมันเอ๋อรับใช้อยู่ในจวนไหนกันแน่
แต่วันนี้เห็นท่าทีที่นางมีต่อหมันเอ๋อ ความเป็นไปได้ที่คิดในใจส่วนใหญ่มั่นใจว่า นางกับหมันเอ๋อเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน จึงไม่รีรอที่จะเปิดเผย
แต่หากจะพูดว่านางกับหมันเอ๋อไม่เกี่ยวข้องกันเลย และเป็นคนเจียงเป่ย งั้นครั้งนี้แทนที่จะได้เปรียบ กลับกลายเป็นเข้าเนื้อ กลับกลายเป็นเปิดเผยสถานะของหมันเอ๋อ
“งั้นไม่รู้ว่าเจ้าออกจากวัง เข้ามาอยู่ในจวนด้วยเหตุผลอะไรหรือ?” หยวนชิงหลิงถามขึ้น
แม่นมฉินพูดว่า “นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของข้าน้อย ข้าน้อยไม่พูดได้ไหม?”
นางอึ้งไปสักพัก จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยคำพูด ที่แฝงไปด้วยความประชดประชันว่า “แน่นอน เจ้านายถามข้าน้อย ข้าน้อยจะปิดบังเจ้านายไม่ได้ พระชายารัชทายาทต้องการที่จะรู้ให้ได้ ข้าน้อยก็สามารถพูดได้”
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าแม่นมฉินคนนี้ ชำนาญจับใจคนเก่ง หลังจากพูดประโยคนี้แล้ว ค่อยถามจุดประสงค์ของนาง หนีไม่พ้นที่จะเป็นการใช้อำนาจเหนือผู้อื่น
หยวนชิงหลิงไม่ถาม เพราะจุดมุ่งหมายที่จะพูดถึงนี้ ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นความจริง
นางมองดูแม่นมฉิน มองจากรูปลักษณ์แล้ว นางกับหมันเอ๋อไม่มีอะไรคล้ายคลึงกันเลย แต่จากการที่ได้พูดคุยกันนี้ มองดูแววตาของนาง หยวนชิงหลิงรู้สึกเหมือนมีความคุ้นเคยอย่างหนึ่ง คลับคล้ายคลับคลากัน ที่จริงไม่ใช่รูปลักษณ์แต่เป็นลักษณะท่าทีอารมณ์ภายใน
ความคิดนั้น ปรากฏในหัวสมองขึ้นมาอีกครั้ง
หยวนชิงหลิงลูบท้องของตนเอง ปลายนิ้วถูกับลายผ้าปัก ยังไงวันนี้ก็พูดกันอย่างตรงๆแล้ว ไม่ต้องสนใจกับการที่จะคาดเดามากกว่านี้ นางมองดูแม่นมฉิน พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าชื่อมู่ชิงชิง เป็นสาวหมอผีเจียงเป่ยที่หายสาบสูญคนนั้น”
นิ้วเรียวของแม่นมฉินจับแขนเสื้อกว้างไว้ ค่อยๆหดมือเข้าด้านใน มองดูหยวนชิงหลิงอย่างไม่ล่ะสายตา จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างค่อนข้างหน้าขำว่า “พระชายารัชทายาท ท่านช่างเดาเก่งจริงๆ”
หยวนชิงหลิงไม่ยอมปล่อยท่าทีและการกระทำของนางทุกอย่าง พร้อมพูดต่อว่า “มู่ชิงชิงหายสาบสูญแล้ว แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่า นางแต่งงานเป็นชายารองของอ๋องหนานเจียง ยังมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน”
ใบหน้าแม่นมฉิน เผยให้เห็นรอยยิ้มอย่างเหน็บแหนม กล้ามเนื้อบนใบหน้า ในที่สุดก็ความเคลื่อนไหว พร้อมพูดขึ้นว่า “คนหนานเจียงต่างก็รู้ หมอผีเจียงเป่ยกับอ๋องหนานเจียงมีศักยภาพเท่ากัน แอบต่อสู้กันมาเนิ่นนาน สาวหมอผีเป็นผู้นำที่บรรพชนเสินหมิงเลือก จะกระทำผิดกฎได้อย่างไร? นั่นถือเป็นโทษถึงตาย”
นางเดาถูกแล้ว
หยวนชิงหลิงมองดูท่าทีของนาง มีคำกล่าวเบาๆ จากก้นบึ้งของหัวใจว่า มู่ชิงชิง ชายารอง แม่ของหมันเอ๋อ ล้วนเป็นคนคนเดียวกัน
นี่ก็สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมตอนนั้นนางถึงต้องไปจากอ๋องหนานเจียง เพราะนางปกปิดสถานะของตนเองแล้วแต่งงานกับอ๋องหนานเจียง แต่ไม่สามารถที่จะปิดบังไปได้ตลอด มีคนรู้ความจริงแล้ว หมันเอ๋อเคยพูดว่า แม่ของนางเคยบอกนางว่ามีคนตามรังควานนาง นางจึงหนีไปหลบภัย เพื่อหลบคนของเจียงเป่ย
แต่เมื่อหลังจากนางจากอ๋องหนานเจียงมา บางทีตอนแรกเพียงแค่คิดอยากที่จะหลบภัย แต่ต่อมาอ๋องหนานเจียงถูกฆ่ายกตระกูล นางจึงกลับไปไม่ได้แล้ว คนเจียงเป่ยก็ไม่มีทางปล่อยนาง นางจึงจำต้องหลบอยู่ในสถานที่ ที่คนเจียงเป่ยไม่มีอำนาจครอบคลุมไปได้ถึง นั่นก็คือเมืองหลวง นั่นก็คือราชวงศ์ในเมืองหลวง
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่นางไม่ยอมจากวังออกมาปรนนิบัติรับใช้เจ้าเก้า เพราะเมื่อนางออกมาจากวังแล้ว ก็จะมีอันตราย
แต่สุดท้ายนางก็มาแล้ว เพราะนางรู้ว่าลูกสาวของตนเองอยู่ในเมืองหลวง มีเพียงนางออกมาจากวังถึงจะสามารถตามหาลูกสาวของตนเองได้
นางถอนหายใจเบา ลุกขึ้นมาพร้อมพูดขึ้นว่า “หากหมันเอ๋อรู้ว่าแม่ของตนเองยังมีชีวิตอยู่ ไม่รู้ว่าจะดีใจขนาดไหน แต่ตอนนี้บอกนางไม่ได้ จะเป็นการทำร้ายทำให้นางตกอยู่ในอันตรายถึงตายได้ แต่เจ้าวางใจ ทั้งจวนอ๋องฉู่จะปกป้องนางอย่างดีที่สุด”
แม่นมฉินยังคงยิ้มอย่างเยือกเย็น แต่เมื่อหยวนชิงหลิงผลักประตูออกไป รอยยิ้มที่เยือกเย็นของนางค่อยๆแตกสลาย พังทลาย น้ำตาไหลพราก ไหลผ่านผิวเหี่ยวย่น ไหลมาถึงริมฝีปาก นางแทบลืมรสเค็มรสขมไปแล้ว
หยวนชิงหลิงไม่หันกลับไปมองนาง ในเมื่อรู้สถานะของนางแล้ว ก็สามารถมั่นใจได้ว่านางจะไม่ทำให้หมันเอ๋อเดือดร้อน ตอนนี้ ไม่ยอมรับซึ่งกันและกันคือสิ่งที่ดีที่สุด