บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 943 นับถอยหลังวันกำหนดคลอด
หยวนชิงผิงรู้สึกสะท้อนใจ “นึกถึงตอนที่อยู่จวนเจ้าพระยาจิ้ง วันเวลาช่างสบายเสียจริง แม้ว่าพ่อแม่จะไม่เอาไหน ไม่ใส่ใจ แต่ก็ไม่มีเรื่องที่ทำให้เราเป็นกังวลใจอย่างแท้จริง”
หยวนชิงหลิงถามว่า “เจ้ามีชีวิตที่ไม่ดีหรือ กู้ซือปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไรบ้าง”
“เขาดีกับข้ามาก ตอนนี้ในจวนก็ดีมากแล้ว เพียงแต่มีความรู้สึกสะท้อนใจอยู่บ้าง”หยวนชิงผิงยิ้ม ความสุขที่มีอยู่เต็มดวงตานั้นซ่อนไว้ไม่มิด “ได้แต่งงานกับเขาเป็นเรื่องที่โชคดีที่สุดในชีวิตของข้า แม้จะต้องเจอกับความลำบากอีกมากแค่ไหน ข้ายินดีจะแบกรับทุกความลำบาก”
ชะงักไปชั่วครู่ ใบหน้านางก็เก็บสีหน้า “ไม่ ทนรับความลำบากไม่ใช่ข้าไม่ยินดี ข้าจะต่อต้าน”
หยวนชิงหลิงยิ้มออกมา นี่จึงจะเป็นหยวนชิงหลิงที่นางรู้จัก
อะซี่กับสวีอีกลับบ้านมารดาในวันนี้ คนของทางด้านตระกูลสวีก็มาหา แม่นมฉีขวางประตูเอาไว้ ตำหนิไปยกใหญ่ ด่าจนคนของตระกูลสวีมีสภาพไม่ต่างจากหมาหงอย
วันนี้ไม่ต้องขอร้องให้พวกเขาไปช่วยสู่ขอแล้ว แม่นมฉียังทนรับความลำบากนี้ก็แปลกแล้ว ฉะนั้นหลังจากด่าเสร็จแล้ว ยังชี้ไปที่ท่านแม่เลี้ยงสวีและพูดว่า ถ้าหากเจ้ายังหน้าด้านกล้ามาหาสวีอีอีกละก็ จะตีขาให้หักเชียว
แม่นมฉีนั้นด่าคนได้เจ็บแสบมาก คำศัพท์ที่ใช้ก็ไม่ได้นุ่มนวลนัก คำศัพท์ชั่วร้ายที่สุดทั้งหมดที่นางรู้จักล้วนถูกนำมาใช้ ท่านแม่เลี้ยงสวีไม่ใช่คู่ปรับที่คู่ควรด้วยซ้ำ ถูกด่าจนต้องรีบเผ่นหนีไป
และรู้ตัวดีว่าไม่มีทางจะไปนับญาติกับตระกูลสูงส่งทางด้านลูกเลี้ยงได้ ไม่กล้ามาหาอีก
สวีอีกับอะซี่ย้ายกลับไปอยู่ในจวน บ้านใหม่ยังคงดำเนินการก่อสร้างต่อไป
หยวนชิงหลิงช่วงนี้ยุ่งอยู่กับการคำนวณวันเวลา นี่เป็นส่วนที่ยากที่สุด ที่นางบอกว่าไม่รีบเป็นเรื่องโกหก แต่ว่าเรื่องนี้จะรีบร้อนก็ไม่ได้ เพราะว่าไม่มีเวลาที่แน่นอน จะเริ่มคำนวณคงต้องอาศัยการประมาณการในการคำนวณเท่านั้น
ตอนนี้ในเมืองช่วงก็สงบสุขมาก ราวกับว่าทุกสิ่งต่างก็ถอยให้กับเรื่องที่หยวนชิงหลิวจะให้กำเนิดลูก แน่นอนว่า เพื่อให้ในเมืองหลวงยังคงสงบสุขต่อไป หยู่เหวินเห้าก็ลำบากเป็นเวลาไม่น้อยจริงๆ
หลังจากที่โสวฝู่ถวายฎีกาขอให้มีราชโองการปลดฮองเฮาแล้ว ก็เข้าสู่สภาวะที่ทำเรื่องขอปลดเกษียณ ก่อนหน้านี้เขาได้อบรมสั่งสอนลูกศิษย์ไว้บางส่วน ตอนนี้ต่างก็ทยอยเข้าไปรับตำแหน่งในกรมต่างๆแล้ว ทั้งเสนาบดีทั้งเก้าและทั้งหกกรมล้วนมีลูกศิษย์ของเขา และเขานั้นยืนอยู่ข้างรัชทายาท เหล่าลูกศิษย์ต่างรู้ดี อำนาจรัชทายาทของหยู่เหวินเห้าตอนนี้ไม่มีใครสามารถท้าทายได้แล้ว
พระชายาอันให้คนส่งของขวัญมาจำนวนหนึ่ง บอกว่าเป็นการอวยพรที่อะซี่แต่งงาน พระชายาอันเป็นคนที่จำบุญคุณคนมาก วันนั้นตอนที่เกิดเรื่องในวัง อะซี่ก็เคยยื่นมือช่วยนางเอาไว้ ฉะนั้น คนไม่มา แต่ของขวัญถึง
ในบรรดาของขวัญของพระชายาอัน ยังส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้กับหยวนชิงหลิง
พูดถึงสถานการณ์ในช่วงนี้ของนาง และได้พูดถึงสถานการณ์ของอ๋องอันด้วย ในใจของสองสามีภรรยามีร้าวฉาน แต่ภายนอกนั้นดูรักใคร่กลมเกลียวกันดี และบาดแผลของนางไม่เป็นไรมากแล้ว อธิบายเรื่องที่ตกรถม้าในวันนั้น เป็นตัวนางเองที่โกรธจัดจนกระโดดลงไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ไม่ใช่อ๋องอันผลักนาง
ท้ายจดหมาย นางพบว่าตัวเองตั้งครรภ์แล้ว แต่เพราะได้รับบาดเจ็บกินยาไปเยอะมาก ไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบต่อลูกในครรภ์หรือไม่ แสดงถึงความกังวลออกมา
ตอนที่ได้รับจดหมายมา พระชายาซุนกับฮูหยินเหยาก็อยู่ด้วย หยวนชิงหลิงจึงเอาจดหมายให้พวกนางทั้งสองคนดู
ฮูหยินเหยาพูดว่า “ตอนที่นางเกิดเรื่องครั้งนั้น ทำให้อวัยวะเบื้องล่างของนางบาดเจ็บ แต่ไม่คิดเลยว่าจะตั้งครรภ์ได้ไวขนาดนี้”
พระชายาซุนพูดอย่างปลอบประโลมว่า “ก็ดี มีลูกแล้ว ความร้าวฉานระหว่างสามีภรรยาก็น้อยลง น้องสี่นั้นปฏิบัติต่อภรรยานับว่าไม่เลว”
“ในพื้นที่กันดาร ไม่มีท่านหมอที่ดีเท่าไหร่ ร่างกายนางก็อ่อนแอมาก มองในแง่ดีไม่เลย”ฮูหยินเหยาขมวดคิ้วและพูดขึ้นมา
“ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อีกอย่าง ก็ไม่ใช่พื้นที่กันดารมากขนาดนั้นจริงๆ ตอนนี้ทางนั้นก็ค่อยๆดีขึ้นมาแล้ว”ที่จริงพระชายาซุนก็ไม่รู้ว่าทางด้านจวนเจียงเป่ยนั้นแท้จริงเป็นอย่างไรกันแน่ เพียงแต่หลับหูหลับตามองโลกในแง่ดี
เจ้าเจ็ดกับหยวนหย่งอี้ได้รับการตั้งชื่อด้วยอักษรตัวเดียวคือคำว่าเป่า พี่หญิงเป่า หลังจากที่อยู่เดือนในบ้านมารดาสิบกว่าวัน ก็เดินทางกลับไปยังจวนอ๋องฉี
งานครบเดือนนั้นต้องจัดอย่างยิ่งใหญ่ พี่หญิงเป่ายังไม่ทันมีอายุเต็มเดือนก็เห็นหน้าตาได้อย่างชัดเจน ทำให้คนที่พบเห็นต่างก็รู้สึกชื่นชอบ ฮ่องเต้หมิงหยวนยังไม่เคยเห็นหลานสาวคนนี้มาก่อน แต่ได้ยินเหล่าบ่าวรับใช้กลับมาบรรยาย เขาก็ยังคงมีความสุขมาก
วันงานครบเดือน คนของจวนอ๋องฉู่ได้ไปกันหมด
พวกเด็กๆเห็นน้องเป่า ดวงตาทั้งคู่ต่างก็เป็นประกาย น่าเล่นกว่าน้องซิ่วมากจริงๆ เวลาน้องซิ่วโมโหจะทุบตี แต่น้องเป่าไม่ทำ
ครั้งนี้ แม้แต่ข้าวเหนียวยังหวั่นไหว รู้สึกว่าจะมีน้องผู้ชายหรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว อย่างไรเสียก็ต้องมีน้องสาวสักคน ขอร้องแม้อย่างรุนแรงว่าต้องให้กำเนิดน้องสาวคนหนึ่ง
หยวนชิงหลิงอุ้มเด็กไม่ไหวแล้ว นั่งไม่เป็นสุข หลายครั้งที่ได้แต่ยืนขึ้นค่อยๆเดินไปมา ไม่เช่นนั้นก็ต้องนอนลง แต่ถ้านอนลงแล้วจะหายใจค่อนข้างลำบาก
ทรมานจริงๆ
คิดถึงตอนนั้นที่ตื่นขึ้นมาเรียนตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่าง ตั้งแต่ประถมก็ตั้งใจเรียนมาโดยตลอด ตอนนี้กลับไม่มีประโยชน์สักนิด บางทีนางก็รู้สึกเศร้าใจมาก แต่ว่า บางทีก็รู้สึกโชคดีมาก เพราะว่า ไม่ว่าจะอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ ได้อยู่กับคนที่รัก ได้อยู่กับพวกลูกๆ
หยวนหย่งอี้อยู่เดือนได้ดีมาก ดูขาวสะอาด อ้วนเล็กน้อย คนก็มีชีวิตชีวามาก
นั่งพูดคุยอยู่กับสะใภ้ร่วมตระกูล ทันใดนั้นนางก็เอ่ยขึ้นว่า “พรุ่งนี้จะพาพี่หญิงเป่าเข้าวังไปเยี่ยมเสด็จแม่”
พระชายาซุนนิ่งอึ้ง “ไปพบเสด็จแม่หรือ ที่จริงเจ้าไม่ต้องไปก็ได้”
หยวนหย่งอี้ส่ายหน้า “ไปเถอะ ที่สุดสายเลือดก็ตัดไม่ขาด ข้าทำหน้าที่ในส่วนของข้าให้ดี นางจะคิดอย่างไร จะมองอย่างไรไม่สำคัญ เหมือนที่ท่านย่าข้าบอก เป็นคนต้องแยกแยะบุญคุณความแค้นให้ออก ข้ากับนางคงเป็นแม่สามีลูกสะใภ้ที่ดีไม่ได้แน่นอน แต่ถ้าหากข้ามาพี่หญิงเป่าไปเยี่ยมนาง สามารถทำให้หัวใจของเจ้าเจ็ดได้รับการปลอบประโลมบ้างเล็กน้อย ข้าทำเพื่อเจ้าเจ็ดเท่านั้น ”
ทุกคนต่างก็พยักหน้า เป็นเช่นนี้จริงๆ ไม่ว่าจะทะเลาะกันแค่ไหน ที่สุดก็ไม่สามารถตัดความสัมพันธ์แม่ลูกระหว่างนางกับฮ่องฉีได้ แม้ว่าความสัมพันธ์จะร้าวฉาน แต่ในใจสามารถปล่อยวางได้จริงหรือ
วันรุ่งขึ้นสองสามีภรรยาอ๋องฉีก็พาพี่หญิงเป่าไปเยี่ยมฮองเฮาที่ตำหนักฟางหมิง
ฮองเฮากำลังอยู่เป็นเพื่อนองค์ชายแปดในตำหนักเพื่อวาดรูป ได้ยินว่าสองสามีอ๋องฉีพาลูกมาหา นางรู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้าง
วินาทีนี้ นางคิดถึงเสียนเฟยขึ้นมา
บางทีนางยังคงโชคดีกว่าเสียนเฟยอยู่บ้าง
หยวนหย่งอี้คำนับตามมารยาทแล้ว จากนั้นก็นั่งลงข้างๆด้วยท่าทีไม่แข็งกร้าวและถ่อมตนจนเกินไป สองแม่ลูกพูดคุยกัน ก็ค่อนข้างห่างเหินมาก
ฮองเฮาไม่ได้อุ้มพี่เป่า เพียงแค่มองไม่ถึงแวบเดียวเท่านั้น จนสุดท้ายสองสามีภรรยาจะไปแล้ว นางจึงรีบลุกขึ้นยืน “ให้ข้าอุ้มนางสักหน่อย”
พี่หญิงเป่ากำลังนอนหลับอย่างสบายอยู่ในอ้อมแขนของอ๋องฉี เขาลังเลอยู่ชั่วครู่แล้วค่อยๆคลายมือวางไว้บนมือของฮองเฮา
เด็กที่เพิ่งจะครบเดือน น้ำหนักยังเบามาก ฮองเฮาอุ้มอยู่ในมือที่สั่นเทาเล็กน้อย ตบที่หลังเบาๆ ดวงตาแดงขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้นก็รีบส่งคืนอ๋องฉี หมุนตัวเดินเข้าไปด้านใน “พวกเจ้าไปเถอะ”
น้ำเสียงมีความสะอื้นอยู่บ้างเล็กน้อยแล้ว
แววตาของอ๋องฉีหม่นหมองลง มองอย่างนิ่งอึ้งชั่วครู่ จึงอุ้มลูกหันหน้ากลับมาเดินออกไปพร้อมกันกับหยวนหย่งอี้
“นี่สำหรับนางแล้ว เป็นเรื่องดี ข้าไม่ควรเสียใจ ”อ๋องฉีพูดกับหยวนหย่งอี้
หยวนหย่งอี้อิงแอบอยู่ข้างกายเขา “ท่านมีเวลาว่างก็มาเยี่ยมนางบ่อยๆ”
อ๋องฉีส่ายหน้าเบาๆ “ให้นางได้อยู่เงียบๆก่อนเถอะ”
ยังคงส่ายไปมาตรงหน้านาง แต่ทำให้หัวใจนางสงบไม่ลง เหมือนที่ท่านย่าของตระกูลหยวนบอก สายเลือดนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ตัดไม่ขาด รอให้นางคิดออกแล้ว พวกเขายังสามารถกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้
สองสามีภรรยาพาพี่หญิงเป่าไปยังตำหนักฉินคุน เยี่ยมเยียนไท่ซ่างหวง
ไท่ซ่างหวงชื่นชอบเหลนสาวคนนี้มาก เด็กตัวเล็กและอ่อนนุ่มขนาดนี้ ราวกับไม่ได้พบเจอมานานมากแล้ว พริบตาเดียว เหล้าของว่างก็จะสามขวบแล้ว
อากาศค่อยๆหนาวขึ้นมาแล้ว วันกำหนดคลอดของหยวนชิงหลิงก็เข้าสู่การนับถอยหลัง