บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 942 ปลดฮองเฮาหรือไม่
ยามสี่ มู่หรูกงกงได้พาทหารรักษาพระองค์มาถึงจวนอ๋องฉู่ สวมชุดมังกร ล้างหน้าจัดแต่งทรงผมเรียบร้อย ก็กลับเข้าวังเพื่อเตรียมประชุมราชสำนักช่วงเช้า
หยู่เหวินเห้าตื่นขึ้นมาวันนี้ คิดว่าจะลางาน วันนี้ในวังต้องมีการทะเลาะวิวาทกันแน่ เขาจะไปไม่ได้ แต่ได้ให้ทังหยางพาคนไปรอฟังข่าวที่หน้าประตูวัง ตอนนี้เขาอยู่ในวังก็เป็นที่ยอมรับแล้ว กู้ซือจะส่งคนของตนเองมาส่งข่าวคราวถึงหน้าประตูวัง
ครู่เดียวก็มีข่าวส่งกลับมาอย่างรวดเร็ว โสวฝู่ถวายฎีกาขอให้มีราชโองการปลดฮองเฮา ฮ่องเต้ไม่เห็นด้วย
แล้วก็มีข่าวคราวส่งกลับมาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เหล่าขุนนางต่างก็เห็นด้วยกับโสวฝู่ ถวายฎีกาขอให้ปลดฮองเฮาอีกครั้ง ฮองเต้ก็ยังคงไม่ค่อยเห็นด้วย
แล้วผ่านไปอีกชั่วครู่ข่าวคราวก็ส่งกลับมาอีก บอกว่าโสวฝู่ได้นำคนไปคุกเข่าอยู่นอกห้องทรงพระอักษร ฮ่องเต้ไม่ได้บอกว่าเห็นด้วยหรือไม่
พอถึงเวลาเที่ยง กู้ซือก็ออกจากวังตรงมายังจวนอ๋องฉู่ บอกว่าไม่ได้มีการปลดฮองเฮา แต่กลับริบประกาศแต่งตั้งฮองเฮาคืนไป เพิกถอนอำนาจทั้งหมดของฮองเฮา เหลือไว้เพียงตำแหน่งฮองเฮาเท่านั้น ข้อกำหนดเรื่องเงินประจำปีและค่าตอบแทนยังคงเดิม แต่ให้ย้ายไปอยู่ที่ตำหนักฟางหมิง
ตำหนักฟางหมิงนั้นเป็นที่อยู่ของพระชายาที่ไม่ได้รับความชื่นชอบแล้วมาแต่สมัยโบราณ ถ้าเข้าไปอยู่ในตำหนักฟางหมิงแล้ว ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่มีทางเข้าไปหา
อีกอย่าง คนข้างกายของฮองเฮาฉู่ได้ถูกสับเปลี่ยนไปหมดแล้ว ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว ทั้งหมดล้วนมีหวงกุ้ยเฟยกับกรมวังจัดการส่งคนเข้าไปรับใช้อีกครั้ง
กู้ซือส่ายหน้ายิ้มขม “เกิดเรื่องนี้ขึ้น กลับไม่มีใครขอร้องอ้อนวอนสักคน”
“ใครจะกล้าขอร้อง เป็นโสวฝู่ที่ขอให้มีพระราชโองการปลดฮองเฮาเอง”หยู่เหวินเห้าพูด
หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าไม่มีทางปลดฮองเฮา บทสรุปเช่นนี้เขาได้คาดการได้แล้ว เป็นสามีภรรยากันมาหลายสิบปี ไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึก แต่อย่างไรเสียก็ต้องไว้หน้ากันบ้าง ขณะเดียวกันก็เป็นการไว้หน้าโสวฝู่ด้วย เพียงแต่การยึดอำนาจของฮองเฮากลับมา ได้จัดการคนกลุ่มใหม่เข้าไป นางก็สร้างอะไรขึ้นมาไม่ได้แล้ว ไม่มีภัยคุกคามต่อตระกูลฉู่สักเท่าไหร่ นับว่าสามารถมอบหมายได้แล้ว
กู้ซือรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง เขาใช้เวลาอยู่ในวังมานาน ที่จริงฮองเฮาไม่ได้เลวขนาดนั้น เมื่อเทียบกับเสียนเฟย ฮองเฮาถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก นางก็เคยปล่องวางได้ แต่ตำแหน่งฮ่องเต้ อย่างไรเสียก็ยังคงมีความหวังอยู่เล็กน้อย ใครจะสามารถปล่องวางได้จริงๆ โดยเฉพาะหลังจากการสร้างเรื่องเดือดร้อนครั้งนี้ ยังดึงหวงกุ้ยเฟยเข้ามาด้วย ฮองเฮาอย่างนางยังต้องดูสีหน้าของหวงกุ้ยเฟย จะรู้สึกพอใจได้อย่างไร
ตั้งแต่พระชายาฉีตั้งครรภ์ นางรู้สึกมองเห็นความหวังอีกครั้ง ไม่ทรมานอยู่เช่นนี้ต่อไป
การแย่งชิงอำนาจฮ่องเต้ ไม่มีวันจะหยุดลง นี่ทำให้รู้สึกเศร้าใจมาก
“อีกสองวัน ผิงเอ๋อบอกว่าจะมาอยู่ด้วยสักระยะ เป็นเพื่อนพระชายารัชทายาท”กู้ซือพูด
“ก็ดี”หยู่เหวินเห้าพูด
ตั้งแต่หยวนชิงผิงให้กำเนิดลูกแล้ว ก็น้อยมากที่จะออกจากจวน งานการในตระกูลกู้ก็มีไม่น้อย หลังจากนางให้กำเนิดลูกสาวแล้วก็เริ่มค่อยๆช่วยเหลือจัดการงานในจวน แต่ว่า พบกับอุปสรรคมากมาย เหตุเพราะเรื่องเหล่านั้นที่ผู้เป็นพ่ออย่างเจ้าพระยาจิ้งทำเอาไว้ ทำให้ตระกูลกู้ก็ถูกกีดกันแบ่งแยก
หยวนชิงผิงชอบการเอาชนะ มีบางเรื่องที่ไม่ยินดีจะบอกให้กู้ซือรู้ บวกกับตอนนี้กู้ซือนอกจากจะรับผิดชอบงานของตัวเอง บางครั้งยังช่วยเหลือหยู่เหวินเห้าในการทำงาน ยุ่งจนเท้าแทบไม่ติดดิน นางไม่อยากเห็นเขาต้องกังวลใจ
ยังดี นางเป็นคนที่มี นางเป็นคนที่มีความกล้าหาญแน่วแน่จริงๆ ในจวนถูกจัดการได้เรียบร้อยพอสมควรแล้ว นางเองก็สามารถหายใจได้สะดวกขึ้นมาบ้าง มาอยู่เป็นเพื่อนพี่สาวเพื่อรอคลอด
ในวันที่ฮองเฮาย้ายเข้าไปอยู่ในตำหนักฟางหมิง ไม่มีน้ำตาเลยแม้แต่หยดเดียว นั่งอยู่คนเดียวในตำหนักเป็นเวลานาน มองออกไปด้านนอกไม่เห็นมีคนมาเยี่ยมนาง ที่เยาะเย้ยนางไม่มา ที่ปลอบใจนางก็ไม่มาเช่นกัน นางราวกับถูกทุกคนตีตัวออกห่างในทันใด
ยังดี เวลาพลบค่ำ เจ้าหญิงเหวินจิ้งมา ช่วยนางจัดการเรื่องของมีค่าที่สามารถนำติดตัวมาด้วย สองแม่ลูกเผชิญหน้ากัน ได้แต่ถอนหายใจเบาๆเสียหนึ่ง
“แม่ผิดหรืออย่างไร”เป็นเวลานาน ฮองเฮาจึงเอ่ยถามเจ้าหญิงเหวินจิ้ง
เจ้าหญิงเหวินจิ้งนั่งลงกุมมือของนางเอาไว้ มองดูหางตาที่แก่ชราของนาง อดไม่ได้ที่จะอยากร้องไห้ขึ้นมา “เสด็จแม่ ลูกไม่กล้าบอกว่าท่านผิด แต่ว่า เป็นเช่นนี้บางทีอาจเป็นเรื่องดี ท่านตาจะถอยลงมาแล้ว ท่านถูกลงโทษก่อน ในใจของเสด็จพ่อยังคงมีความใจกว้างต่อท่านอยู่หลายส่วน ขอเพียงภายหน้าท่านใช้ชีวิตอยู่ในวังนี้ประพฤติตนเรียบร้อย เสด็จพ่อต้องไม่ทำให้ท่านลำบากใจแน่ ”
ฮองเฮาสีหน้าผิดหวัง “ที่จริงแม่รู้ว่าน้องชายเจ้าคงเป็นรัชทายาทไม่ได้ เทียบเขากับเจ้าห้าแล้ว ห่างกันไกลมาก”
“แล้วทำไมท่านต้องหาเรื่องทรมานด้วย”เจ้าหญิงเหวินจิ้งถามขึ้น
“ในบรรดาองค์ชายที่มีมากมาย นอกจากเจ้าสิบที่ยังดื่มนมแม่อยู่ คนอื่นต่างก็ถูกแต่งตั้งเป็นอ๋องออกไปกันหมดแล้ว แต่น้องแปดของเจ้ายังคงอยู่ในวัง ยังมีสถานะเป็นองค์ชาย แม้แต่ตำแหน่งจวิ้นอ๋องก็ไม่ได้รับการแต่งตั้ง แม่รู้ว่าทำเรื่องเช่นนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาได้ แต่ถ้าหากไม่ทำอะไรสักหน่อย หัวใจของข้าก็สงบไม่ลง”
“ท่านหาเรื่องใส่ตัวด้วยใช่เหตุ”เจ้าหญิงเหวินจิ้งพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้
ฮองเฮาฉู่นิ่งขรึม นางไม่พูดถึงเรื่องที่ตัวเองทำถูกหรือว่าทำผิดเป็นการชั่วคราว นางสูงส่งเป็นถึงฮองเฮา ลูกชายของเขาก็สมควรเป็นมังกรท่ามกลางฝูงชน แต่ว่า ดูแต่ละคนล้วนไม่เอาไหน นางรู้สึกว่าเพราะมีนางเป็นสาเหตุ นางไม่ได้ช่วยเหลืออะไร และใช้ชีวิตตามที่ได้ลิขิตมา แต่ภายหลังรู้สึกว่าทำไมต้องนั่งรอความตายเท่านั้น บางทีนางทำอะไรบางอย่างอาจสามารถเปลี่ยนแปลงก็ได้
เพียงแต่ นางไม่เคยคิดมาก่อน ท่านพ่อจะถวายฎีกาให้มีราชโองการปลดฮองเฮาด้วยตนเอง ถ้าหากเป็นคนอื่นขอให้มีพระบัญชา กระทั่งฮ่องเต้มีราชโองการปลดฮองเฮา นางจะต้องอาละวาดแน่ ใช้ความตายเป็นเดิมพัน แต่ว่า นางไร้หนทางตอบโต้การตัดสินใจของท่านพ่อ นางได้แต่ยอมรับ
วันที่อะซี่กลับบ้านมารดา หยวนชิงผิงก็พาลูกสาวท่านพี่ซิ่วมาแล้ว
ท่านพี่ซิ่วเยือกเย็นดุจกู้ซือ คิ้วดกตากลมโต ตามแบบฉบับของผู้หญิงหน้าตาผู้ชาย หยู่เหวินเห้าชื่นชอบเป็นพิเศษ บอกว่าผู้หญิงคนนี้ภายหน้าเติบโตต้องประสบความสำเร็จแน่
ไม่ได้เจอหน้าน้องสาวคนนี้มานานแล้ว หยวนชิงหลิงพูดไม่ได้ว่าเป็นความเป็นห่วงจนไม่สามารถวางใจได้ แต่ว่าบางครั้งก็ส่งคนไปถามสารทุกข์สุกดิบของนาง รู้ถึงเรื่องราวจิปาถะวุ่นวายในจวนของนางเหล่านั้น
“ตอนนี้ในจวนดีขึ้นแล้วกระมัง”หยวนชิงหลิงถามขึ้น
หยวนชิงผิงโตเป็นผู้ใหญ่มาก การแต่งกายก็มีการเปลี่ยนไปบ้าง ดูใจกว้างและหรูหรา เหมือนราวกับเมียหลวงที่จัดการเรื่องราวในบ้านมาก หน้าตาที่แฝงความไร้เดียงสาได้หายไปจนสิ้น ที่มาแทนที่นั้นเป็นประสบการณ์และความสงบนิ่ง
“นับว่ามั่นคงแล้ว”หยวนชิงผิงอุ้มท่านพี่ซิ่วเอาไว้ หอมไปหนึ่งที ค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เห็นได้ชัดว่า ปีสองปีมานี้ก็มีชีวิตที่ไม่ดีสักเท่าไหร่
“เช่นนั้นก็ดี ซิ่วเอ๋อร์ มาหาป้ามา”หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆ
ท่านพี่ซิ่วเดินได้แล้ว ส่ายไปมา ดวงตากลมโตทั้งสองข้างดำขลับมันวาว ราวกับมีดวงดาวผุดออกมา โบกไม้โบกมือทั้งสองข้างเดินไปทางหยวนชิงหลิง
“ท่านพี่ ท่านอุ้มไม่ไหว อย่าอุ้มเลย”หยวนชิงผิงพูดยิ้มๆ
“ไม่เป็นไร สามารถอุ้มได้ครู่หนึ่ง ซาลาเปาข้าก็อุ้มไหว”หยวนชิงหลิงรู้สึกชื่นชอบเด็กน้อยคนนี้มาก อุ้มขึ้นมาด้วยมือเดียว แต่ว่ามีท้องดันเอาอุ้มไม่ค่อยสะดวกจริงๆ แล้วก็ค่อยๆวางลง
เหล่าของว่าก็พาหมาป่าหิมะเข้ามา คิดไม่ถึงว่าท่านพี่ซิ่งเห็นหมาป่าหิมะก็ไม่รู้สึกกลัว หัวเราะชอบใจใหญ่
พวกเด็กๆจ้องมองนางเป็นครู่ใหญ่ จากนั้นซาลาเปาก็เดินไปอยู่ข้างกายหยวนชิงหลิง
“ท่านแม่ น้องสาวคนนี้พวกเราเอานะ”
หยวนชิงหลิงหลุดขำ “จริงหรือ แล้วน้องสาวในท้องแม่ยังจะเอาหรือไม่”
“บ้านเราจะเลี้ยงเพิ่มอีกคนไม่ไหวหรือ”เขาถลึงตาโตถามขึ้น
“อาจจะเลี้ยงไม่ไหว”หยวนชิงหลิงหัวเราะเขา
ซาลาเปารู้สึกกังวลใจขึ้นมา หันหน้ากลับไปมอง “ถ้าเช่นนั้นก็ส่งทังหยวนออกไป”
“ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น”ทังหยวนเอ่ยอย่างโมโห “จะไปเจ้าก็ไปเอง เจ้ามันคนเห็นแก่ตัว”
หยวนชิงผิงพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ “พวกเขาพูดจาน่าสนใจมาก รู้มากขนาดนี้แล้วหรือ”
“เจ้าไม่มานานแล้ว ”หยวนชิงหลิงมองนาง เอ่ยด้วยสายตาอบอุ่น