บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 917 สวีอี
ผลออกมาเป็นเช่นนี้ เกินกว่าการคาดเดาของหยวนชิงหลิง
นางคิดไม่ถึงว่ามู่ชิงชิงจะเป็นชายารองของอ๋องหนานเจียง เป็นแม่ของหมันเอ๋อ นี่ช่างเหมือนโรเมโอและจูเลียต สำหรับมู่ชิงชิง ตอนนั้นก็คงจะเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากที่สุด
เจียงเป่ยเข้มงวดกับหมอผีสาวหมอผีอย่างมาก พวกนางสามารถทำอะไร ไม่สามารถทำอะไร มีศีลกฎข้อห้ามไว้แต่แรกแล้ว นับตั้งแต่วันที่พวกเขาถูกแต่งตั้งกำหนดสถานะ ก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่สามารถเข้าใกล้คนเจียงหนานได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอ๋องที่คิดปกครองหนานเจียง
สาวหมอผีแลดูสถานะสูงส่ง แต่ที่จริงก็ไม่ได้มีความภาคภูมิใจ ไม่เช่นนั้นมู่ชิงชิงไม่มีทางหนี กู้จือก็ไม่มาเมืองหลวง เพียงแต่ กู้จือไม่ได้เหมือนหลบหนีอย่างแท้จริง เพราะนางพูดตลอดว่าอยากที่จะกลับหนานเจียง
บางที นางมาถึงเมืองหลวง ถูกอ๋องอานหลอกใช้ เดิมก็เป็นการวางแผนของหงเย่?
หากเป็นความจริง หงเย่คนนี้ลึกลับและคาดเดาไม่ได้
กลับไปแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเจ้าห้า เจ้าห้าแสดงอาการตกตะลึง พร้อมพูดขึ้นว่า “มู่ชิงชิงคนนี้ ก็ช่างกล้าหาญจริงๆ ต้องรู้ว่าหากมีคนรู้ความจริง นางกลับไปก็เหมือนกับตายทั้งเป็น”
“ทำไมหรือ?” ถึงแม้หยวนชิงหลิงจะรู้ว่าจะต้องมีการลงโทษอย่างรุนแรง แต่เหมือนตายทั้งเป็น ก็ค่อนข้างมากเกินไปแล้ว
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “เคยได้ยินวิธีการทรมานของเจียงเป่ย หากสาวหมอผีทรยศ จะต้องได้รับโทษทรมานสิบแปดอย่าง หลังจากได้รับโทษทรมานสิบแปดอย่างนี้แล้ว ก็จะถูกถลอกหนังจนตาย”
หยวนชิงหลิงตกใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “โอ้สวรรค์ ถลอกหนัง? นี่น่ากลัวเกินไปไหม?”
“ไม่ว่ายังไง วิธีการลงโทษทรมานคนทรยศของพวกเขา รุนแรงอย่างมาก วิธีการใช้เหล็กมัดด้วยแรงดันสูงนี้ ทำให้ผู้คนหวาดกลัว พูดตรงๆก็คือ สิ่งที่คนทรยศต้องได้รับนั้นรุนแรงมาก รับไม่ไหว”
“ดังนั้น หลายปีมานี้มู่ชิงชิงหลบอยู่ในวังมาตลอด ยอมทุกข์ทรมาน เพียงแต่การมีชีวิตอยู่อย่างนี้เดิมก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว” หยวนชิงหลิงนับว่าเข้าใจแล้ว
หยู่เหวินเห้าประคองนางเอนนอนลง พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนยกให้กับข้า เจ้าห้ามยุ่งอีก สิ่งที่เจ้าต้องทำคือพักผ่อนให้ดี ดูแลลูกในท้องให้ดี แล้วคลอดลูกสาวอ้วนท้วน”
หยวนชิงหลิงเอนพิงซบอกเขา หายใจเข้าลึกๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “ท้องครั้งนี้ค่อยสบายหน่อย ไม่มีอาการแพ้ท้องรุนแรงขนาดนั้น แต่ภายในใจเป็นกังวล ไม่สามารถที่จะคิดค้นยาออกมาได้ วันเวลาของข้าทุกวันนี้ เหมือนกับขโมยมา”
“วางใจ ซาลาเปากลับไปเฝ้าดูอยู่ตลอด เจ้าอาวาสก็กำลังสังเกตดูเจ้า….เซลล์สมองเส้นประสาทอะไรพวกนี้ใช่ไหม? หากมีความผิดปกติ พวกเขาจะรีบบอกเจ้าทันที”
ที่จริงในใจหยู่เหวินเห้าก็ไม่สบายใจ เขากลัวยิ่งกว่าหยวนชิงหลิงด้วยซ้ำ เพราะเขาไม่รู้ไม่เข้าใจอะไรเลย คนมักจะหวาดกลัวเรื่องที่ไม่รู้เป็นพิเศษ
เขาลูบท้องของหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “ลูกสาวของเรานำพรมาให้ ตอนที่นางเริ่มขยับ เจ้าก็ค่อยๆฟื้นขึ้นมาแล้ว นางจะนำความโชคดีมาให้กับเจ้า อีกอย่าง ข้าก็รบได้ชัยชนะมาด้วย เห็นไหมว่ามาพร้อมพระพร ข้าคิดไว้ดีแล้ว ชื่อเล่นตั้งว่าไหลฝู ดีไหม?”
“ไม่ดี” หยวนชิงหลิงมองดูเขาอย่างรังเกียจ พร้อมพูดขึ้นว่า “หากเป็นผู้หญิง เจ้าตั้งชื่อเล่นให้กับนางว่าไหลฝู นางจะเกลียดเจ้าไปตลอดชีวิต”
“ไหลฝูดีจะตาย เป็นศิริมงคล” หยู่เหวินเห้าไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไร ชื่อเล่นของลูกจะต้องติดดิน อะไรพวกหนันซิง ตงขิง ตังกุย เทียนฉีอะไรก็ดี ฟังดูแล้วไม่ราบรื่น
ไหลฝู เด่นดังและเป็นศิริมงคล
หยวนชิงหลิงดึงมือของเขามาวางไว้บนท้องนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่พูดแล้ว ลูกเดือดร้อนแล้ว”
แล้วก็เป็นเช่นนั้น ภายในเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมา เคลื่อนไหวอย่างค่อนข้างรุนแรงด้วย
หยู่เหวินเห้าหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “นางดีใจ ดีใจจนกระโดดโลดเต้นขึ้นมาแล้ว”
“งั้นเจ้าไม่ต้องชื่อหยู่เหวินเห้า เจ้าชื่อไหลฝู ต่อไปจะเรียกเจ้าว่าไหลฝู”
หยวนชิงหลิงจ้องมองที่เขาแวบหนึ่ง พร้อมทั้งเรียกขึ้นว่า “ไหลฝู ไหลฝู ไหลฝู”
หยู่เหวินเห้าค่อยๆขมวดคิ้ว ครุ่นคิดดู แล้วก็โบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ ช่างเถอะ ไม่ชื่อไหลฝู แต่ในหัวสมองของข้าก็คิดชื่อที่ดีอะไรไม่ออก เจ้าลองคิดดูไหม?”
“ข้าจะคิดดูดีๆ จะให้เกิดความผิดพลาดเหมือนอย่างครั้งที่แล้วไม่ได้” หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“ใช่ ให้สวีอีได้หน้าไปง่ายๆ” หยู่เหวินเห้าคิดขึ้นมาแล้วก็โกรธ
พูดถึงสวีอี หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “สวีอีก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรที่จะคิดเรื่องแต่งงานให้กับเขาได้แล้วไหม?”
“นางหาเมียที่ดีไม่ได้ คนซื่อบื้อเกิน” หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่า สวีอีไม่คู่ควรที่จะมีภรรยา ไม่รู้จักความโรแมนติกเลยสักนิด
“คนที่บ้านสวีอี ไม่จัดการให้เขาหรือ?”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “แม่ของเขาเสียชีวิตไปแล้ว คนที่ดูแลตระกูลในตอนนี้เป็นแม่เลี้ยง น่าจะไม่สนใจเขามั้ง?
สวีอีก็กลับไปน้อยครั้งมาก หลายปีมานี้เจ้าดูเขา ไม่ว่าจะเทศกาลอะไรล้วนฉลองอยู่กับพวกเราในจวน แสดงว่าไม่สนิทกับคนในครอบครัวของเขาเลย”
หยวนชิงหลิงค่อนข้างแปลกใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ก็เคยได้ยินเขาพูดถึงเรื่องที่บ้านอยู่ ยังนึกว่าปองดองกับคนที่บ้านเป็นอย่างดี อีกอย่าง เหมือนข้าเคยได้ยินเขาพูดถึงแม่ ยังนึกว่าเป็นแม่แท้ๆของเขาเสียอีก”
“เขาเอาใจ ทำดีด้วยตลอด คนอื่นค่อนข้างดูถูกเขา” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
หยวนชิงหลิงไม่ค่อยรู้เรื่องภายในครอบครัวของสวีอี รู้เพียงว่าพ่อของเขาก็เป็นขุนนาง ตอนที่เขาพูดถึงคนในครอบครัว สีหน้าเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าให้ความสำคัญครอบครัวอยู่เหมือนกัน แต่กลับไม่ค่อยกลับไป นี่น่าแปลก
“เขาทำงานอยู่กับเจ้า คนที่บ้านก็ยังดูถูกเขาหรือ?” หยวนชิงหลิงถามขึ้น ตามหลักแล้ว สามารถได้ทำงานอยู่ข้างกายองค์ชายรัชทายาท ก็ถือว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว
หยู่เหวินเห้าหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “เขาไม่มีตำแหน่งขุนนาง คนที่บ้านของเขาคงนึกว่าเขาเป็นบ่าวใช้อยู่ในจวนอ๋องมั้ง? แต่ว่า เรื่องเป็นยังไงกันแน่ข้าไม่ค่อยรู้ ยังสวีอีคนนี้ร่าเริงเบิกบานได้ทั้งวัน กลับไปเดือนล่ะครั้ง เอาเงินไปให้ทานข้าวมื้อหนึ่งแล้วก็กลับ
ข้าเคยได้ยินเขาพูดว่า เขามีน้องค์ชายคนหนึ่ง สอบได้ตำแหน่งปัญญาชน ความหวังของคนทั้งบ้านล้วนอยู่ที่น้องค์ชายเขา เลี้ยงดูอยู่เป็นอย่างดี หวังว่าจะสอบได้ดียิ่งขึ้นในการสอบฤดูใบไม้ร่วงของปีหน้า”
“น้องค์ชายของเขาเกิดกับแม่เลี้ยงหรือ?”
“ใช่ น้องค์ชายคนหนึ่งน้องสาวสองคน ล้วนเกิดกับแม่เลี้ยง”
หยวนชิงหลิงพูดตำหนิเขาว่า “เจ้าทำไมถึงไม่ดูแลเรื่องของเขาล่ะ? ยังไงก็ติดตามอยู่กับเจ้ามาตั้งนานหลายปีขนาดนี้”
หยู่เหวินเห้าหัวเราะแห้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องภายในครอบครัวของคนอื่น จะจัดการยังไง?
อีกอย่างสวีอีก็ไม่เห็นรู้สึกว่าเป็นทุกข์ เขายินยอมเอง ทองพันชั่งยากที่จะซื้อความยินยอมของคน ไม่ใช่หรือ? และไม่ว่ายังไงก็เป็นคนครอบครัวเดียวกัน ตามหลักแล้วก็ไม่ได้ใจดำกับเขา
หากใจดำจริงๆ เขาจะยอมเอาเงินกลับไปให้หรือ? แม่เลี้ยงของเขาก็น่าจะไม่ยุ่งอะไรกับเขามาก ยังไงก็โตแล้ว และก็เป็นลูกชายของภรรยาหลวง ไม่ว่าจะทำยังไงก็ผิด จึงทำน้อยครั้งแล้วให้เขาตัดสินใจเอง”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “เรื่องอื่นไม่ยุ่งก็ได้ แต่เขาติดตามอยู่กับเจ้ามาตั้งนานหลายปีขนาดนี้ เจ้าเป็นถึงองค์ชายรัชทายาทแล้ว ข้างกายก็สามารถมีขุนนางในจวนได้ ทำไมถึงไม่ขอตำแหน่งให้กับเขา?”
หยู่เหวินเห้าถอนหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าหยวน หากขอตำแหน่งขุนนางให้กับเขา ก็จะต้องขึ้นป้ายตำหนักบูรพาตงกง หรือจวนองค์ชายรัชทายาท ข้อกำหนดนี้ต้องทำตามระบบราชสำนัก แบบนั้นคนคอยดูแลกฎระเบียบก็จะมีมากขึ้น ที่ข้าไม่ยอมไปอยู่พระตำหนักบูรพาตงกงก็เพราะเหตุนี้
อีกอย่าง เมื่อมีการแต่งตั้งราชสำนักเล็ก การกระทำทุกสิ่งอย่างของพวกเรา เรื่องทุกอย่างที่พวกเรากระทำ จะต้องยื่นไปก่อนแล้วค่อยปรึกษาหารือ จะมีคนมาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น เพื่อมีลูกหลานสืบตระกูล ต้องตั้งแผนกเหมินเซี่ย แผนกเตี่ยนชู องครักษ์จั่วโย่ว
จะมีคนร้องขอให้ข้าเปิดห้องเรียนรัชทายาท สอนอ่านเรียน จะมีขุนนางทางการเมืองมาร่วมเสวนาเรื่องการเมือง เจ้าจะออกไปข้างนอกตามอำเภอใจไม่ได้ จะออกไปทีก็จะต้องมีคนติดตามเป็นขบวน ไม่ว่ายังไง เป็นกองๆ จะทำให้เจ้าหงุดหงิดจนตาย ดังนั้น เจ้ามั่นใจว่าจะขอให้สวีอีเป็นกรณีพิเศษ?”
หยวนชิงหลิงตกใจอย่างมาก รีบโบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “เรากับสวีอี ได้สนิทกันขนาดนี้
“ดังนั้น พวกเราต้องเสพสุขความสุขที่ไท่ซ่างหวง ร้องขอมาให้พวกเรา หากจวนอ๋องฉู่ยังเป็นจวนอ๋องฉู่ พวกเราก็ปฏิบัติตามกฎระเบียบของจวนอ๋อง” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น