บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 948 ไท่ซ่างหวงมาดูเด็กน้อย
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง ทำไมยังไม่ทันได้พูดจาสักคำ คนก็เป็นลมไปก่อนแล้ว
องครักษ์รีบเข้ามาประคองตัวเขาขึ้น แบกเข้าไปวางไว้ที่เก้าอี้กุ้ยเฟย กดเอาไว้และนวดเคล้นเป็นเวลาชั่วครู่ จึงเห็นคนค่อยๆฟื้นขึ้นมา
เห็นดวงตาของเขามีท่าทีราวกับจะแตกร้าว อะซี่ก็รีบตะโกนว่า “คลอดออกมาคนหนึ่งแล้ว แม่ลูกปลอดภัย ยังรอคลอดอีก”
“หนึ่งคน ”สมองของหยู่เหวินเห้ามีเสียงอื้ออึงขึ้นมาอีก คว้าตัวเต๋อกงกงที่อยู่ข้างๆทันที “ทั้งหมดมีกี่คน”
เต๋อกงกงแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว “ข้าน้อย ข้าน้อยก็ไม่รู้ ”
“นี่คลอดออกมานานแค่ไหนแล้ว ยังไม่เห็นคนที่สองออกมาหรือ”หยู่เหวินเห้าจะบ้าแล้ว
“ไม่ใช่ ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ อาจจะคลอดแล้ว แต่ในห้องไม่ได้รายงาน”เต๋อกงกงถูกเขาคว้าคอเอาไว้แทบหายใจไม่ออก
หยู่เหวินเห้าพลักเขาออกไป เดินอย่างรวดเร็วฝ่าเข้าไป ตลอดทางแม้จะมีคนคอยขวาง แต่ว่า เขาเหมือนกับสิงโตที่คลุ้มคลั่งไปแล้ว ใครจะขวางได้
เลิกผ้าม่านออก ก็มีกลิ่นคาวเลือดลอยเข้ามาในจมูก ฮูหยินเหยากับแม่นมสี่อุ้มเด็กเอาไว้ หมอหลวงได้ถือกล่องยาถอยออกมาจากฉากกั้นแล้ว เห็นหยู่เหวินเห้ามาถึง ก็รีบคุกเข่าลง “ยินดีกับองค์รัชทายาทที่ได้โอรส……หนึ่งคู่”
หยู่เหวินเห้ายื่นมือออกไปเช็ดที่ใบหน้าทีหนึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นน้ำตาหรือเหงื่อ ค่อยๆเดินเข้าไปช้าๆ มีน้ำตารื้นขึ้นมาอยู่บ้าง
เห็นได้ชัดว่าหยวนชิงหลิงเหนื่อยล้าอยู่บ้าง เมื่อครู่มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นเล็กน้อย เจ้าห้าทิ้งระยะห่างเกือบจะครึ่งชั่วโมงก็ไม่ยอมออกมา หลังจากที่หมอหลวงมาถึงแล้วก็ให้กินยาเร่งคลอด เจ้าห้าจึงออกมาอย่างไม่รีบร้อน
“พระองค์ รีบดูท่านชาย”แม่นมสี่อุ้มเด็กเดินเข้ามา เสียงของนางก็แหบแห้งไปแล้ว เมื่อครู่ตกใจเป็นอย่างมาก นางไม่เคยทำคลอดมาก่อน ในวังนี้แม้แต่นางผดุงครรภ์ก็ไม่ดี หมอหลวงคอยชี้แนะอยู่หลังฉากกั้น นางกับฮูหยินเหยาทำคลอดกันสองคน
อะซี่นั้นแทบจะเป็นลมไปกลางสถานการณ์ ฉะนั้นจึงให้นางกับหรงเยว่ออกไปด้านนอก
“ดูสิ น่ารักน่าชังขนาดไหน”แม่นมฉี่อุ้มเด็กเขยิบเข้าไป หยู่เหวินเห้าไม่ดูด้วยซ้ำ ยื่นมือดันตัวนางออกไปจากนั้นก็เดินไปทางหยวนชิงหลิง
สองขาของเขาอ่อนแรงจนไม่มีแรงเลยแม้แต่น้อย ราวกับเหยียบอยู่บนนุ่น คุกเข่าลงข้างเตียง ยื่นมือออกไปจับลูบที่ใบหน้าซีดขาวของหยวนชิงหลิง ดวงตาร้อนผ่าว น้ำตาไหลออกมา “เมื่อครู่ทำข้าตกใจแทบตาย”
หยวนชิงหลิงใช้หน้าแนบไปที่มือของเขา ริมฝีปากโค้งขึ้นเล็กน้อย “ข้ารู้ว่าท่านกลัว ฉะนั้นจึงไม่กล้าบอกให้ท่านรู้ว่าข้าตั้งครรภ์ลูกแฝด”
“ฉะนั้น ”หยู่เหวินเห้ารีบเช็ดหน้าอย่างลวกๆ “เครื่องฟังเสียงหัวใจนั่นไม่ได้เสีย”
“ไม่ได้เสีย”หยวนชิงหลิงหัวเราะขึ้นมา ยื่นมือไปลูบหน้าเขา เช็ดน้ำตาที่อุ่นร้อยออกไป
หยู่เหวินเห้ากัดมือของเขาเอาไว้ พูดเสียงสะอื้นว่า “ยายหยวน เจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ”
“ไม่ได้เป็นดั่งใจท่านหวัง ไม่ได้คลอดลูกสาว”หยวนชิงหลิงพูดพลางถอนหายใจ
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า ลำคอรู้สึกตื้อตันขึ้นมาเป็นระลอก “ไม่เป็นไร เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้ว”
“ดูลูกหน่อยเถอะ”หยวนชิงหลิงเอ่ยเสียงอ่อนโยน
แม่นมสี่กับฮูหยินเหยาอุ้มเด็กเข้ามา ฮูหยินเหยาไม่รู้ว่าเพราะอะไร เอาแต่ตัวสั่นเทาอยู่ตลอด ร้องไห้จนตาแดงก่ำไปหมด ตอนที่อุ้มเจ้าห้าเข้ามา ขานางก็สั่นไปด้วย
เพราะไม่มีผ้าห่อตัวเด็ก เป็นหวงกุ้ยเฟยที่จัดการเอาเสื้อคลุมผ้าฝ้ายของไท่ซ่างหวงมาคลุมเอาไว้ เด็กทั้งสองคน หน้าตาไม่ได้เหมือนกันสักเท่าไหร่ ตอนนี้ยังดูไม่ออกว่าหน้าตาเหมือนใคร แต่ว่า ดวงตาทั้งสองข้างค่อนข้างดำสนิทและมันวาว มองหยู่เหวินเห้าไม่วางตา
“ตั้งแต่ท่านชายคลอดออกมาจนถึงตอนนี้ ยังไม่ร้องไห้สักแอะ”แม่นมสี่พูด
เด็กทั้งสองดูวงบนิ่งราวกับไก่ อีกทั้งยังตัวไม่เล็ก ใบหน้ากลมๆนั้นมีสีชมพูราวกับรอยเลือดที่ไม่ทันเช็ดให้แห้ง หยู่เหวินเห้ายื่นมือไปลูบทีหนึ่ง ก็พบว่านั้นคือสีผิวที่แท้จริง
เพียงเดี๋ยวเดียวก็มีลูกตัวกลมเพิ่มมาสองคน ในใจของหยู่เหวินเห้ารู้สึกสับสนมาก แน่นอนว่าก็รู้สึกดีใจมาก เพราะว่าเป็นลูกของตัวเอง
“อุ้มสักหน่อย”หยวนชิงหลิงพูดเสียงเบา
หยู่เหวินเห้านั่งอยู่บนพื้น เด็กทั้งสองถูกวางลงบนมือทั้งซ้ายขวา เบามาก แต่ว่าท่าทีที่อุ้มนั้นราวกับหนักมาก
หลังจากฮูหยินเหยาวางเด็กลงแล้ว ก็เช็ดน้ำตาอย่างแรง ห้ามเสียสะอื้นไห้ไม่ได้
หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงมองนาง นางจึงหันหน้าไปทางอื่น พูดด้วยเสียงสะอื้นว่า“เมื่อครู่ยังคิดว่าเจ้าห้า……”
น้อยมากที่จะเห็นฮูหยินเหยาเสียการควบคุมเช่นนี้ ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่ นางตกใจมากจริงๆ
“ทำไมไม่ร้องไห้”หยู่เหวินเห้ามองลูกทั้งสอง รู้สึกในใจไม่สมดุล ยายหยวนลำบากมากขนาดนี้ เขาตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่างแล้ว แต่พวกเขาทั้งสองกลับนิ่งสงบได้ขนาดนี้ จากนั้นก็วางลูกทั้งสองคนไว้บนตัก ตีไปคนละหนึ่งฝ่ามือ บริเวณข้างก้นของเด็กทั้งสอง
แต่ว่า เด็กทั้งสองยังคงนิ่งสงบเช่นเดิม แม้แต่ตาก็ไม่กะพริบ
“อย่าทำเช่นนั้น อย่าทำเช่นนั้นเพคะ”แม่นมสี่ตกใจมาก รีบหลุดปากพูดออกไป“นี่เพิ่งจะคลอดออกมา จะตีได้อย่างไร”อีกทั้งยังตีแรงมาก นางแม้แต่ใช้แรงจับสักหน่อยยังไม่ทำไม่ลงเลย
หยู่เหวินเห้ายกความน่าเกรงขามของคนเป็นพ่อขึ้นมา “ตีไม่ได้ ถ้าหากไม่เชื่อฟัง ภายหน้าจะถูกตีมากกว่านี้อีก”
พูดแล้ว ก็ค่อยๆขมวดคิ้วขึ้นมา ในใจก็มีความกังวลเบาๆ เมื่อครู่ตีไปหนึ่งที ไม่ใช่อยากจะตีจริงๆ เพียงแต่ไม่ร้องไห้จะเป็นใบ้หรือไม่
“รัชทายาท รัชทายาท”ด้านนอก มีเสียงประจบของมู่หรูกงกงดังขึ้นมา “พระองค์ดูเสร็จหรือยัง รีบอุ้มออกมาให้ไท่ซ่างหวงกับฮ่องเต้ได้ชมบ้าง ฮ่องเต้มีรางวัลให้”
“อย่าเพิ่งรีบร้อน ”หยู่เหวินเห้ายังไม่อยากจะอุ้มออกไป อยากจะอยู่กันสี่คนพ่อแม่ลูกอีกสักครู่
“แล้วพระองค์จะอุ้มออกมาเมื่อไหร่”มู่หรูกงกงถามขึ้น
“รอให้ผ่านไปหนึ่งถ้วยน้ำชาก็ออกไปแล้ว”หยู่เหวินเห้าพูดเสียงเรียบๆ
มู่หรูกงกงตอบรับเสียงหนึ่ง ก็ออกไปรายงานที่โถงใหญ่ “รัชทายาทบอกว่า ผ่านไปหนึ่งถ้วยน้ำชาก็ออกมาแล้ว”
เมื่อครู่หมอหลวงออกมารายงานว่าท่านชายทั้งสองได้คลอดออกมาแล้ว ฮ่องเต้หมิงหยวนดีใจจนประทานรางวัลให้แก่บ่าวไพร่ในวังและผู้ติดตามรับใช้ทันที
รออยู่เป็นเวลาครู่ใหญ่ ไม่เห็นอุ้มท่านชายออกมา รอจนรู้สึกร้อนใจไปหมดแล้ว
“ยังต้องเป็นเวลาอีกหนึ่งถ้วยชา”ฮ่องเต้หมิงหยวนบ่น“อุ้มออกมาตอนนี้ไม่ดีหรือ ก็บอกว่าจัดการเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือ ”
ไท่ซ่างหวงนั้นนิ่งสงบมาก “จะรีบร้อนไปทำไม เวลาหนึ่งถ้วยชาประเดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว”
“ใช่”ข้างบนมีคนแก่ คนแก่พูดจา ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่กล้าถามอีก
เพียงแต่ ผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งถ้วยชาแล้ว เด็กก็ยังไม่อุ้มออกมา ฮ่องเต้หมิงหยวนร้อนใจมาก แอบมองไท่ซ่างหวงแวบหนึ่ง เห็นเขาค่อยๆดื่มชาอย่างช้าๆ ราวกับไม่ร้อนใจอะไร ก็ไม่กล้าถาม
การรอครั้งนี้ รอเป็นเวลาครึ่งชั่วยามเต็มๆ ฮ่องเต้หมิงหยวนโมโหจนควันออกหูแล้ว คนก็ยังไม่ออกมาเสียที
ถ้าหากไท่ซ่างหวงไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย เขาคงจะโมโหกราดเกรี้ยวน่าดูไปแล้ว
ไหนเลยจะรู้ว่า กลับได้ยินไท่ซ่างหวงตบโต๊ะด้วยความโมโห “ไปเร่งอีกซิ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองไป จมูกของไท่ซ่างหวงแทบจะมีควันพุ่งออกมาแล้ว ไหนเลยยังจะมีความสงบนิ่งเหมือนเมื่อครู่
ในที่สุด หยู่เหวินเห้าก็อุ้มลูกทั้งสองคนค่อยๆเดินออกมาอย่างเนิบช้า
อุ้มคนละหนึ่งคน อุ้มไปวางไว้บนมือของฮ่องเต้หมิงหยวนและไท่ซ่างหวง
ฮ่องเต้หมิงหยวนราวกับได้รับของล้ำค่า สำรวจดูอย่างละเอียด ไม่พูดไม่ได้ว่า เด็กคนนี้มีลักษณะที่ดีมากหน้าผากโหนกนูน ติ่งหูกลมเกลี้ยง ปลายจมูกมีเนื้อแน่น เป็นลักษณะของคนที่มีบุญวาสนาสูงส่งโดยกำเนิด
“มา เปลี่ยนกัน ”ไท่ซ่างหวงมองดูอยู่ชั่วครู่ ก็เร่งเขา
ฮ่องเต้หมิงหยวนจึงส่งเจ้าห้าให้ไท่ซ่างหวง ตัวเองอุ้มเจ้าสี่มา อ้าวหนึ่งเสียง“พวกเขาสองคนหน้าตาไม่เหมือนกันนี่นา”
“อืม ไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่ แต่ว่าต่างก็มีหน้าตาน่าดูมาก”ไท่ซ่างหวงยืดคางพยักหน้าหนักๆทีหนึ่ง สายตามีแววแห่งความรักและเอ็นดูที่ยากจะพบเห็นปรากฏขึ้น